สตม. โชว์จับ 3 คดีรวด คนร้ายข้ามชาติ
วันที่ 23 พ.ย.66 พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, ร่วมกันแถลงข่าว จับกุมคนร้ายรายสำคัญ 3 คดี ประกอบด้วย
คดีแรกรวบแก๊งต่างชาติหลอกทำวีซ่าเชงเก้นปลอม จับกุม 4 ราย คือ 1. MR.AMMAD HUSSAIN อายุ 31 ปี สัญชาติปากีสถาน 2. MR.MUHAMMAD YASEEN อายุ 49 ปี สัญชาติปากีสถาน 3.MR.SHAKEEL LIAQAT อายุ 33 ปี สัญชาติปากีสถาน และ 4. MR.IRFAN HUSSAIN อายุ 28 ปี สัญชาติปากีสถาน
พล.ต.ต.พันธนะ เปิดเผยว่า สืบสวนทราบว่ามีกลุ่มชาวปากีสถานรับทำวีซ่าเชงเก้นให้กับชาวต่างชาติที่ต้องการจะเดินทางไปประเทศกลุ่มเชงเก้น ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าวีซ่าเชงเก้นที่กลุ่ม ชาวปากีสถานรับทำเป็นวีซ่าปลอม จึงให้นายโรหิต (สายลับ) ชาวอินเดียติดต่อกับกลุ่มดังกล่าวเพื่อขอทำวีซ่า
นายโรหิตได้ติดต่อกับนายอัมหมาด หนึ่งในสมาชิกกลุ่มชาวปากีสถาน ซึ่งนายอัมหมาดได้ให้นายโรหิตมอบหนังสือเดินทางให้กับตนพร้อมทั้งลงชื่อในแบบฟอร์มการขอวีซ่าเชงเก้น และแจ้งให้นายโรหิตเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการเป็นเงิน 7,000 ยูโร (ประมาณ 267,000 บาท) โดยตกลงว่าเมื่อนายโรหิตจ่ายเงินครบแล้ว นายอัมหมาดจะนำหนังสือเดินทางพร้อมวีซ่เชงเก้นมาให้
ต่อมาตำรวจ ตม. ได้นำมาตรวจสอบกับสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทยพบว่าเป็นของปลอม จึงวางแผนจับกุมนายอัมหมาด, นายมูฮัมหมัด และนายชาคีน ได้ที่อพาร์ตเมนต์ ซ.ลาดพร้าว 148 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง หนังสือเดินทางประเทศอินเดีย 2 เล่ม, แบบฟอร์มคำขอวีซ่าลาวพร้อมเอกสารของคนต่างด้าวที่จะขอวีซ่า 16 ชุด จึงได้ตรวจยึดเอกสารดังกล่าวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดี
ส่วนคดีที่ 2 สืบ ตม. จับชายแดนมักกะโรนี overstay หนีคดีปล้นทรัพย์คนพิการซุกไทย โดย พล.ต.ต.พันธนะ เปิดเผยว่า จับกุม Mr.Adriano CORRADO อายุ 63 ปี สัญชาติอิตาลีอายุ 63 ปี สัญชาติอิตาลี โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สืบเนื่องจาก สำนักงานกลางแห่งชาติตำรวจสากลโรม มีหนังสือขอความร่วมมือมายังกองการต่างประเทศ เพื่อให้สืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการอิตาลี ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ และเป็นบุคคลตามประกาศตำรวจสากลสีแดง และได้หลบหนีมาอยู่ในประเทศไทย เพื่อส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐอิตาลี
พฤติการณ์กระทำผิด คือ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.53 ในสาธารณรัฐอิตาลี นายเอดิได้ร่วมกับพวกปล้นคู่สามีภรรยาสูงอายุซึ่งเป็นชายตาบอดและหญิงพิการ บุกรุกเข้าไปในบ้านของผู้เสียหาย ข่มขู่และใช้ความรุนแรงกับผู้เสียหาย จากนั้นได้ขโมยเอาเงินสด 28,000 ยูโร (ประมาณ 1,077,000 บาท) และเพชรพลอยสร้อยข้อมือ นาฬิกา และคลิปหนีบเนคไท พร้อมสมุดบัญชีธนาคารประเภทออมทรัพย์ของผู้เสียหายทั้ง 2 คนไป
บก.สส.สตม. พบว่า นายเอดิ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 ก.พ.63 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท ผ.30 และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปด้วยเหตุผล ใช้ชีวิตบั้นปลาย ถึงวันที่ 30 ม.ค.66 ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว จึงสืบสวนติดตามจับกุมได้ในคอนโดมิเนียมในย่าน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” และจับกุมส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดี
คดีสุดท้าย พล.ต.ต.พันธนะ เปิดเผยว่า บก.ตม.6 รวบหนุ่มรัสเซีย หนึ่งในสมาชิก “ธุรกรรมทางการเงินเถื่อน” รับฝาก โอน ถอน เก็บเงินผิดกฎหมายทุกชนิด ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่าเงินผิดกฎหมายหมุนเวียน 1,643 ล้านบาท
จับกุม Mr.Nikolai Shtanko อายุ 32 ปี สัญชาติรัสเชียอายุ 32 ปี สัญชาติรัสเซีย โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ควนโดน จว.สตูล ดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังรับแจ้งจากประชาชน พบบุคคลต่างชาติท่าทางมีพิรุธบริเวณตลาดชายแดน ต.วังประจัน อ.ควนโดน จว.สตูล
เจ้าหน้าที่สืบสวนตั้งด่านตรวจรถยนต์ที่กำลังจะออกนอกประเทศไปยังมาเลเซีย จึงได้นำกำลังไปตรวจพบบุคคลต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้ง เมื่อพบผู้ต้องหาจึงขอตรวจหนังสือเดินทางพบว่า การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดของนายนาโกโรสิ้นสุดลงแล้ว
แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” และจับกุมส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ควนโดน จว.สตูล ดำเนินคดีตามกฎหมาย และได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า ยังเป็นบุคคลตามหมายจับตำรวจสากล (Red Notice)
พฤติการณ์การกระทำความผิด คือ เมื่อประมาณเดือน ต.ค.61 ถึง ก.ค.63 ที่เมืองมอสโกและเมืองบรานค์ สาธารณรัฐรัสเซีย ผู้ต้องหาเป็นสมาชิกกลุ่มอาชญากรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย ได้รับดำเนินธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยรับ ฝาก ถอน โอน และเก็บรักษาเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้บริการกับบุคคล กลุ่มบุคคล องค์กรที่ได้เงินมาโดยผิดกฎหมายและไม่ต้องการแสดงตนในการทำธุรกรรม ได้รับค่าบริการในอัตรา 10% ของยอดเงินที่ใช้บริการ ซึ่งนายนาโกโรรับหน้าที่เป็นผู้หาลูกค้ามาใช้บริการดังกล่าว มูลค่าเงินหมุนเวียนผิดกฎหมาย 1,643 ล้านบาท ผลกำไรประมาณ 164 ล้านบาท