Saturday, October 11, 2025
More
    HomeบันเทิงจากหนังTron : Ares - ทรอน แอรีส

    Tron : Ares – ทรอน แอรีส

    หากจะเรียกว่า “Tron” เป็นภาพยนตร์ในแบบแฟรนไชส์ ก็คงไม่ผิดนัก

    แม้ว่าการสร้างภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องนี้จะใช้เวลายาวนานมากกว่าทศวรรษ เชื่อว่าหลายคนคงคิดว่านับตั้งแต่ Tron ภาคแรกในปี 2525 ที่กำกับโดย “สตีเวน ลิสเบอร์เกอร์” นำแสดงโดย “เจฟฟ์ บริดเจส” คงไม่ได้มีภาคต่อตามมาแน่ ๆ

    จนกระทั่งในปี 2553 Tron: Legacy ก็ปรากฏออกมา เป็นงานกำกับของ “โจเซฟ โคซินสกี” ที่มีผลงานลือลั่นผ่านตาไปไม่นานนี้ทั้ง F1 และ Top Gun : Maverick

    ระยะเวลาที่ห่างกันถึง 28 ปี ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่ผู้คนจะค่อนข้างลืมเลือนภาพยนตร์เรื่องนี้ไป แม้ว่านี่ถือเป็นงานที่ก้าวล้ำเป็นอย่างมากทั้งในแง่ของความคิดและการนำเสนอ

    ใน Tron: Legacy ก็ยังรักษาจุดเด่นของ Tron ไว้อย่างครบถ้วน และเอาจริง ๆ ก็ไม่น่าเชื่อว่า ผ่านมาอีก 15 ปี ผู้กำกับชาวนอร์เวย์ “โยอาคิม รอนนิง” ก็นำ Tron กลับคืนจออีกครั้ง ใช้ชื่อว่า Tron : Ares หรือ “ทรอน : แอรีส”

    ตอนนี้ Tron ถูกยกเป็นงาน Cult Classic ด้วยเพราะมีเนื้อหาหรือสไตล์ที่แตกต่างจากงานกระแสหลัก มีเอกลักษณ์ มีความแหวกแนว


    ถามว่าการจะดู Tron : Ares ให้รู้เรื่องนั้นจำเป็นต้องดู Tron ภาคแรก และ Tron : Legacy หรือไม่ ก็ตอบได้ว่าถ้าได้ดูก็จะได้ความกระจ่างมากยิ่งขึ้น

    แต่ถ้าไม่ได้ดู ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนัก เพราะในเนื้อหาของ Tron: Legacy และ Tron : Ares จะมีช่วงที่อธิบายความหลังให้ฟังอยู่บ้าง ส่วนผู้ชมจะตามทันหรือไม่ก็ต้องไปวัดความเข้าใจกันในโรงภาพยนตร์เอาเอง

    แต่ถึงกระนั้นก็พอจะเล่าอย่างย่นย่อได้ว่าใน Tron ภาคแรก “เควิน ฟลินน์” (เจฟฟ์ บริดเจส) โปรแกรมเมอร์สมองอัจฉริยะ ได้สร้าง 5 สุดยอดวิดีโอเกมให้กับบริษัท ENCOM

    ทว่ากลับถูก “เอ็ดเวิร์ด ดิลลิงเจอร์” (เดวิด วอร์เนอร์) ซีอีโอของบริษัทขโมยไป

    แถม “เอ็ดเวิร์ด” ยังสร้าง Master Control Program เพื่อขโมยทุกอย่างที่ตนเองต้องการ และยังแปลง “เควิน ฟลินน์” ให้กลายเป็นข้อมูลย่อย ๆ และขังไว้ใน The Grid ที่เป็นพื้นที่เสมือนจริงถูกกำหนดด้วยรูปทรงเรขาคณิต

    ขณะที่ Tron: Legacy โฟกัสไปที่ตัวละคร “แซม ฟลินน์” (การ์เร็ต เฮดลันด์) ลูกชายของ “เควิน ฟลินน์” ซึ่งชายหนุ่มมีปมคาใจถึงการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของบิดา

    ส่วน Tron : Ares ได้นำผู้ชมไปพบว่าสิ่งมีชีวิตดิจิทัลได้ออกมาสู่โลกความเป็นจริงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เดินทางไป ๆ มา ๆ กับโลกดิจิทัลกับโลกจริงอย่างครึกโครมผ่านการถ่ายโอน

    https://www.youtube.com/watch?v=b5T_Fb06J7s


    ใน Tron : Ares บอกเล่าว่า The Grid ถูกครอบงำโดย 2 บริษัทคือ Encom บริหารโดย “อีฟ คิม” รับบทโดย “เกรตา ลี” มีบริษัทดิลลิงเจอร์เป็นคู่แข่งสำคัญ บริหารงานโดย “จูเลียน ดิลลิงเจอร์” รับบทโดย “อีแวน ปีเตอร์ส” ทายาทของ “เอ็ดเวิร์ด” นั่นเอง

    เป้าหมายของทั้ง 2 บริษัทก็คือต้องการสร้าง “รหัสถาวร” เพื่อให้ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่เป็นผลงานของพวกเขาอยู่รอดในโลกจริงได้นานกว่า 29 นาที

    ซึ่ง “อีฟ คิม” มีข้อมูลสำคัญที่เป็นที่ต้องการของ “จูเลียน” เนื่องจากเธอทดลองใช้รหัสถาวรได้ประสบความสำเร็จ สร้างต้นส้มท่ามกลางหิมะ

    “จูเลียน” จึงส่ง “แอรีส” รับบทโดย “จาเร็ด เลโต” และ “อาธีน่า” รับบทโดย “โจดี้ เทอร์เนอร์-สมิธ” ไปตามล่า “อีฟ คิม”

    ทว่าจุดเปลี่ยนสำคัญคือ “แอรีส” กลับมีความคิดที่ขัดแย้งกับ “จูเลียน” ผู้ที่สร้างเขาขึ้นมา ไม่ฟังการควบคุม แถมยังกลับไปช่วยเหลือ “อีฟ คิม” ให้รอดชีวิต เพราะ “แอรีส” ก็มีจุดประสงค์บางอย่างของตัวเอง

    เมื่อโปรแกรมเอไออย่าง “แอรีส” กลายเป็นกบฏ “จูเลียน” จึงสั่งการให้ “อาธีน่า” ที่เป็นโปรแกรมสุดโหดเหี้ยมและโหดร้ายออกไล่ล่า “แอรีส” และ “อีฟ” แทน

    หนังเสิร์ฟฉากแอ็คชั่นอย่างสุดมันสะใจคนดู


    Tron : Ares เป็นการนำเสนอความอลังการของงานโปรดักชั่น ดีไซน์ที่อยู่ในระดับตราตรึง เรื่องราวเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่ชวนให้ตีความอย่างสนุกสมอง มีฉากความเชื่อมโยงของตัวละครในภาคเก่าและภาคใหม่

    ที่ช่วยเสริมให้งานชิ้นนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกก็คือเพลงและดนตรีประกอบเทคโน จากฝีมือของวงดนตรีอินดัสเทรียลร็อกสัญชาติอเมริกันนาม “ไนน์ อินช์ เนลส์” (Nine Inch Nails) ที่ควบคู่ไปกับเรื่องราวอย่างโดดเด่น.

    Blue Bird 11/10/68

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments