Saturday, March 22, 2025
More
    HomeบันเทิงจากหนังSnow White – สโนว์ไวท์

    Snow White – สโนว์ไวท์

    การเปลี่ยนการ์ตูนเทพนิยายให้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ใช้คนแสดงจริงหรือที่เรียกว่า “ไลฟ์แอ็คชั่น” ( live-action) ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรในโลกบันเทิง

    อย่าแปลกใจถ้าในอีกไม่กี่ปีหลังจากนี้จะมีงานทำนองนี้ผุดขึ้นอีก

    เพราะอดีตที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะเป็น Cinderella (ซินเดอเรลล่า), Sleeping Beauty (เจ้าหญิงนิทรา), Beauty and the Beast ( โฉมงามกับเจ้าชายอสูร), Aladdin (อะลาดิน), The Little Mermaid (เงือกน้อยผจญภัย) ฯลฯ

    และปีนี้ค่ายใหญ่เก่าแก่อย่าง วอลต์ ดิสนีย์ ก็ได้ส่ง Snow Whiteเทพนิยายพื้นบ้านอมตะของยุโรป ที่ถูกรวบรวมและตีพิมพ์โดยพี่น้องตระกูลกริมม์ ออกมาเป็นงาน “ไลฟ์แอ็คชั่น” กำกับโดย มาร์ เว็บบ์ ที่เคยฝากฝีมือกับภาพยนตร์ที่เป็นที่จดจำอย่าง The Amazing Spider-Man และ 500 Days of Summer

    การมาของ Snow White เวอร์ชั่นใหม่ กลายเป็นกระแสอยู่พอสมควร เมื่อดิสนีย์ประกาศว่าผู้ที่จะรับบท สโไวท์ สาวงามที่มีความงามดั่งหิมะขาว” ตกเป็นของ เรเชล เซกเลอร์ นักแสดสาวเล็กเชื้อสายละติน ที่ความสามารถด้านการแสดงและร้องเพลงอยู่ในระดับมหัศจรรย์

    ประจักษ์ด้วยผลงานมิวสิคัล โรแมนติค-ดราม่าเรื่อง West Side Story และรับบทนำใน The Hunger Games : The Ballad of Songbirds & Snakes รวมถึง Shazam! Fury of the Gods ภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่จากค่ายดีซี

    กระแสดราม่าก็คือ เรเชล เซกเลอร์” ไม่ได้มีผิวขาวผ่องดังหิมะ ต่างจากภาพลักษณ์ที่เป็นที่จดจำเกี่ยวกับเจ้าหญิงสโนไวท์ แถมเธอก็ฝีปากไม่เบา

    โดยเฉพาะการพูดถึงเรื่องราวของ Snow White โดยมักย้ำถึงความเท่าเทียม ความยุติธรรม โดยไม่ใช่เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกหรือสีผิว

    ​https://www.youtube.com/watch?v=zRmrilP4XxA

    อย่างไรก็ตาม เมื่อ Snow White ฉบับไลฟ์-แอ็คชั่นที่ชูโรงด้วย “เรเชล เซกเลอร์” และ “กัล กาด็อท” ดาราสาวชาวอิสราเอล เจ้าของบท “Wonder Woman” ซึ่งมารับบทราชินีผู้เป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของ “สโนไวท์”

    ก็ต้องบอกว่า “เรเชล เซกเลอร์” ทำหน้าที่ของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะเพลงที่เธอขับขานออกมานั้นมีเสน่ห์สะกดใจอย่างตราตรึ

    ขณะที่ “กัล กาด็อท” ไม่ได้ออกแรงมากกับบทราชินีปีศาจ เพราะบทไม่มีอะไรซับซ้อนให้ต้องมาตีความว่า ราชินีผู้คนมีปมปัญหาใดในชีวิตที่ผลักดันให้ต้องร้ายกาจ เหมือนอย่างที่คนดูเคยเห็นใน Snow White and the Huntsman ที่ ชาร์ลิซ เธอรอน รับบท ราชินีราเวนนา แม่เลี้ยงของ “สโนไวท์”  

    โดย “ราชินีราเวนนา” เป็นตัวตัวละครที่ไม่ได้มีมิติเดียว แต่มีแรงกดจากสังคมที่กดดันให้ผู้หญิงต้องสวยเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและสถานะอันแข็งแกร่ง เพื่อยืนหยัดอยู่ได้ในโลกที่ผู้ชายเป็นใหญ่

    “กัล กาด็อท” คือราชินีที่มีความชั่วร้ายแบบหมดจด ไม่เจือสีขาว ไม่เป็นสีเทา มาแบบดำจัด ๆ ตามแบบฉบับของเทพนิยาย

    เธอใฝ่หาอำนาจ ทำเพื่อตัวเองเพียงหนึ่งเดียว และห่วงอยู่แต่กับ “กระจกวิเศษ” ที่ให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์ไม่ได้ ป้อยอได้เพียงอย่างเดียวว่า “ใครงามเลิศในปฐพี”

    แต่มุมที่ไม่ต่างกันของราชินีปีศาจใน Snow White ปี 2568 กับ  Snow White and the Huntsman นั่นก็คือสตรีที่สุดแสนจะร้ายกาจผู้นี้ยึดติดกับอำนาจและความงาม พร้อมทำลายล้างทุกคนที่ขวางทางและมีความงามที่เหนือกว่า

    Snow White ปี 2568 ได้ยกเอาภาพยนตร์แอนิเมชันเมื่อปี 2480มาตีความใหม่ คงไว้ซึ่งความแฟนตาซีอย่างอลังการ องค์ประกอบอันคลาสสิก ทั้งตัวละครและสัญลักษณ์ของเรื่อง ถูกจัดใส่มาครบครัน

    ทั้ง เจ้าหญิงสโนไวท์ที่มีจิตใจงดงาม พระาและราชินีผู้ทรงธรรม ราชินีแม่เลี้ยงใจร้ายที่มีของคู่ใจคือกระจกวิเศษ ผลแอปเปิลอาบยาพิษ คนแคระทั้ง 7 พร้อมบ้านเล็กในป่าใหญ่ สิงสาราสัตว์นานาชนิดที่ถูกออกแบบมาได้อย่างน่ารัก

    เว้นก็แต่บทพระเอก ซึ่งตามที่คุ้นเคยก็คือ “เจ้าชายหนุ่มจากต่างเมืองที่ควบม้ามาเจอ “สโนไวท์” สิ้นชีพอยู่โลงแก้วท่ามกลางความเศร้าโศกของ 7 คนแคระ จากนั้นไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เจ้าชายจุมพิตไปที่พระโอษฐ์ของเจ้าหญิง และเจ้าหญิงก็ฟื้นขึ้นมาได้

    ทว่าใน Snow White เวอร์ชั่นล่าสุด ที่ เอริน เครสซิด้า วิลสัน ผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Secretary และ The Girl on the Train มารับหน้าที่เขียนบท ผู้ชายที่ใช้จูบเดียวจนคืนชีพให้เจ้าหญิงสโนไวท์ กลับไม่ใช่เจ้าชาย

    แต่กลายเป็นโจรเจ้าเล่ห์นามว่า โจนาธาน รับบทโดย แอนดรูว์ เบอร์แนปซึ่งทั้งคู่ไม่ใช่คนแปลกหน้า เพราะโจรหนุ่มเคยแอบเข้าไปขโมยมันฝรั่งจากห้องครัวในปราสาท และ “สโนไวท์จับได้

    ส่วนช่วงที่มาสร้างสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ก็ตอนที่เจ้าหญิงถูกพรานที่เป็นสมุนของราชินี ลวงออกไปนอกวังหมายจะเด็ดชีพ แล้วนายพรานกันทำไม่ลง เลยปล่อยให้เจ้าหญิงหนีเข้าป่าไปเผชิญชะตากรรมเอาดาบหน้า

    ที่น่าสนใจคือเรื่องของ Snow White ไม่ได้เทน้ำหนักไปที่ความรักของหนุ่ม-สาว แต่สื่อถึงความปรารถนาของสโนว์ไวท์” ในการผดุงความยุติธรรมปกป้องปวงประชา ดำเนินรอยตามพระราชาและราชินีผู้ให้กำเนิด

    ผู้ชมจะเห็นในช่วงต้น ๆ ของภาพยนตร์ว่า ราชาและราชินีผู้ทรงธรรมได้ปลูกฝังเจ้าหญิงสโนไวท์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ให้เป็นคนที่ยุติธรรม มีจิตใจโอบอ้อมอารีและเข้มแข็งเสมอ ซึ่งเป็นหลักคิด หลักปฏิบัติที่ผู้นำที่ดีควรเป็นและคุณสมบัติเหล่านี้ บวกกับความกล้าหาญ อดทน ก็ทำให้เจ้าหญิงยืนหยัดเพื่อต่อสู้กับราชินีผู้ชั่วร้ายได้

    ด้วยความเป็นมิวสิคัล เรื่องของบทเพลงก็เป็นจุดขายที่สำคัญ Snow White นำเพลงหลัก ๆ ของ สโนว์ไวท์ต้นฉบับกลับมาทั้ง “Heigh-Ho”เพลง “Whistle While You Work”

    เพิ่มเติมเพลงใหม่คือ Waiting on a Wish เขียนโดย เบนจ์ าเซก และ จัสติน พอล เคยกวาดรางวัลระดับEGOT ที่คว้ารางวัลมาทุกสนามคือ เอมมี่, แกรมมี่, ออสการ์ และโทนี่ อวอร์ดส์ เพลงเดี่ยวเพลงนี้สโนว์ไวท์

    ร้องสื่อถึงความรู้สึกรอคอย ความปรารถนา การตั้งคำถาม ถึงความแตกต่างระหว่างความฝันที่มีกับความเป็นจริงที่เธอเผชิญ และแน่นอนว่าขึ้นแท่นเป็นสุดคลาสสิกของดิสนีย์ไปโดยปริยาย!

    Blue Bird22/3/68

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments