จากกรณีเมื่อวันที่ 2 ก.ย.65 พนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ภ.จว.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งจาก นางวารี โชคคณาพิทักษ์ เจ้าของโรงแรมบลูลากูน เดอะ ทีค วิง ตั้งอยู่ที่ ม.2 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีคนร้ายเข้าไปลักเอาทรัพย์สินในโรงแรมจนได้รับความเสียหายมากกว่า 70 ล้านบาท ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ควบคุมดูแล การสืบสวนคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนอย่างมาก รวมทั้งเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว. สุราษฎร์ธานี ให้เร่งสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุนำมาดำเนินคดีโดยเร็ว
เบื้องต้นทราบว่า สถานที่ตั้งของโรงแรมดังกล่าว ได้ถูกเช่านำไปทำเป็นโรงแรมตั้งแต่ปี 2533 ภายใต้สัญญาเช่า 30 ปี ครบกำหนดเมื่อปี 2563 ผู้เสียหายเป็นเจ้าของที่ดิน ได้รับพื้นที่ดังกล่าวคืนพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (โรงแรมและทรัพย์สินภายในโรงแรมทั้งหมด) เมื่อประมาณปลายปี 2564
ผู้เสียหายได้มีการจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยมาดูแลในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะปล่อยทิ้งร้างหลังจากหมดสัญญาจ้างกับพนักงานรักษาความปลอดภัย
ต่อมาวันที่ 22 ส.ค.65 ผู้เสียหายเข้าไปตรวจดูภายในโรงแรมพบว่า มีทรัพย์สินในโรงแรมสูญหายไปเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 23.5 ล้านบาทแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บ่อผุด ภ.จว.สุราษฎร์ธานี
เบื้องต้น สืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้เช่าเดิมที่เพิ่งส่งมอบที่ดินคืนให้แก่ผู้เสียหาย ได้วางแผนกลับมาลักเอาทรัพย์สินในโรงแรมดังกล่าว เพื่อนำไปขายต่อ เจ้าหน้าที่สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ 9 ราย ประกอบด้วย
1. นายโอมชัยศักดิ์ หรือโอม อายุ 50 ปี เป็นผู้วางแผน
2. น.ส.ณัชชา หรือแพท อายุ 31 ปี เป็นผู้วางแผน
3. น.ส.ขวัญใจ หรือน้อย อายุ 40 ปี เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
4. นายอภิพัฒน์ หรือโอ๊ต อายุ 33 ปี บุตรชายนายโอมชัยศักดิ์ฯ เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
5. นายกฤษณะ หรือหนุ่ย อายุ 33 ปี เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
6. Mr.Thuya Soe อายุ 23 ปี ชาวเมียนมา เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
7. Mr.Min Phyo Aung อายุ 20 ปี ชาวเมียนมา เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
8. Mrs.Phyu อายุ 20 ปี ชาวเมียนมา เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
9. น.ส.ภัคจิรา อายุ 42 ปี ผู้รับซื้อของที่ได้มาจากการลักทรัพย์
จากการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวยึดทรัพย์สินของกลางในคดีได้หลายรายการ ได้แก่ รถที่ใช้ในการก่อเหตุ 2 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ 1 คัน ชุดถังแก๊สที่ใช้ในการตัดเหล็ก 1 ชุด ท่อนเหล็ก วงกบประตู บานหน้าต่างไม้ แผ่นเมทัลชีท ที่ได้จากการลักมาจากที่โรงแรมจำนวนมาก
มูลค่าทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายประมาณการในครั้งแรกประมาณ 17,548,000 บาท ขณะนี้สามารถติดตามกลับมาได้จำนวน 381 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 659,000 บาท และตรวจพบทรัพย์สินในที่เกิดเหตุที่ยังไม่สูญหาย 1,001 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,557,500 บาท สรุปความเสียหายเบื้องต้นคิดมูลค่าประมาณ 14,334,500 บาท
กลุ่มผู้ต้องที่ร่วมกันก่อเหตุนี้จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร” อัตราโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก เนื่องจากเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงได้สั่งการให้สืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะติดตามทรัพย์สินผู้เสียหายคืนกลับมาให้ได้มากที่สุด
จากนี้จะยังมีการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมเพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุเพิ่มเติม รวมทั้งผู้ที่รับซื้อทรัพย์สินที่เข้าข่ายความผิดฐานรับของโจร เพื่อติดตามทรัพย์สินกลับมาให้กับผู้เสียหาย เป็นการเยียวยาความสูญเสียให้กับผู้เสียหายในเบื้องต้น