ภาพยนตร์เพลงเรื่อง Wicked ภาคแรก กำกับโดย “จอน เอ็ม. ชู” ที่ออกฉายในปี 2567
ปิดฉากด้วยภาพของ “เอลฟาบา” รับบทโดย “ซินเธีย เอริโว” หญิงสาวร่างเขียวได้กลายเป็น “แม่มดตะวันตกผู้ชั่วร้าย” บินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าหันมามอง “พ่อมดออซ” ขมังเวทแห่งดินแดนออซ รับบทโดย “เจฟฟ์ โกลด์บลูม” และ “กลินดา” เพื่อนรักที่มีจุดยืนอยู่คนละฝั่ง สวมบทโดย “อารีอานนา แกรนเด”
ในภาคแรกนั้นผู้ชมต่างรู้ว่า “เอลฟาบา” ไม่ได้ชั่วร้าย แต่ดันตกที่นั่งเป็น “แพะรับบาป”
ด้วยฝีมือของ “พ่อมดออซ” และ “มาดามมอร์ริเบิล” หัวหน้าคณะเวทมนตร์แห่งมหาวิทยาลัยชิซ ผู้ชักใยเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ อยู่เบื้องหลัง รับบทโดย “มิเชลล์ โหยว”
ขณะที่แก่นสำคัญของเรื่อง Wicked คือการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองการปกครองผ่านตัวละคร “พ่อมดออซ” และ “มาดามมอร์ริเบิล” ที่วัน ๆ เอาแต่หลอกสาวกด้วยการโกหกคำโต ปั่นหัวและล้างสมองผู้คนในดินแดนให้เชื่องและเชื่อ
ใน Wicked : For Good – “วิคเค็ด 2”
หนังยังตอกย้ำให้เห็นถึงความเลวร้ายของระบอบการปกครองของ “พ่อมดออซ” โดยเฉพาะการกดขี่ข่มเหงสัตว์ต่าง ๆ นานา เช่น ให้ทำงานหนัก สร้างถนนอิฐสีเหลืองทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
ในพาร์ทของ “ความรัก”มีให้เห็นตั้งแต่ Wicked ภาคแรก ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 สาวเพื่อนซี้ รอมร่อจะสั่นคลอนเป็น “รักสามเส้า”
https://www.youtube.com/watch?v=L5ZbTUMYH7c&t=20s
เมื่อทั้งคู่ได้พบกับ “ฟิเยโร” เจ้าชายหนุ่มหล่อออกแนวเพลย์บอย เป็นชายในอุดมคติของสาว ๆ รับบทโดย “โจนาธาน เบลีย์”
เรื่องของความรักที่คลุมเครือนั้น ได้ถูกทำให้ชัดเจนขึ้นในภาค 2 ความคืบหน้าก็คือ “เจ้าชายฟิเยโร” กลายเป็นหัวหน้าองครักษ์พิทักษ์ออซ และเตรียมเข้าสู่ประตูวิวาห์กับกลินดา แต่เขาก็มาเพิ่งรู้ใจของตัวเองว่าได้ยกหัวใจให้กับ “เอลฟาบา” ไปหมดทุกห้องแล้ว
Wicked : For Good ยังเสริมเรื่องราวที่แฟน ๆ ของหนัง The Wizard of Oz รู้จักกันดี
นั่นคือการผจญภัยของเด็กสาวนาม “โดโรธี” ที่ถูกพายุพัดพามายังดินแดนออซ เธอออกเดินทางไปเมืองมรกตพบ “พ่อมดออซ” เพื่อที่หาทางกลับบ้าน
มีเพื่อนร่วมทางคือ หุ่นไล่กาที่อยากมีสมอง, หุ่นกระป๋องอยากมีหัวใจ และสิงโตขี้ขลาดที่อยากได้ความกล้าหาญ
ทั้งหมดหวังจะให้พ่อมดดลบันดาลให้พวกเขาได้ในสิ่งที่ปรารถนา ตามเรื่องราวใน The Wizard of Oz นั้น “พ่อมดออซ” ได้ให้พวกเขาไปปราบและชิงไม้กวาดของแม่มดตะวันตกผู้ชั่วร้ายมาให้ได้ เมื่อทำสำเร็จ เขาจะทำตามคำขอต่าง ๆ เป็นการตอบแทน
ตามท้องเรื่อง “โดโรธี” ก็ไม่ทำให้พ่อมดผิดหวัง เธอสาดน้ำโดนแม่มดจนอีกฝ่ายสลายหายไป และเอาไม้กวาดกลับไปให้พ่อมดสมใจ
ทว่าใน Wicked : For Good นั้น “พ่อมดออซ” เป็นเพียงนักต้มตุ๋นที่ไร้เวทมนตร์หรือพลังวิเศษใด ๆเท่ากับว่าแก๊งของหนูน้อย “โดโรธี” ถูกหลอกใช้แบบเต็มเปา
นั่นชี้ให้เห็นว่าพวกเขาก็ไม่ต่างจากประชาชนชาวออซที่เต็มไปด้วยความโง่เขลา หลงเชื่อคำเป่าหูอย่างง่ายดาย
ขณะที่ชนชั้นปกครองก็เต็มไปด้วยความโลภในอำนาจ เมื่อใครไม่สวามิภักดิ์ก็จะผลักไสให้กลายเป็นศัตรู โหมประโคมให้คน ๆ นั้นเป็น “คนชั่วร้าย” น่าหวาดกลัว ต้องถูกกำจัด พร้อมกันนั้นก็สร้าง “คนดี” ที่จะช่วยปกป้องสังคม มาเป็นตัวเปรียบเทียบ เพื่อให้คนเลือกข้างได้ง่ายขึ้น
หนังยังเดินเรื่องด้วยเพลงไพเราะและความหมายในเนื้อเพลงก็เฉียบคม
แต่ในฉากหนึ่งมีประโยคที่ “เอลฟาบา” กล่าวกับ “กลินดา” อย่างเรียบง่าย ทว่าสะเทือนความรู้สึกไม่น้อย ก็คือ
“They need someone to be wicked, so that you can be good.”
แปลได้ว่า “พวกเขาต้องการให้ใครสักคนชั่วร้าย เพื่อที่เธอจะได้เป็นคนดี” สะท้อนให้ถึงระบอบของ “พ่อมดออซ” หรือแม้แต่โลกในยุคปัจจุบัน ได้อย่างแจ่มชัดนัก!
Blue Bird 22/11/68
