บช.ก.ยกระดับความปลอดภัยป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ ร่วมกับ เมต้า (เฟซบุ๊ก) และพันธมิตร เปิดฟีเจอร์ใหม่ป้องกันบัญชีม้า รายงานบัญชีปลอม เสริมความปลอดภัยแก่ผู้ใช้และธุรกิจ
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.68 มีรายงานจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. นายร็อบ เอบรัมส์ หัวหน้าฝ่ายการดำเนินการทางกฎหมาย พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ Facebook ประเทศไทย และพันธมิตรจากหลากหลายภาคส่วนของประเทศไทย
ร่วมกันลงนามยกระดับเปิดฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่มาตรการป้องกันการฉ้อโกงออนไลน์และส่งเสริมการสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยและยั่งยืน เพื่อให้ผู้ใช้ทั้งทั่วไปและภาคธุรกิจรับมือกับภัยไซเบอร์ได้ง่ายขึ้น
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กล่าวว่า“ปัญหาอาชญากรรม การหลอกลวงออนไลน์เป็นปัญหาระดับโลก ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย อีกทั้งกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่ตั้งฐานปฏิบัติการตามชายแดนในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่การบังคับใช้กฎหมายปกติเป็นไปได้ยากเพื่อพุ่งเป้าหลอกเหยื่อทั่วโลกรวมทั้งคนไทย
นับตั้งแต่ปี 2567 ที่ตำรวจสอบสวนกลางได้เข้ามาช่วยทำคดีอาชญากรรมทางออนไลน์ ได้สืบสวนสอบสวนจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนหลายแก๊ง และแสวงหาความร่วมมือเพื่อป้องกันเชิงรุกกับหน่วยงานต่างๆ รวมถึงเมต้า (Meta) อย่างต่อเนื่องทั้งการแชร์ข้อมูลเพื่อร่วมกันทำการปราบปราม หรือการพิจารณานำฟีเจอร์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอื่นๆมาใช้ในไทย”
ขณะที่ พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ Facebook ประเทศไทย กล่าวว่า การหลอกลวงของแก๊งอาชญากรรมออนไลน์มักดำเนินการเป็น 5 ขั้นตอน ได้แก่ การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การเตรียมการ การเข้าถึงเหยื่อ การลงมือหลอกลวง และการลบหลักฐานเพื่อตัดร่องรอย
เพื่อรับมือกับภัยเหล่านี้ เมต้าให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยและความมั่นคงของผู้ใช้ โดยมุ่งยกระดับการป้องกันการหลอกลวงบนแพลตฟอร์มอย่างเป็นระบบ
ปัจจุบันมีทีมงานกว่า40,000 คนทั่วโลก และลงทุนไปแล้วกว่า30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการพัฒนาเทคโนโลยีและระบบตรวจจับภัยออนไลน์
พร้อมทั้งกำหนดมาตรฐานชุมชนที่ห้ามเนื้อหาหลอกลวงหรือชักจูงให้ผู้อื่นเสียทรัพย์สิน โดยใช้ทั้งเทคโนโลยีอัตโนมัติและการตรวจสอบด้วยมนุษย์ในการลบเนื้อหาที่ละเมิดพร้อมส่งเสริมความรู้และเครื่องมือให้ผู้ใช้สามารถป้องกันตัวเองจากการหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พ.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เมต้ายังเสริมความปลอดภัยให้ผู้ใช้ด้วยฟีเจอร์การตั้งค่าบัญชี เช่น การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน การแจ้งเตือนเมื่อมีความพยายามล็อกอินที่น่าสงสัย และฟีเจอร์Security Checkup เป็นต้น
ขณะเดียวกัน เทคโนโลยี AI ก็ถูกนำมาใช้เป็นด่านแรกในการตรวจจับและจัดการบัญชีปลอมอย่างรวดเร็ว โดยสามารถสกัดกั้นความพยายามในการสร้างบัญชีปลอม และลบบัญชีต้องสงสัยได้หลายล้านบัญชีต่อวัน ภายในไม่กี่นาทีหลังจากถูกสร้างขึ้น
ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 เพียงไตรมาสเดียว Meta ได้ดำเนินการลบบัญชีปลอมไปแล้วกว่า 1,400 ล้านบัญชี โดย99.9% ถูกลบออกก่อนจะมีการรายงานเข้ามา โดยระบบอัตโนมัตินั้นทำงานตลอดเวลาเพื่อตรวจจับและลบบัญชีปลอม สแปม และโพสต์หลอกลวง
นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา Meta ได้ลบบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการหลอกให้หลงรัก(Romance Scam) ไปแล้วกว่า408,000 บัญชี รวมถึงเพจและบัญชีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงอีกกว่า116,000 รายการ
พ.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวด้วยว่า ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ เพื่อยกระดับความมั่นคงปลอดภัยในสังคมดิจิทัลและส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ผ่านการเปิดตัวฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม และการนำเสนอเครื่องมือความปลอดภัยใหม่ ที่จะช่วยแจ้งเตือนผู้ใช้ถึงบัญชีธนาคารต้องสงสัยก่อนทำธุรกรรมทางการเงิน โดยฟีเจอร์นี้ได้ร่วมพัฒนากับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและอำนวยความสะดวกให้สามารถรายงานกิจกรรมที่น่าสงสัยบนแพลตฟอร์มได้