Sunday, November 24, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวันตำรวจไซเบอร์ลุยจับ14เครือข่ายตุ๋นขายของออนไลน์

    ตำรวจไซเบอร์ลุยจับ14เครือข่ายตุ๋นขายของออนไลน์

    ตำรวจไซเบอร์เปิดยุทธการปิด JOB -SHOP ทิพย์ ลุยจับกุม 14 เครือข่ายหลอกขายสินค้าและบริการผ่านโลกออนไลน์ มูลค่าความเสียหายกว่า 35 ล้านบาท

    เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 มี.ค.66 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รองผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการตามยุทธการ ปิด JOB – SHOP ทิพย์ จับกุมขบวนการหลอกขายสินค้าและบริการผ่านโซเชียลมีเดีย Ep-1

    พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า  ปัจจุบันคดีอาชญากรรมทางออนไลน์มีแนวโน้มสูงขึ้น เห็นได้จากภาพรวมการรับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายของทางบช.สอท. ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 – 28 กุมภาพันธ์ 2566  มีประชาชนเข้ามาแจ้งความที่ศูนย์รับเเจ้งความออนไลน์ของ บช.สอท. รวมกว่า 2 แสนเคส

    ในจำนวนนี้ เป็นเรื่องการหลอกขายสินค้าออนไลน์มากที่สุดถึง 7 หมื่นเคส ส่วนใหญ่เป็นการหลอกซื้อขายสินค้าและการบริการ รวมถึงการหลอกให้ร่วมลงทุนในรูปแบบต่างๆ ลักษณะคือเมื่อจ่ายเงินแล้วไม่ได้รับสินค้าหรือบริการตามที่ตกลงกันไว้

    ดังนั้นบช.สอท. ได้นำข้อมูลที่ได้รับจากผู้เสียหายมาวิเคราะห์  ระบุผู้กระทำผิดได้แล้ว 35 เป้าหมายตามพฤติกรรมมูลฐานความผิด ก่อนเปิดปฎิบัติการกวาดล้างตามยุทธการ ปิด JOB – SHOP ทิพย์ จับกุมขบวนการหลอกขายสินค้าและบริการผ่านโซเชียลมีเดีย Ep-1 ทั้งหมด 14 เป้าหมาย 53 หมายจับ ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

    ผบช.สอท.กล่าวต่อว่า  ผลปฎิบัตืจับกุมผู้ต้องหาได้  26 คน เป็นตัวการของเครือข่ายได้ทั้งหมด 9 เครือข่าย รวมทั้งตรวจยึดของกลางเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิด พร้อมทั้งอายัดเงินในบัญชีธนาคารของผู้กระทำผิดและบัญชีม้าที่เกี่ยวข้อง หลังจากนี้จะนำไปขยายผล และจะมีการปฏิบัติการต่อไปอย่างต่อเนื่อง

    สำหรับ 14 เครือข่ายที่มีการออกหมายจับนั้น แบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ การหลอกลวงซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภค ,การหลอกลวงซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ,การหลอกลวงร่วมลงทุนธุรกิจสกุลเงินดิจิทัล และการลงทุนรูปแบบต่างๆ ,และการหลอกลวงซื้อขายบัตรกำนัล การบริการการท่องเที่ยว และรับจ้างทวงหนี้ ส่วนจำนวนความเสียหายมากน้อยแตกต่างกันไป มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักล้าน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 35 ล้านบาท

    สำหรับเครือข่ายที่มีความเสียหายมากที่สุด คือ เครือข่ายรับจ้างทวงหนี้กลุ่มแชร์ ที่มิจฉาชีพจะอาศัยจังหวะที่ผู้เสียหายอยากได้เงินคืน เข้าไปหลอกลวงว่าจะรับจ้างทวงเงินให้ได้ แต่ไม่ได้ทำให้จริง ผู้เสียหายจึงถูกหลอกถึง 2 เด้ง

    ขั้นตอนจากนี้ทางบช.สอท.จะเร่งดำเนินการกวาดล้างภัยออนไลน์ต่อเนื่อง รวมทั้งจะยื่นเรื่องต่อกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อเสนอให้ศาลมีคำสั่งปิดกั้นเพจหรือเว็บไซต์ของกลุ่มมิจฉาชีพที่มีการหลอกลวงประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments