ภาพยนตร์มหากาพย์อิงประวัติศาสตร์ Gladiator
งานของผู้กำกับ “ริดลีย์ สก็อตต์” ที่ออกฉายในปี 2543 กวาดรายได้ถล่มทลายไปกว่า 465 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงสุดเป็นอันดับ 2 ในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก
ส่งให้ “รัสเซลโครว์” ดังเป็นพลุแตก รวมถึงนักแสดงอื่น ๆ ก็ดังปังไปด้วยกัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 73 ถึง 12 รางวัล และคว้ามาได้ 5 รางวัล โดย 2 รางวัลใหญ่คือภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ซึ่ง “รัสเซล โครว์” ซิวรางวัลนี้ไป
ความสำเร็จด้านรายได้ของ Gladiator ไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้ผู้สร้างหนังสนใจทำภาคต่อ แต่เสียงเรียกร้องของผู้ชมก็เป็นส่วนสำคัญ
และจริงๆ แล้วตอนจบของ Gladiator แม้นายพล “แม็กซิมัส เดซิมัส เมอริเดียส” รับบทโดย “รัสเซล โครว์” จะเสียชีวิตไป ก็ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างให้ต่อยอดเป็นภาค 2
ทว่าการมาของภาคต่อของ Gladiator กลับใช้เวลายาวนานถึง 24 ปี เรียกว่ามาช้าหน่อย แต่ก็มา! และยังเป็นงานจากฝีมือของผู้กำกับระดับตำนาน “ริดลีย์ สก็อตต์”
Gladiator II หรือ “แกลดดิเอเตอร์ นักรบผู้กล้า ผ่าแผ่นดินทรราช 2”เผยความคืบหน้าจากภาคแรกต่อมาอีกหลายสิบปี
เมื่ออาณาจักรโรมันผลัดแผ่นดิน มีจักรพรรดิฝาแฝดนาม “เกตา” (โจเซฟ ควินน์) และ “คาราคัลลา”(เฟร็ด เฮชิงเกอร์) ขึ้นปกครองราชย์
พวกเขาไม่ได้ครองแผ่นดินโดยธรรม แต่กลับเป็น “ทรราช” ที่ใช้อำนาจกดขี่ผู้คนจนเดือดร้อนลำบากไปทั่วทุกหย่อมหญ้า อหังการอยากบุกยึดดินแดนอื่นมาเป็นของตน
สองแฝดพี่น้องได้บัญชาให้นายพล “อคาเชียส” รับบทโดย “เปโดร ปาสคาล” ไปบุกไล่ล่ายึดเอาบ้านเมืองคนอื่นมาเป็นของโรมัน และหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายก็คือ “นูมิเดีย” ดินแดนในทวีปแอฟริกา
https://www.youtube.com/watch?v=-viglkT88cY&t=15s
เมื่อข้าศึกเข้ามาประชิดเมือง ชาวนูมิเดียก็พยายามต้านทัพศัตรู แต่ก็แพ้พ่ายตกเป็นเมืองขึ้น บรรดาผู้ชายถูกจับเป็นเชลยศึกนำกลับไปยังกรุงโรม ให้เป็นทาสฝึกฝนการต่อสู้ในสังเวียนโคคลอสเซียม สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่ใจกลางกรุงโรม ศูนย์กลางแห่งจักรวรรดิโรมัน
ซึ่งหนึ่งในเชลยที่ถูกกวาดต้อนมาก็คือ “ฮานโน” สวมบทโดย “พอล เมสคัล” ชายหนุ่มที่มีภูมิหลังปริศนา แต่คั่งแค้น “อคาเชียส” ยิ่งนัก เพราะภรรยาสุดที่รักของต้องวายชนม์ไปด้วยลูกธนูของทหารกองทัพ “อคาเชียส”
หลังจาก “ฮานโน” ถูกนำมายังกรุงโรม เรื่องราวก็เฉลยไปทีละเปลาะว่า “ฮานโน” ไม่ใช่คนแปลกหน้าต่างถิ่น
แต่เขาคือ “ลูเชียส” โอรสของ “ลูซิลลา” (คอนนี นีลเซ่น) พระธิดาของจักรพรรดิมาคัส ออเรลิอัส อดีตกษัตริย์โรมันผู้ล่วงลับ และ “ลูซิลลา” ได้อภิเษกกับ “อคาเชียส” ซึ่งทำให้นายพลผู้เป็นวีรบุรุษแห่งโรม กลายสถานะเป็น “พ่อเลี้ยง” ของ “ลูเชียส” ไปโดยปริยาย
นอกจากนี้หนุ่มผู้พลัดพรากจากมารดา ยังได้รับรู้ว่าบิดาที่แท้จริงของเขาคือใคร
Gladiator II มอบความสนุกผ่านเนื้อหาแนว “การคืนสู่บัลลังก์ราชา” ของผู้ปกครองที่แท้จริง ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคและบทพิสูจน์แบบปางตาย
ภาพยนตร์ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของความเป็น Gladiator ที่ถูกนิยามว่านักสู้ที่มีอาวุธพร้อมมือ มาประฝีมือกันแบบ “ชนะก็อยู่-แพ้ก็ตาย” เพื่อสร้างความบันเทิงแก่ชนชาวโรมัน
ฉากต่อสู้ในโคลอสเซียมจึงเป็น “ท่าบังคับ” ที่ต้องยิ่งใหญ่สมการรอคอย ซึ่งใน Gladiator II มีการเนรมิตฉากต่าง ๆ ไม่ว่าจะสมรภูมิรบทางน้ำ และการโรมรันในโคลอสเซียม ทำออกมาได้อย่างสุดตระการตา เสมือนว่า “กรุงโรม” คือสถานที่ที่ดลบันดาลอะไรให้เกิดขึ้นมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ส่วนนักแสดงฝีมือฉกาจฉกรรจ์อย่าง “เดนเซล วอชิงตัน” รับบท “มาครินัส” พ่อค้าผู้มั่งคั่งชาวโรมัน ก็ไม่เคยทำให้ผู้ชมผิดหวัง
บทของ “มาครินัส”คือนายเงินที่ซื้อตัว “ฮานโน” มาเป็นทาส ให้ฝึกการต่อสู้และส่งลงฟาดฟันในโคลอสเซียม เป็นบทที่ เดนเซล เล่นได้สบายมือและสุดแพรวพราว เดาทางไม่ออก ว่าเบื้องหลังเบื้องลึกและจุดประสงค์ที่แท้จริงของตัวละครตัวนี้คืออะไร เป็นการแสดงที่หลอกล่อผู้ชมได้อย่างสนุก
ดาราหนุ่มใหญ่ผู้มากด้วยรางวัลคนนี้ ยกย่อง Gladiator II ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาเคยแสดงมา
เห็นชัด ๆ กับความทุ่มเทในโปรดักชั่น และปริมาณคนทำงาน ซึ่งงานของ “ริดลีย์ สก็อตต์” ไม่ได้มีคนแค่หลักร้อยในฉากต่อสู้ แต่สูงถึงหลักพัน และไม่มีม้าแค่ 20 ตัว แต่มีมากถึง 200 ตัว
Gladiator ภาคแรกเป็นงานที่ยิ่งใหญ่อย่างไร้ข้อกังขา แม้จะมีเสียงวิจาณ์ว่าขาดความแม่นยำทางข้อมูลประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความบันเทิงลดลง และเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่อยู่ในใจของผู้ชมมากมาย
การมาของ Gladiator II ก็จัดเต็มความบันเทิงแบบจุก ๆ ไม่พร่องความตระการตาของฉาก สื่อประเด็นของความเป็นนักสู้ที่คมคาย ปลุกพลังใจให้ฮึกเหิมโดยเฉพาะการสู้เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต
เป็นการกลับมาที่สมราคาของ “ริดลีย์ สก็อตต์”!
Blue Bird16/11/67