อาชีพตำรวจ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข
แต่บางครั้งภรรยาที่บ้านอาจไม่เข้าใจในภาระงานอันหนักหน่วง จึงทำให้เกิดความระหองระแหงในครอบครัวได้
แต่ถ้าตำรวจได้ภรรยาที่เป็นตำรวจเหมือนกันล่ะ ความเข้าใจและการใช้ชีวิตคู่จะราบรื่นขึ้นไหมนะ ถ้าอยากรู้ ตามไปดูกันค่ะ
แม่บ้านตำรวจวันนี้ ขอเสนอเรื่องราวความรักของคนในแวดวงสีกากีที่ทั้งสามีและภรรยาก็เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ด้วยกันทั้งคู่
เราไปทำความรู้จักกับ “สารวัตรแมว”พ.ต.ท. หญิง พนิดา กรเพ็ชร สว.ฝ่ายอำนวยการ 8 บก.อก.บช.ก
สาวงามจากเชียงรายคนนี้ มีดีกรีการศึกษาปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตร์ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
เธอคือสตรีที่มีหมวก 2 ใบในฐานะตำรวจและแม่บ้านตำรวจ
เธอเองก็สามารถทำได้ดีทั้ง 2 บทบาท ทั้งหน้าที่การงานและหลังบ้านของ “บิ๊กเอ๊ะ” พ.ต.อ.จาตุรนต์ บุษปะเกศ รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก
ถึงเวลาที่กามเทพแผลงศร ในช่วงเวลาที่เธออยู่สำนักงาน ท่าน พล.ต.ต.อุกฤษฎ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในขณะนั้น ก็ทำให้ได้รู้จักนายตำรวจหนุ่ม หุ่นหมี ใจดีน่ารัก อย่างพี่เอ๊ะ เพราะอยู่สำนักงานเดียวกันกับเพื่อนของพี่เอ๊ะ แล้วพี่เอ๊ะก็จะแวะมาหาเพื่อนบ่อย ๆ
แต่ตอนนั้นก็แค่คนที่รู้จักยังไม่ใช่คนรัก
จนวันหนึ่งเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของเขาจนทำให้เราเกิดความรู้สึก เอ๊ะ! ขึ้นมา เวลาที่พี่เอ๊ะออกไปทานข้าวกับเพื่อน ๆ เขาก็จะซื้อขนมมาฝากเราตลอด (ถึงไม่ใช่ขนมจีบ…แต่ก็รู้ว่าเธอมาจีบนะจ๊ะ)
สารวัตรแมว ยังเล่าให้ฟังว่า
เหตุผลที่ตัดสินใจเลือกผู้ชายคนนี้เพราะพี่เขาเป็นคนดี มีความจริงใจเป็น safe zone ให้เราได้ เวลาที่เรามีปัญหาเขาจะอยู่ข้างๆ เสมอ หันไปทุกครั้งก็เจอกำแพงอันแข็งแกร่งนี้ ให้เราได้พักพิงใจและไว้วางใจได้อย่างดี
จากผู้ชายที่ปากร้ายใจดี…สู่สามีที่น่ารัก
สารวัตรแมว บอกว่า
พี่เอ๊ะไม่ได้เป็นคนโรแมนติกเลยค่ะ ตอนที่ขอเป็นแฟนก็มาพูดตรง ๆ เลยว่าพี่ไม่ได้มาเล่น ๆ นะ ขอคบแบบจริงจัง เพราะไม่ใช่เด็กแล้ว ต้องการมีอนาคตร่วมกับเราจริง ๆ
ตอนนั้นก็ยังนึกขำกับตัวเองอยู่เลยว่าปีนี้ฉันอายุ 25 หรือว่านี่จะเป็นอาถรรพ์เบญจเพสหรือเปล่า ถึงโดนจู่โจมหัวใจแบบนี้
จากนั้นคบกันประมาณ 10 ปี แล้วก็แต่งงานกันในปี 2550 และอยู่กันมาจนถึงทุกวันนี้
มีพยานรักเป็น โซ่ทองคล้องใจด้วยกันหนึ่งคนคือ “น้องอิ่มเอม” ด.ญ.พิมพ์ดาว บุษปะเกศ อายุ 12 ปี กำลังเรียน ม.1 ที่โรงเรียนหอวัง
ความที่รองเอ๊ะเป็นคนตรงไปตรงมามีพูดจาเหน็บแนมแกมประชดบ้างนิดหน่อย เธอยังเล่าอย่างอารมณ์ดีด้วยว่าบางครั้งต้องหยุดสามีด้วยคำว่า
“นี่เมียนะ”
ไม่ใช่ลูกน้องไม่ต้องพูดเยอะ
“รักแท้เหนือกาลเวลา”
เธอยังเล่าต่อว่า การที่เราอยู่ในแวดวงสีกากีเหมือนกันก็เข้ากันได้ง่าย ไม่ต้องปรับอะไรมากนักเพราะเราต่างก็เข้าใจในภาระหน้าที่ของกันและกันอยู่แล้ว
แม้จะไม่ค่อยมีเวลาว่างที่ตรงกันโดยเฉพาะช่วงที่เธออยู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต้องเข้าเวรบ่อย ๆ พี่เอ๊ะเองก็อยู่โรงพัก
กว่าจะได้เจอกันก็ต้องรอตอนออกเวร ดังนั้นเราจึง“ให้ความสำคัญกับคุณภาพของเวลา มากกว่าที่จะให้ความสำคัญกับระยะเวลา”
เรียกว่าใช้เวลาอย่างมีคุณภาพเมื่อได้อยู่ร่วมกัน ถึงแม้สามีจะต้องโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งต่างจังหวัดก็ไม่ได้ทำให้ความรักนั้นสั่นคลอนได้เลย
“หนทางยาวไกล…แต่หัวใจไม่ห่างกัน”
เพราะคนอย่างเธอไม่ใช่คนขี้เหงา ส่วนรองเอ๊ะก็ไม่เจ้าชู้ จึงทำให้คู่ของเราไม่มีปัญหาครอบครัว
ตอนที่ยังไม่มีลูก ยามว่างสารวัตรแมวก็ชอบอ่านหนังสือ ดูซีรีส์ สร้างความเพลิดเพลินได้อย่างดี แต่พอมีลูกทุกอย่างก็ไปโฟกัสที่ลูกทั้งหมด
เดี๋ยวนี้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันง่ายขึ้น เจอหน้าผ่านจอได้ทุกวันอีกอย่างการคมนาคมก็สะดวก ถ้าไม่ติดภารกิจอะไรไม่ว่าจะประจำการอยู่ที่ไหนรองเอ๊ะ ก็จะกลับมาหาภรรยาและลูกแทบทุกสัปดาห์
อย่างนี้สิเรียกได้ว่ารักแท้ไม่แพ้ระยะทางจริง ๆ
“Take Care”
คำพูดดี ๆ ที่อยากให้สามีดูแลตัวเองให้มาก เพราะเธอต้องดูแลลูกและทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ
เรียกว่าต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูก ไม่ได้ย้ายตามไปอยู่ต่างจังหวัดด้วย ก็ไม่อยากให้เขาเครียด เนื่องจากรองเอ๊ะ เป็นคนที่มุ่งมั่นจริงจังและทุ่มเทกับการทำงานอย่างหนัก
บางทีต้องบอกเขาว่าให้เดินทางสายกลางบ้าง อย่าเครียดนะเพราะเป็นห่วงกลัวจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ
อยู่กันมาเกือบ 20 ปี ก็ดูแลกันมาอย่างดีโดยใช้ความรักและความเข้าใจนำทางสร้างครอบครัวให้อบอุ่น ไม่หวาดระแวงกัน คนเรายิ่งอยู่นาน ก็ยิ่งต้องมีความเชื่อมั่นในตัวสามีมากขึ้น และสัญญาใจที่เราคุยกันไว้ตั้งแต่แรก พี่เอ๊ะจะพูดเสมอว่า
“มีอะไรให้รีบเคลียร์กันให้จบภายในวันนั้น อย่าปล่อยให้ค้างคาข้ามวันเพราะเราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมาถึงหรือไม่”
ส่วนเรื่องการทำงานเธอก็ยังช่วยซัพพอร์ตสามี อย่างน้อยก็ช่วย รับฟังเพราะเราเข้าใจในระบบงานตำรวจ
หลักคิดในการใช้ชีวิตคู่
ต้องอยู่อย่างเข้าใจ และให้อภัยเสมอพร้อมสนับสนุนกัน ไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผล หากคนหนึ่งกำลังร้อนเป็นไฟ อีกคนหนึ่ง ก็ต้องทำใจให้เย็นเป็นน้ำค่ะ
:ภูมิใจไหมที่ได้เป็นแม่บ้านตำรวจ
ภูมิใจมากค่ะ เพราะเราได้อยู่ในครอบครัวตำรวจ ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติและช่วยทำให้สังคมสงบสุข และในฐานะภรรยาก็ต้องดูแลความสงบสุขในบ้านให้ดีด้วยเช่นกันค่ะ
เห็นเรื่องราวความรักของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์คู่นี้แล้ว รู้สึกดีต่อใจ และทำให้เห็นว่าไม่มีใครจะเข้าใจตำรวจได้ดีไปกว่า การมีภรรยาเป็นตำรวจด้วยกันจริงไหม
เด็ดดาว รายงาน 29/6/68