“ผู้การแมน” พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ห้อย “พระอังคีรส” – หลวงพ่อดำ วัดตุยง เล่าปาฏิหาริย์ 20 ปีได้ “พระวัดรังษี” คืนมา
“คุณพระคุ้มครอง ของขลังคุ้มภัย” ในครั้งนี้ ยังคงแวะเวียนมาที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) อีกครั้ง โดยมาพูดคุยกับนายพล หนุ่มใหญ่ฝีมือดี ที่เพิ่งขึ้นมาจากการทำงานในพื้นที่ภาคใต้หมาดๆ หลังจากนัดแนะกันแบบกะทันหัน ก็มีโอกาสพบ “ผู้การแมน” พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รรท.ผบก.สส.บช.น. ซึ่งหลังจากไปขึ้นเป็น รอง ผบก.น.5 ก็ลงภาคใต้เป็น รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา รอง ผบก.สส.บช.ภ.9 ขยับติดยศนายพล เป็น ผบก.ภ.จ.ยะลา และกลับขึ้นมาทำงานในกรุงเทพฯ อีกครั้ง
“ผู้การแมน” ยิ้มตามสไตล์และทักทายกันพอสมควร หลังจากไม่เจอกันมาหลายปี พูดบอกว่าจะมาคุยเรื่องพระเครื่องที่ใช้อยู่ “ผู้การแมน” เลยควักออกมาโชว์ เป็นสร้อยเชือกสีดำตรงปลายหุ้มทองคำ พร้อมบอกว่า “นอกจากห้อยพ่อกับแม่ที่คุ้มครองติดตัวแล้ว มีคนบอกว่าปีที่เกิดพี่ต้องห้อยพระปางสมาธิ จึงหาพระองค์นี้มาห้อย เรียกว่า “พระอังคีรส” เป็นพระปางสมาธิ ของ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม รุ่นนี้ตั้งแต่ปี 2481 มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานในการปลุกเสก มีเกจิ 108 รูป ตั้งแต่สมัย “จาด จง คง อี๋” เกจิเยอะๆมาปลุกเสก เลยเลือกองค์นี้มาห้อย
” ตอนแรกไปห้อยองค์เดียว แต่พอไปทำงานที่นั่น คนที่ภาคใต้บอกว่ามาใต้ให้ห้อยหลวงปู่ทวด กับพระปกหลวงพ่อดำ วัดตุยง (วัดมุจลินทวาปีวิหาร) จ.ปัตตานี ได้มาตอนทำงานที่ภาคใต้ ก็เลยได้มา ที่เฮลิคอปเตอร์ตกที่แก่งกระจาน แล้วไม่ตาย และคนที่ปัตตานีนับถือท่านมาก ซึ่ง 2 องค์นี้มีคนให้มา”
“ผู้การแมน” เล่าถึงพระเครื่องที่เคยให้ครั้งเก่าก่อนอีกว่า “สมัยก่อนพี่ห้อยพระวัดรังษีอยู่ติดกับวัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร แต่ตอนนี้เป็นคณะรังษีอยู่ที่วัดบวรฯ ลุงพี่ให้มาตั้งแต่เป็นนักเรียน นรต.ปี 1 แต่จำได้ตอนอยู่ปี 2 ไปกินเหล้าเมา แล้วนอนหลับตื่นมาพระหาย พร้อมสร้อยทอง 3 บาท ตอนนั้นเสียดายมากที่พระหาย รู้สึกบาปกรรมมากเลย ทองไม่เท่าไหร่ เพราะลุงเคยบอกให้เก็บไว้ดีๆ แต่เรายังรักษาไม่ได้ ลุงบอกว่า “มีพระวัดรังษี ชีวีไม่วางวาย” องค์นั้นจำได้เลยว่าหน้าตาเป็นยังไง
” เคยอธิษฐานว่าหากมีวาสนาจริงขอให้ได้พระองค์นั้นคืน สมัยที่เป็น ผกก.สส.บก.น.8 เคยไปช่วยคนไว้เรื่องหนึ่ง เขาเอาพระวัดรังษีมาให้พี่ พี่ขนลุกเลย เชื่อว่าเป็นพระที่พี่เคยทำหายไป มีรักปิดทองและตลับเหมือนที่ทำหายไปเลย เชื่อส่วนตัวเลยว่าใช่องค์เดิมของเรา ซึ่งก่อนหน้านี้ พี่ก็หาเช่าพระวัดรังษีมาหลายองค์นะ แต่ก็ไม่สวยเท่าองค์ที่ได้คืนมา อันนี้พี่เชื่อนะว่าปาฏิหาริย์ องค์นั้นพี่เลยเก็บที่บ้านเลย ไม่กล้าเอามาใช้อีก กลัวหาย เพราะหายไปนานกว่า 20 ปี (หัวเราะ) ”
“ที่ผ่านมา พี่มีคนเอาพระมาให้เยอะ พี่รู้จักเซียนพระหลายคน เอาไปให้เขาดูบ่อยจนบอกว่าเลิกเอาพระปลอมมาให้ดูซักที (หัวเราะ) ก่อนเขาจะให้พระคืนมา “ป๋อง สุพรรณ” ให้หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า มา ส่วน “อ้วน นครปฐม” ก็ให้รูปหล่อพระโบราณมา ที่ผ่านมามีคนให้มาก็เก็บตลอด แต่เล่นพระไม่เป็น ถ้าเล่นเป็นรวยไปแล้ว (หัวเราะ) ตอนนี้ก็มีสะสมไว้เยอะอยู่ แต่จากประสบการณ์ องค์ที่เลื่อมทองส่วนใหญ่จะปลอม แต่องค์เปลือยๆเปล่าๆนี่จะแท้เลย ที่สำคัญ หากเรามีพระดี แล้วไม่ประมาทในการทำงาน มันก็จะดีเอง แต่หากคิดว่ามีพระเจ๋งแต่เราประมาท ทำงานไปก็ไม่รุ่ง”
เมื่อพูดเรื่องการทำงานในตำแหน่ง ผบก.สส.บช.น. “ผู้การแมน” บอกว่า “ให้นโยบายลูกน้องว่าให้ทำงานสนับสนุนพื้นที่ อย่าไปเป็นฮีโร่ เราทำงานได้ผลงาน เรารู้เองว่าใครทำ ทำงานให้ดีในหน้าที่ มาอยู่ที่นี่มีลูกน้อง 250 คน อยู่ที่ยะลามี 3,600 คน แต่ที่นี่แม้กำลังน้อย แต่ก็มีฝีมือดีทุกคน ทำงานก็บอกลูกน้องทุกคนให้เซฟเสมอ อย่างอยู่ในบ้าน 2 คน ไปเรียกพวกมาล้อมไว้ ไม่ต้องบุก หากไม่มีตัวประกัน หาอะไรมากิน ยังไงมันก็ต้องออกมา
“แต่หากมีตัวประกันก็อีกเรื่อง วางแผนกันจะเข้ายังไง อยู่ 4 คน ไม่มีตัวประกันก็รอได้ อย่าประมาท ไม่อยากได้ผลงานเร็วแต่ลูกน้องตาย ซึ่งความรู้สึกที่ลูกน้องตายนี่แย่มาก”
ก่อนพี่ย้ายขึ้นมาถูกระเบิดตายไป 3 คน รู้ว่ามันเอาคืนเพราะเราไปจับปืน อีกคนกำลังจะแต่งงาน อีกคนกำลังจะไปขอแฟนแต่งงาน อีกคนก็ลูกเล็ก อยู่ที่นั่นพี่ชอบนะ กำลังเข้าที่เข้าทาง เข้ากับชุมชนได้ เราทำงานแบบมีความสุข แต่อยู่ที่นี่อีกแบบ ก็พยายามปรับให้ดีที่สุด”
นี่เป็นแค่บางส่วนที่มีโอกาสพูดคุยกับ “ผู้การแมน” อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รรท.ผบก.สส.บช.น. นายพลตำรวจที่นำรุ่นอยู่ในขณะนี้ ผลงาน ฝีมือไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ที่สำคัญนอกจากพระเครื่องที่ห้อยประจำ “ผู้การแมน”บอกว่าเห็นบางคนแขวนหลายองค์ แต่พี่แขวน “หลวงพ่อแป๊ะ”องค์เดียวพอแล้ว..แน่นอนจริงๆ..!!
” เป่าหิมะ “