“Venom” หรือ “เวน่อม” ถูกอธิบายว่าเป็น “เอเลี่ยน” หรือปรสิตต่างดาว ที่เรียกว่า “ซิมบิโอต”
มีร่างกายสีดำทะมึน ดวงตาโตสีขาว ปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคม แลบลิ้นยาวสุดสยอง เป็นหนึ่งในคาแร็คเตอร์ของจักรวาล “มาร์เวล” ที่มีความซับซ้อนว่า “ตัวร้าย” หรือ “ตัวดี” กันแน่
เพราะในความโหดเหี้ยมชอบเขมือบหัวคน เพื่อสวาปามอาหารคือ “สมอง” ทว่าการเลือกเหยื่อของ “เวน่อม” หลับอิงคุณธรรม มีความเลือกกิน โดยจะกินหัวของ “ผู้ร้ายและภัยสังคม”
ด้วยพฤติกรรมที่ไม่ได้ร้ายแบบสุดขั้ว แถมยังเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ทั้งยังช่วยผดุงความดีและความยุติธรรมแบบห่ามเกรียนอยู่ไม่น้อย ทำให้ “เวน่อม” กลายเป็นหนึ่งใน “แอนตี้-ฮีโร่” ที่เป็นขวัญใจของคอหนังทั่วโลก
ยิ่งนำนักแสดงที่คาแร็คเตอร์ค่อนไปทางร้ายอย่าง “ทอม ฮาร์ดี้” มา “มิกซ์ แอนด์ แมทช์” กับ “เวน่อม” เลยทำให้ภาพยนตร์ “เวน่อม” เต็มไปสีสันฉูดฉาด ทั้งแอ็คชั่นสุดมัน ดราม่าน่าเห็นใจ ตลกร้ายแบบกินขาด
หลังจากวาดลวดลายมา 2 ภาคคือ “Venom” ออกฉายในปี 2561 และ “Venom : Let There Be Carnage” ภาค 2 เมื่อปี 2564 “ทอม ฮาร์ดี้” และ “เวน่อม” ก็กลับคืนจออีกครั้งในภาค 3 กับ “Venom : The Last Dance” ในชื่อ “เวน่อม มหาศึกอสูรอหังการ” ภาพยนตร์แอ็คชั่น ซุปเปอร์ฮีโร่จากค่ายโซนี่และมาร์เวล
หากเป็นได้ ก็ให้ลองย้อนกลับไปดู ภาคแรก และภาค 2 ก่อนจะเดินทางต่อกับภาค3 เพราะจะเชื่อมต่อเรื่องราวได้เข้าใจได้ดีทีเดียว
โดยเฉพาะความเข้าใจถึงการที่ตัวละครคือ “เอ็ดดี้ บล็อก” และ “เวน่อม” (รับบทโดย “ทอม ฮาร์ดี้”) ข้ามพหุจักรวาลไปมา พร้อมเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในร่างเดียว
https://www.youtube.com/watch?v=nlsAju9g4cI
พอมาถึงภาค 3 ทั้งคู่ต้องต่อกรกับวายร้ายตัวใหม่ที่ต้องร้ายกาจยิ่งขึ้น นั่นคือ “นัลล์” รับบทโดย “แอนดี้ เซอร์คิส” ผู้กำกับ “Venom : The Last Dance” ซึ่ง “นัลล์” ก็คือเทพแห่งความมืด อยู่มาก่อนจักรวาล
พลังของ“นัลล์” สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตในจักรวาลอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย และ “นัลล์” ยังเป็นผู้สร้าง “ซิมบิโอต” ขึ้นมา
ทว่าเหล่า “ซิมบิโอต” กลับทรยศผู้สร้างตนเอง และกักขัง “นัลล์” ไว้ท่ามกลางอสุรกายที่เรียกว่า “ซีโนฟาจ”เป็นสัตว์ประหลาดร้ายที่ออกแบบมาเพื่อทำลาย “ซิมบิโอต”
แม้ “ซิมบิโอต” จะขัง “นัลล์” ได้ แต่พวกมันก็หงาดกลัวและหลบหนีไปซ่อนตัวยังดาวดวงอื่นในจักรวาล โดยนำเอา “โคเด็กซ์” (Codex) กุญแจสำคัญในการปลดปล่อย “นัลล์” ติดตัวมาด้วย
แน่นอนว่า “ซิมบิโอต” ตัวที่เก็บซ่อนโคเด็กซ์ไว้กับตัวเองก็คือ “ซิมบิโอต” ที่มาอาศัยอยู่ในร่างของ “เอ็ดดี้ บล็อก”
ความคั่งแค้นและต้องการที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง เจ้าแห่งความมืดจึงสั่งการให้ “ซีโนฟาจ” ออกตามล่า “ซิมบิโอต”
เพราะนั่นหมายถึงว่าจะเจอ “โคเด็กซ์” นั่นเอง และการที่ “ซีโนฟาจ” จะมองเห็น “โคเด็กซ์” ได้ ก็คือ “เอ็ดดี้ บล็อก” ต้องให้ “เวน่อม” ยึดร่าง เพื่อหลบเลี่ยงสถานการณ์คับขันหลายอย่าง
ใน “Venom : The Last Dance” ผู้ชมจะได้พบกับบรรดาเพื่อนพ้อง “ซิมบิโอต” ของ “เวน่อม” ที่รวมพลังฟาดฟันกับ “ซีโนฟาจ” สมุนตัวฉกาจของ “นัลล์” อย่างสุดระทึก
มอบความสนุกทั้งฉากแอ็คชั่นยิ่งกว่าระเบิดภูเขาเผากระท่อม เจือด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลัก และตัวละครแวดล้อมหลายกลุ่ม
การแสดงของ “ทอม ฮาร์ดี้” ยังคงมาตรฐานเยี่ยมยอด เผยทักษะการแสดงที่ไปได้สุดทุกทาง โดยเฉพาะการแสดงแนวตลกที่ขัดกับหน้าตาที่ออกไปแนววายร้าย ที่ต้องชมว่าหนุ่ม “ฮาร์ดี้” ทำได้อย่างสนุกและน่าทึ่ง
“Venom : The Last Dance” ยังถูกแปะป้ายว่าเป็น “ภาคสุดท้าย” ในภาพยนตร์ไตรภาคของ “เวน่อม” ซึ่งมอบบทสรุปสำคัญ ทั้งการตัดสินใจของตัวละคร หรือเส้นทางในอนาคตของแฟรนไชส์นี้
เพราะท้ายเรื่องตัวภาพยนตร์ก็ทิ้งท้ายไว้หลายสิ่งหลายอย่าง จนถึงจบเครดิต
บอกเลยว่าต้องนั่งอยู่ดูจนจบถึงท้ายเครดิตคนทำงาน อาจจะนานหน่อย แต่คุ้มแน่!
Blue Bird26/10/67