จากปฏิบัติการตำรวจ PCT ชุดที่ 5 สนธิกำลังกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ บูรพา 491 เปิดปฏิบัติการตัดวงจรขบวนการส่งคนไทยข้ามแดนไปทำ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่ประเทศกัมพูชา โดยปฏิบัติการเชิงรุก ให้ตำรวจอำพรางตัวเป็นสายลับ สมัครเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ เพื่อรู้วิธีกระทำความผิด เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2565
จากการขยายผลพบพยานหลักฐานความเชื่อมโยงซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ออกหมายจับไว้รวม 58 ราย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร (PCT) สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 / หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT 5) เฝ้าสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับที่เหลือ เพื่อเร่งตัดวงจรคนไทยข้ามแดนไปทำงาน “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่ประเทศกัมพูชา
ต่อมาวันที่ 26 สิงหาคม 2565 เวลา17.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 / หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT 5) พ.ต.อ.ธนเสฏฐ์ ประชาชัยศรี ผกก.สืบสวน 3 ฯพ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) บก.สส.ภ.2
พ.ต.ต.มาโนชย์ ทองแก้ว สว.กก.3 บก.สส.ภ.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ร่วมกันจับกุมตัว
น.ส.เจนนิสา อายุ 23 ปี ชาว จ.ชัยภูมิตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ จ.422 / 2565 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2565
กล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจรร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่จะน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”
เป็น 1 ใน 58 หมายจับที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการได้ออกไว้ ชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และไม่ให้การใดที่เป็นประโยชน์ต่อการขยายผล
แต่จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้กำลังจะเดินทางกลับไปทำงานพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่ตึกประตูดำ ประเทศกัมพูชา ผู้ต้องหาเป็นชุดทำงานหลังบ้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลของเหยื่อ และเป็นแฟนกับคนสนิทของบอสชาวจีน หัวหน้าแก็งคอลเซ็นเตอร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้ออกหมายจับไว้
สามารถยืนยันได้ว่า สาวทอมชื่อยีนส์ขณะนี้ทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ตึกประตูดำ หน้าวัดตราด ตามที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลไว้ก่อนหน้านี้ ร่วมกับบุคคลที่มีหมายจับอื่นตามข้อมูลที่ผู้ต้องหาติดต่อกับยีนส์ฯ ผ่านทางข้อความทางเฟซบุ๊ค จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนท้องที่รับผิดชอบ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวว่า
“ปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดหนักและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ คือการให้วัคซีนให้ภูมิคุ้มกันกับประชาชน ต้องช่วยกันสื่อสารให้ถึงคนไทยทุกคน ให้พร้อมรับมือกับกลยุทธ์ใหม่ๆ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เดินหน้าปฏิบัติการตัดวงจรขบวนการส่งคนไทยข้ามแดนไปทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง”ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.
ขอเตือนประชาชนคนไทยที่สมัครไปเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผมจะเดินหน้าปราบปรามขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง และพวกคุณจะกลับประเทศมาถูกดำเนินคดี มิใช่เหยื่อ ถึงแม้จะไม่ให้ความร่วมมือ ก็สามารถมีหลักฐานเอาผิดถึงที่สุดได้”