ยังอยู่ในอารมณ์ยินดีกับงานครบ70ปี วันสถาปนากองปราบปราม
ถึงไม่ได้เป็นตำรวจ แต่ก็เพราะเคยเป็นนักข่าวประจำอยู่ที่กองบังคับการอาร์มขลังแห่งนี้มาถึง10 ผู้การ เป็นเวลายาวนาน14ปี
ตั้งแต่พ่อม้าน้ำ-ผู้การรังสิต ญาโณทัย จนถึงผู้การวินัย ทองสอง และยังเทียวไปเทียวมา แวะเยี่ยมพี่น้องๆทั้งตำรวจและนักข่าวอยู่ตลอดกระทั่งทุกวันนี้
จึงอดร่วมจะแสดงความยินดีกับตำรวจกองปราบฯในวันสถาปนานี้ไม่ได้
ส่วนนักสืบในตำแหน่งอื่นๆที่ผมได้สัมผัส ระหว่างเป็นนักข่าวที่นี่ ถึงไม่ได้นั่งเก้าอี้ผู้การกองปราบฯแต่ก็เจริญเติบโตในหน้าที่ มีบิ๊กนำหน้าชื่อเป็นทินนามเสริมโหงวหลายคน
วันนี้จะพาย้อนดูพระในคอของ บิ๊กทิน-พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผบช.ก. 1ในลูกหม้อกองปราบฯ และผมได้ร่วมทำข่าวพี่เขามาตั้งแต่เป็นสารวัตรคอมมานโด แผนก5 กองกำกับการ2
ถึงตอนนี้เป็นผู้ที่ได้รับการคาดหมายจะมานั่งเก้าอี้ผบช.ก. เป็นเจ้าพ่อสอบสวนกลางต่อ จากพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ที่จะเกษียณฯในสิ้นเดือนกันยายนนี้ ไปย้อนอ่านกันครับ
ตั้งใจดี ทำดี ต้องได้ดี
เป็นนายตำรวจประเภทพูดน้อยต่อยหนัก พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รรท.ผบก.ป. นรต.37
จากลูกชายคนสุดท้องของครอบครัวชาวนา ข้างวัดยางศรีเจริญ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท
ชีวิตวัยเด็กใฝ่ฝันอยากเป็นหมอ แต่เอ็นทรานซ์ไม่ติด ไปเรียนวิศวะอยู่บางมดเดือนกว่า
อยู่ๆผลสอบโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่ไปสอบคู่กับเอ็นทรานซ์ออกมา ปรากฏว่าได้ ประกอบกับพ่อเห็นดี ชีวิตเลยก้าวเข้าสู่วิถีสุภาพบุรุษสามพรานตั้งแต่นั้น
ชีวิตราชการคร่าวๆ บรรจุครั้งแรก เป็นรองสารวัตรสอบสวนอยู่ที่ สน.บุปผาราม ขึ้นสารวัตรที่โรงเรียนนายร้อย
ที่นี่นทำให้ได้มาพบกับยอดบุรุษสีกากี คำนึง ธรรมเกษม ที่เป็นผู้การปกครองให้ความเมตตามาตั้งแต่นั้น
ก่อนย้ายตามผู้การคำนึงมากองปราบ ได้เป็นสารวัตรคอมมานโดอยู่ปีครึ่ง
จากนั้นเข้านครบาลเป็นสารวัตรสืบสวน สน.เพชรเกษม สารวัตรสืบสวน สน.เตาปูน
กลับมากองปราบฯเป็น รองผกก.2 ป.สมัยอัศวิน ขวัญเมือง เป็นผบก.ป. อยู่ยาวจนได้ขึ้น ผกก.3 ป.สมัย วินัย ทองสอง เป็นผบก.ป.
จากนั้นตามอัศวินมาอยู่ภาค 2 เป็นผกก.สภ.พัทยา ผกก.สน.ลุมพินี ผกก.สน.ทองหล่อ รองผบก.น.8 รองผบก.191 รองผบก.ป.ก่อนเป็นผบก.ปทส. และรรท.ผบก.ป.ในคำสั่งนี้
ถามถึงพระเครื่องที่ใส่ประจำ นายพลลูกชาวนาถอดพระที่คล้องอยู่องค์เดียวมาให้ดู พร้อมเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไป
“ไม่รู้ว่าเป็นพระกริ่งหรือเปล่า เพื่อนชื่อวุฒิ วงษ์สวัสดิ์ เรียนอยู่มศ.4 ด้วยกันที่อำนวยศิลป์ให้มา ตอนได้ขึ้นเป็นนายพล
เขาบอกว่ากูให้มึง เป็นพระสมเด็จญาณสังวร แต่ไม่รู้รุ่นอะไร …..”
“ก็เอามาใส่ ใส่แล้วก็เฉยๆนะ เพราะไม่ได้เป็นคนเล่นพระ เพื่อนให้มาก็เปลี่ยน เดี๋ยวถ้าใครให้มาอีกก็อาจจะเปลี่ยนอีกก็ได้นะ
ถ้าได้สมเด็จวัดระฆัง รุ่น 1 จะเปลี่ยนเลย เพราะสุดยอดพระ แล้วหายาก ถ้าถามว่าอยากได้มั้ย ก็อยากได้ แต่ไม่ขอใคร แล้วก็ไม่หา……..”
นายพลคนชัยนาทพูดยิ้มๆก่อนเล่าต่อ
“แต่ก่อนหน้านี้ห้อยหลวงพ่อโสธร รุ่น 80 ปี เนื้อเงิน ที่ตำรวจสร้าง หาเนื้อทองคำไม่ได้ ก็หาได้แค่นั้น
ส่วนเหตุผลที่ใส่หลวงพ่อโสธร เพราะอย่างน้อยก็เป็นพระที่ตำรวจสร้างเอง และตัวของท่านเอง เราก็ไปไหว้บ่อย…”
จริงๆแล้วไม่ได้เน้นเรื่องพระเครื่อง จะเน้นเรื่องสวดมนต์เป็นหลัก แล้วไม่มีเรื่องประสบการณ์ ไม่เคยเจอเรื่องพุทธคุณของพระเครื่อง ไม่เคยมีอะไรที่รุนแรง
อย่างไปล้อมจับคนร้าย ก็ไม่ได้ท่องอะไรไป เพราะไหว้พระตอนเช้าแล้วแค่นั้น
สิ่งยึดเหนี่ยวก็มีคาถาของหลวงพ่อโสธร ท่องได้ สมเด็จโต ท่องได้ เพราะบวชที่วัดยางฯ ระหว่างนั้นก็ท่องอิติปิโสฯ ถอยหลัง ท่องชินบัญชร
พอมาทำงานก็ได้ใช้นะ เพราะอย่างน้อยตอนเช้าก็ต้องไหว้พระ สวดของหลวงพ่อโสธร ก่อน แล้วสมเด็จโตตามหลัง
ชินบัญชร ถ้าท่องเป็นไม่นาน ไม่ยาว เพราะมันอยู่ในหัว สวดแล้วดี ทำให้สบายใจ ถือว่าได้ตั้งสมาธิในการทำงาน
ส่วนเรื่องพระประธานที่ตั้งบูชา จะมีหลวงพ่อโสธร เป็นหลัก องค์อื่นๆนี่ลูกน้องให้มาทั้งนั้น
สรุปแล้ว พระเครื่องไม่ค่อยยึดติดเท่าไหร่ ถือว่าถ้าเราตั้งใจดี ทำดี ก็น่าจะดี
ที่ผ่านมาการรับราชการ ก็ใช้วิธีตั้งใจดี ทำดี ก็ต้องได้ดี แต่จะช้าหรือเร็วก็แล้วแต่ ถ้ามันจะร้าย ก็คงไม่เลวร้ายมากจนถึงที่สุด มันต้องดีขึ้นบ้าง