วันที่ 28 ต.ค.65 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต. วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองผบก.สอท.1 ร่วมกันเปิดเผยความคืบหน้ากรณีปืนของทางราชการหาย และมาตรการในการป้องกัน
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ตามที่ปัจจุบันปรากฎข่าวต่อสื่อมวลชนว่ามีปืนที่ใช้ในราชการไม่ว่า ตำรวจหรือฝ่ายความมั่นคงอื่นๆ ได้หายไปจากสถานที่เก็บรักษา ซึ่งโดยส่วนใหญ่เกิดจากเจ้าหน้าที่ภายในมีส่วนรู้เห็น
กรณีนี้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาหมั่นตรวจสอบการเก็บรักษาและการเบิกจ่ายอาวุธปืนให้เป็นไปตามระเบียบโดยเคร่งครัด โดยเฉพาะหัวหน้าสถานีตำรวจต้องตรวจหมั่นตรวจสอบเป็นประจำตามวงรอบที่กำหนด และขอให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงขึ้นมา ออกสุ่มตรวจว่ามีการปฏิบัติตามระเบียบที่ถูกต้องหรือไม่
นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงานใช้สิทธิ์ในใบอนุญาตซื้ออาวุธปืน หรือ ใบ ป.3 ไปซื้ออาวุธปืนขนาดต่าง ๆ แล้ว เพื่อนำไปขายในตลาดมืด โดยไม่ไปขอใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน หรือ ใบป.4 ตามขั้นตอน
บางรายนำใบ ป3 ไปเวียนซื้อปืนมากถึง 5 กระบอก ก่อนนำไปขายในตลาดออนไลน์และบางส่วนขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มีราคาแพงกระบอกละประมาณ 50,000 บาท สั่งให้ตรวจสอบเพื่อดำเนินคดี
ทั้งนี้ สำนักงานตำแหน่งแห่งชาติ จะระงับโครงการปืนสวัสดิการตำรวจ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบเมื่อมีการนำปืนหลวงไปก่อคดี พร้อมวางระบบป้องกันปืนหายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการติด “สติ๊กเกอร์ โค้ด ” ที่บริเวณโคมปืน ซึ่งอยู่ด้านในของด้ามปืนอีกชั้นหนึ่ง
และตรวจสอบปืนโดยใช้อุปกรณ์ยิงที่สติ๊กเกอร์ Code ซึ่งจะแสดงข้อมูลเบื้องต้นของปืนกระบอกดังกล่าว เช่น เลขทะเบียนปืน วันเดือนปีที่ผลิต ข้อมูลการเข้าประจำคลังของปืนหรือการเบิกจ่ายปืนไปใช้ ซึ่งจะช่วยป้องกันปืนหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสติ๊กเกอร์ Code เป็นเทคโนโลยีสหรัฐอเมริกา หลายประเทศใช้เทคโนโลยีดังกล่าว
ส่วนในระยะยาว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะติด QR Code หรือ Barcode บนปืนหลวงทุกกระบอก แทนสมุดบัญชีเบิกจ่ายปืนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ป้องกันไม่ให้ปืนถูกขโมยไปจากคลังเก็บ ซ้ำรอยเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ส่วนปืนที่ชำรุดหรือ ปลดระวาง จะเรียกคืนส่งกองพลาธิการตำรวจ ทำลายทิ้งทั้งหมด พร้อมยืนยันปืนหลวงมีความทันสมัย ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอาวุธปืนของคนร้าย
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้ไปตรวจราชการในเขตพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 5 จึงได้สุ่มตรวจคลังเก็บรักษาอาวุธปืน ของ สภ.เวียงชัย จ.เชียงราย ก็พบว่ามีการปฏิบัติตามระเบียบการเบิกจ่ายอาวุธปืนถูกต้อง ทำให้ไม่เกิดเหตุอาวุธสูญหาย
ขยายความ “กรณีปืนหลวง”แนวทางของท่านรองต่อ คือ
1) ปืนหลวง พร้อมกระสุนปืน จะต้องเป็นรุ่นเดียวกัน ทุกคนมีทุกอย่างเหมือนกัน กระสุนจะต้องมีเพียงพอ และพร้อมสำหรับการปฏิบัติงาน
2) ต้องตรวจสอบปืนหลวงทุก 15 วันโดยจะสุ่มตรวจว่ามีการปฏิบัติตามระเบียบถูกต้องหรือไม่
3) กรณีที่ต้องระงับโครงการปืนสวัสดิการตำรวจไว้ก่อน เหตุผลก็คือ เพื่อให้ง่าย
ต่อการตรวจสอบ เพราะอาจจะมีการนำปืนหลวงไปก่อคดีได้
4) วางระบบป้องกันปืนหายโดยการนำเทคโนโลยีของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีประสิทธิภาพที่สุดมาใช้โดยตรง คือการติด “สติ๊กเกอร์ รหัส CODE”ที่บริเวณโคมปืน ซึ่งอยู่ด้านในของด้ามปืนอีกชั้นหนึ่ง
วิธีนี้จะช่วยให้สามารถตรวจสอบปืนได้เร็วและง่ายขึ้น เพียงใช้อุปกรณ์ยิงที่สติ๊กเกอร์รหัส CODE ก็จะปรากฏข้อมูลสำคัญของปืนกระบอกดังกล่าว เช่น เลขทะเบียนปืน วันเดือนปีที่ผลิต ข้อมูลการเข้าประจำคลังของปืน หรือการเบิกจ่ายปืนไปใช้
5) ปืนที่ชำรุด หรือปลดระวาง จะเรียกคืนส่งกองพลาธิการตำรวจ ทำลายทิ้งทั้งหมด
6) ระยะยาว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะติดสติ๊กเกอร์รหัส CODE บนปืนหลวงทุกกระบอก
แทนสมุดบัญชีเบิกจ่ายปืนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเพื่อป้องกันไม่ให้ปืนถูกขโมยไปจากคลังเก็บ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
รอง ผบ.ตร. (28 ต.ค.65)