วันที่ 26 ม.ค.65 พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ.
พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม รอง ผกก.4 ,พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.4 บก.ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.
นำกำลังจับกุม น.ส.ปัณณภัสร์ หรือเอริ อายุ 25 ปี และน.ส.สาวิกา อายุ 39 ปี ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
จับน.ส.เอริ ได้ที่บ้านย่านทองหล่อ ถนนสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา ส่วน น.ส.สาวิกา จับได้ที่บ้านพัก ย่านบางบอน แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กทม. พร้อมตรวจยึดพยานหลักฐานต่างๆ ไว้เป็นของกลาง
สืบเนื่องจากเดือนกรกฎาคมปี2563 ผู้เสียหาย เป็นบริษัทหนึ่งของประเทศไต้หวันต้องการซื้อถุงมือทางการแพทย์จากประเทศไทย เพื่อนำไปจำหน่ายให้ลูกค้าในประเทศต่างๆ
ได้ติดต่อเจรจาซื้อขายกับ บริษัท แอดวานซ์ นาโน โค้ทติ๊ง จำกัด มี น.ส.ปัณณภัสร์ และ น.ส.สาวิกา เป็นกรรมการ
โดย น.ส.ปัณณภัสร์ หรือเอริ อ้างว่าได้รับโควต้าจำหน่ายถุงมือทางการแพทย์จากบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตถุงมือทางการแพทย์รายใหญ่ของประเทศไทย โดยมีการปลอมเอกสารการได้รับโควต้าและการเป็นตัวแทนจำหน่ายมาแสดง
เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ตกลงซื้อถุงมือทางการแพทย์ 1,000,000 กล่อง พร้อมทยอยโอนเงินให้ผู้ต้องหา 9 ครั้ง รวมเป็นเงิน2,789,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 86,084,008 บาท
ต่อมาได้ส่งมอบถุงมือทางการแพทย์กัน เมื่อสินค้าถึงปลายทางพบว่า เป็นถุงมือที่ใช้งานแล้ว ต่อมาครั้งที่ 2 ผู้ต้องหาได้จัดส่งถุงมือทางการแพทย์ไปที่ประเทศสวิตเชอร์แลนด์ เมื่อสินค้าถึงปลายทางพบว่า เป็นกล่องถุงมือภายในบรรจุก้อนอิฐอยู่
เมื่อติดต่อไปหาผู้ต้องหา ไม่สามารถติดต่อได้ ได้ประสานงานระหว่างประเทศเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ต่อ กก.4 บก.ปคบ.ให้ดำเนินคดี ก่อนจะขอศาลออกหมายจับ กระทั่งจับกุมดังกล่าวสอบสวนทั้งคู่ให้การปฏิเสธ นำตัวทั้งคู่พร้อมของกลางส่ง กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี