วันที่ 29 ก.ย.64 พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ.
พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4. บก.ปคบ.พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม รอง ผกก.4 บก.ปคบ. พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ สว.กก.4. บก.ปคบ.
จับกุมน.ส.กชวรรณ อายุ 36 ปี และนายดาร์ร๊าก แพทริก อายุ 43 ปี ชาวไอริช
ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ
จับได้ที่บริเวณหน้าบ้านในพื้นที่หมู่ 4 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ไอแพด 1 เครื่อง เงินสด 64,000 บาท
เสื้อผ้าที่ใช้ในการก่อเหตุ ซิมการ์ดโทรศัพท์ 109 อัน สมุดบัญชีธนาคารและบัตร ATM หลายรายการ
พ.ต.อ.เนติ เปิดเผยว่า มีกลุ่มผู้เสียหายหลายราย แจ้งความ กก.4 บก.ปคบ. ถูกคนร้าย หลอกขายโทรศัพท์ไอโฟน และไอแพด ราคาถูก ภายในเฟซบุ๊ก มาเก็ตเพลส facebook marketplace
โดยโอนเงินซื้อสินค้าแล้ว กลับไม่ได้สินค้าและถูกบล็อกช่องทางการติดต่อในที่สุด รวมมูลค่าความเสียหาย เกือบ 5 แสนบาท
เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจนทราบว่า คนร้ายสร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมา ใช้รูปคนอื่นเพื่อให้น่าเชื่อถือ
จากนั้นจะโพสต์ขายสินค้า เช่น โทรศัพท์ไอโฟน 11 ราคา 16,000 บาท และไอแพด ราคา 13,000 บาท เป็นราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด โดยไม่มีสินค้าอยู่จริง
ผกก.4.บก.ปคบ. กล่าวต่อว่า เมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อซื้อสินค้า คนร้ายจะให้โอนเงินไปเข้าบัญชีธนาคารของร้านขายทองคําออนไลน์ต่างๆ
จากนั้นคนร้ายจะแจ้งไปที่ร้านขายทองว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีซื้อทองคําแท่งเรียบร้อยแล้ว ขอให้ส่งทองไปตาม บ้านเลขที่ต่างๆ โดยคนร้ายจะเลือกบ้านที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย และจะใช้ชื่อของเหยื่อที่ถูกหลอก มารอรับพัสดุ
เมื่อถึงวันที่พัสดุจะมาถึง คนร้ายจะไปดักรอพนักงานส่งพัสดุ บริเวณใกล้เคียง จากนั้นจะแสดงตัวต่อพนักงานเพื่อขอรับพัสดุ
เมื่อได้ทองมาแล้วจะนำไปขายและบล็อกช่องทางการติดต่อทุกช่องทาง จากนั้นคนร้ายจะเปลี่ยนบัญชีเฟซบุ๊ก และร้านทองคําออนไลน์ที่ซื้อไปเรื่อยๆ เพื่อใช้ในการหลอกลวงเหยื่อต่อไป
สอบสวนทั้งคู่รับสารภาพว่า นายดาร์ร๊าก จะเป็นผู้สร้างเฟซบุ๊กปลอม และโพสต์ขายโทรศัพท์ไอโฟน และไอแพด คอยพิมพ์พูดคุยกับเหยื่อรายต่างๆ
อีกทั้งยังเป็นคนติดต่อกับร้านขายทองคําออนไลน์ โดยมี น.ส.กชวรรณ เป็นคนช่วยแปลและพิมพ์ภาษาไทยและส่งข้อความเสียงพูดคุยกับเหยื่อ เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่า คนขายเป็นผู้หญิงมีตัวตนอยู่จริง
ทำมาได้ประมาณ 1 ปีเศษ มีผู้เสียหายหลงเชื่อมากกว่า 30 คน ทั้งนี้น.ส.กชวรรณ ยังเคยถูกจับกุม ดําเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงมาแล้วถึง 3 ครั้ง ก่อนนำตัวส่ง สน.สําราญราษฎร์ ดําเนินคดี
หากผู้เสียหายรายใดเคยถูกผู้ต้องหาทั้งสองหลอกหลวงในลักษณะดังกล่าว สามารถติดต่อประสานงานขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กก.4 บก.ปคบ. และ สน.สําราญราษฎร์