ผบช.ก.แถลงรวบส.อ.แสบใช้เอกสารปลอม หลอกตระเวนเช่ารถหรู ก่อนจำนำเต็นท์รถ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
บ่ายวันที่ 30 ก.ค.65 ที่ ห้องประชุมชั้น 2 บก.ป พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รองผบก.ป.พ.ต.อ.วีระศักดิ์ คล้ายทอง ผกก.4.บก.ปอศ. พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ รอง ผกก.3 บก.ป.ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป.
ร่วมแถลงผลจับกุม ส.อ.เจษฎา หรือโบ้ท หรือนายกฤชนนท์ อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน,ฉ้อโกง และฉ้อโกงประชาชน จับได้ที่หน้าบริเวณคอนโดมีเนียม ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กทม.
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้ ได้หลอกชักชวนเพื่อนที่ทำงาน ให้ร่วมกันลงทุนหุ้นกู้ของบริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ซึ่งไม่เป็นความจริง มีผู้เสียหาย 21 ราย แจ้งความร้องทุกข์กับบก.ปอศ.เมื่อ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา มูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพบมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ถูกหลอกลวงแต่ไม่ได้แจ้งความ เนื่องจาก ผู้ต้องหาจะใช้วิธีหมุนเงินเอาเงินจากผู้เสียหายรายใหม่ไปใช้หนี้ให้กับผู้เสียหายที่ต้องการจะแจ้งความอีกด้วย
ผบช.ก.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังได้มีบริษัทรถเช่าและเต็นท์รถ 3 บริษัท เข้าร้องทุกข์กับกองปราบปรามว่า ส.อ.เจษฎา ยังได้ก่อเหตุเช่ารถหรูราคาแพง อ้างว่าจะนำไปให้ผู้บังคับบัญชาใช้งาน รูมีทั้ง ปอร์เช่ บีเอ็ม ดับเบิ้ล ยู และเบนซ์ ในราคาเช่าวันละ 1.2 -1.5 หมื่นบาทต่อวัน
จากนั้นจะหาชื่อผู้ครอบครองรถและปลอมเอกสารต่างๆ นำไปจำนำหรือขายต่อให้กับเต็นท์รถมือสองย่านนนทบุรี ได้เงินมาครั้งละหลายล้านบาท ทำอย่างนี้เรื่อยมา
จนผู้ให้เช่าเริ่มสงสัยไม่ปล่อยรถให้เช่า ผู้ต้องหาจะหาเพื่อนหรือคนรู้จักให้ไปเช่ารถแทนแล้วนำไปขายอีก โดยให้เปอร์เซ็นต์กับผู้ที่ไปเช่ารถเป็นการตอบแทน รวมเช่ารถและนำไปขายทั้งหมด 12 คัน มูลค่าประมาณ 76 ล้านบาท
นอกจากนี้ทราบว่าผู้ต้องหาได้ก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง หลายพื้นที่ มีรถหรูจำนวนมากที่ถูกหลอกเช่าไปจำนำและหลอกขายต่อให้เต็นท์รถยนต์มือสอง มูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท และคาดว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายราย ที่อยู่ระหว่างเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามท้องที่ต่างๆ
ผบช.ก.กล่าวต่ออีกว่า ทุกครั้งที่ผู้ต้องหานำรถที่หลอกเช่าไปจำนำหรือขายนั้น มักจะนำภาพใบหน้าตัวเองตัดต่อลงข้อมูลบัตรประชาชนผู้อื่น เพื่อให้ตรงกับข้อมูลรถยนต์คันนั้นๆ แล้วจะนำไปขาย หรือจำนำ เมื่อได้เงินมาจะนำมาใช้จ่ายส่วนตัว บางครั้งจะนำมาชดใช้ให้กับเต็นท์รถต่างๆรวมทั้งผู้เสียหายที่ถูกหลอกร่วมลงทุน เป็นการหมุนเวียนเงินไปเรื่อย ๆ และกระทำในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง
หลังจากทราบเรื่องได้สั่งให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศชัน ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป.พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ รอง ผกก.3 บก.ป.ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป. พ.ต.ต.หญิง กัญจิรา นรสาร สว.ฝอ.บก.ปปป. ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป.นำกำลังสืบสวนจนสามารถตามจับกุมได้ดังกล่าว
สอบสวน ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ.ดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนส่งตัวฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพ
จากการการตรวจสอบพบว่า ส.อ.เจษฎา เดิมตำแหน่งพนักงานสลับสายหมวดสื่อสาร กองร้อยกองบังคับการ กรมทหารสื่อสารที่ 1 (กระทุ่มแบน) ค่ายกำแพงเพชอัครโยธิน จ.สมุทรสาคร หลังจากก่อเหตุหลอกลวงเพื่อนทหารในค่ายเดียวกันจนถูกแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ได้ถูกต้นสังกัดมีคำสั่งให้ออกจากราชการ
ตรวจสอบบัญชีพบมีเงินหมุนเวียนเกือบ 200 ล้านบาท และยังพบมีหมายจับติดตัวอีก 2 หมาย เป็นหมายจับศาลอาญาพระโขนง ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ข้อหา ฉ้อโกง ทั้งนี้หลายครั้งที่ถูกจับกุมตัวดำเนินคดีจะหาทางเจรจาเคลียร์คดีกับผู้เสียหายจนรอดจากการถูกจับกุมดำเนินคดีทุกครั้ง