“รู้ว่า เสี่ยง แต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเหนื่อย ถ้าอยากได้ของที่อยู่สูง ยังไงจะขอลองดูสักที”
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความท้าทายการได้เล่นของสูงอยู่บนฟ้า หรือ เหินเวหา ด้วยการโดดร่ม คำว่า “เสี่ยง” คงไม่ใช่ขีดจำกัดของคนรักความสูงอย่างพวกเขาแน่
ไม่เพียงเฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่จะชอบความท้าทายแบบนี้ ยังมีผู้หญิงอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยท้อถอย และชอบที่จะเหินเวหา ดิ่งพสุธา เพราะ “ความสูง แม้ว่าจะเสี่ยง” แต่ก็มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล
เช่นเดียวกับ จ.ส.ต.หญิงชัญญานุช เขื่อนเพชร หรือจ่าซัน ตำรวจพลร่มหญิงแห่งค่ายนเรศวร
สังกัดกองร้อยระวังป้องกัน ที่ 1 กองกำกับการ 3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
![]()
เธอเป็นคนหนึ่งที่ชอบความท้าทายและหลงใหลในความสูง มีความสุขทุกครั้งเมื่อได้ลอยละล่องอยู่บนท้องฟ้า และมองลงมายังพื้นพสุธา
ที่สำคัญเธอยังได้ใช้ความชอบนี้ก้าวสู่เส้นทางอาชีพที่มีความมั่นคงเพื่อดูแลพ่อแม่ของเธอด้วย
วันนี้ กุหลาบโล่เงิน จะพาไปทำความรู้จักกับพลร่มหญิงแกร่งแห่งค่ายนเรศวร ที่ทั้งเก่งและสวย แถมมากด้วยความสามารถในการเหินเวหา ล่องลอยอยู่บนฟ้าและมีมุมมองแบบ Bird’s-eye view
แม้ด้วยหน่วยก้านรวมทั้งความสวยของเธอนั้นสามารถเป็นแอร์โฮสเตสได้อย่างสบาย ซึ่งเป็นอาชีพที่สาว ๆ หลายคนใฝ่ฝัน แต่เหตุใดเธอจึงเลือกทำงานที่ท้าทายในเครื่องแบบตำรวจชุดเขียว เบเร่ต์ดำ ถ้าอยากรู้ ตามไปดูพร้อมกันค่ะ
“รู้จักปากถาม…จากใจ”
จ่าซันเล่าว่า เธอเป็นสาวเชียงใหม่แต้ ๆ จบมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนวัฒโนทัย พายัพ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ท เชียงใหม่
ส่วนแรงบันดาลใจในการเป็นตำรวจพลร่ม เธอเล่าว่าเติบโตมาจากครอบครัวชาวนา พ่อแม่ต้องทำงานหนักเป็นเวลานาน จนส่งผลให้พ่อแม่มีสุขภาพไม่ค่อยดีนัก
เธอมีความคิดตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าการรับราชการจะช่วยให้เรามีงานที่มั่นคงและมีสวัสดิการเบิกค่ารักษาให้กับพ่อแม่ ได้ดูแลท่านยามแก่เฒ่า
“ตำรวจพลร่มนิรนาม-ผู้สร้างแรงบันดาลใจ”
เธอยังบอกด้วยว่าช่วงที่เรียนอยู่ชั้น ม. ปลายนั้น เธอไปทำงาน part-time ที่ร้านถ่ายเอกสารแห่งหนึ่ง ขณะที่เธอรอรับงานต้นฉบับจากลูกค้า มีลูกค้าท่านหนึ่งเดินเข้ามาถ่ายเอกสาร ระหว่างนั้นได้พูดคุยสอบถามถึงเรื่องการเรียนและอนาคตของเธอ ซึ่งก็ได้บอกถึงความตั้งใจที่อยากรับราชการ
ลูกค้าคนดังกล่าวถามว่ารู้จักตำรวจพลร่มหรือไม่ จากนั้นก็ได้เล่าถึงรายละเอียดและรูปแบบการทำงานของอาชีพนี้ให้ฟัง จนเธอเห็นภาพตามเลยค่ะ
ตอนนั้นก็เพิ่งรู้ว่าที่พี่เขาเล่าให้ฟังได้อย่างครบถ้วน และน่าสนใจ เพราะว่าเขาเป็น “ตำรวจพลร่ม”ถือว่าเขาเป็นแรงบันดาลใจ ทำให้เธอบอกกับตัวเองว่า “สักวันฉันจะเป็นตำรวจพลร่ม”
ถึงวันนี้ เธอยังไม่ทราบว่าพี่คนนี้เป็นใคร จำได้แค่วันนั้นแต่งชุดพลร่มชั้นประทวน มีอายุพอสมควรและไม่เคยเจออีกเลย
ภาพจำยังชัดเจนกับตำรวจชุดเขียวที่คุ้นเคย
จ่าซัน ยังเล่าต่อว่าบ้านของเธอที่เชียงใหม่ อยู่ติดแนวชายแดนเห็นพี่ ๆ ตำรวจที่ใส่ชุดเขียว อยู่บ่อยครั้ง
เธอเองก็ยังมีภาพความทรงจำที่ดีต่อพี่ ๆตำรวจตระเวนชายแดนเหล่านั้นด้วย เนื่องจากเห็นว่า ตชด. มักจะชอบช่วยเหลือชาวบ้าน มาร่วมกิจกรรมที่ทางหมู่บ้านของเธอจัดอยู่เสมอ
นอกจากนี้พวกเขายังออกแนะนำไปตามหมู่บ้านและโรงเรียน เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้เห็นถึงพิษภัยของยาเสพติดว่ามีโทษรวมทั้งส่งผลเสียต่อตัวเองและสังคมอย่างไร
เธอรู้สึกประทับใจ ตชด. มาตั้งแต่เด็ก ๆ และนิยามของคำว่า “ตำรวจชุดเขียว” ก็คือ ดีต่อใจชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลอย่างพวกเรามากจริง ๆ ค่ะ
เธอยังมองว่าพี่น้อง ตชด.ที่ต้องอยู่ตามฐานปฏิบัติการแนวชายแดน พวกเขายังลำบากกว่าเรามาก พี่น้องเหล่านั้นคือสุดยอดความเสียสละจริง ๆ ค่ะ เพราะฐานปฏิบัติการบางแห่งก็ยังมีความลำบากในเรื่องน้ำไฟและการใช้ชีวิตอยู่
มาถึงวันนี้ทำให้เธอเข้าใจแล้วว่า เหตุใด “สมเด็จย่า” สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงรัก ตชด. มาก
เนื่องจากพระองค์ทรงห่วงใยในภารกิจของ ตชด. ที่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกลในถิ่นทุรกันดารและเสี่ยงภัย ได้รับความทุกข์ยากตรากตรำเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อความมั่นคงของชาติและความผาสุขของประชาชน
ฝันที่เป็นจริง…ก้าวสู่รั้ว ตชด.
ในเมื่อเธอเด็กสาวชาวเชียงใหม่มีฝันที่อยากเป็นตำรวจพลร่ม เธอจึงติดตามข่าวสารการรับสมัครสอบตำรวจอยู่เสมอ ไม่ยอมปล่อยให้เป็นเพียงความฝัน เธอมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนั้นให้เป็นจริง
ความมุ่งมั่นทำให้เธอสำเร็จหลักสูตรนักเรียนนายสิบตำรวจจาก กองกำกับการ 1 กองบังคับการฝึกพิเศษ ตำรวจตระเวนชายแดน (ค่ายพระรามหก) รุ่นอโนทัย 158
นอกจากนี้เธอยังมีดีกรีสายโดดอีกมากมาย อาทิ สำเร็จหลักสูตรการกระโดดร่มแบบสายกระตุกคงที่ รุ่นที่ 221
สำเร็จหลักสูตรต่อต้านการก่อการร้ายสากล นเรศวร 261 รุ่นที่ 15 สำเร็จหลักสูตรการกระโดดร่มแบบกระตุกเอง รุ่นที่ 1/63
เธอบอกว่าเมื่อเลือกเดินทางสายนี้แล้วก็ต้องพร้อมลุย! พร้อมฝึก “หนักเอา เบาสู้”
ฝึกร่วมกับเพื่อนผู้ชายโดยไม่แบ่งแยกว่าการเป็นผู้หญิงแล้วต้องฝึกสบายกว่า เพราะสำหรับที่นี่มีแต่คำว่าเท่าเทียม เท่านั้นค่ะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝึกภาคพิเศษของหลักสูตรต่อต้านการก่อการร้ายสากล นเรศวร 261 ที่ถือว่าโหดสุดๆ
![]()
แต่ถึงอย่างไรเธอก็ผ่านมาได้ด้วยดี และทำให้มีความอดทนสูงเพิ่มขึ้นอีกด้วย
“10 ปีไม่มีความคิดย้ายออกนอกหน่วย”
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ จ่าซัน ก็ได้รับราชการตำรวจมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว ปัจจุบันมาช่วยราชการที่จังหวัดยะลา ให้กับหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดน จังหวัดชายแดนใต้ เป็นเวลา 5 ปี แล้ว
เธอยังคงมีความสุขกับเส้นทางที่เธอเลือกเอง
เพราะตั้งแต่เริ่มรับราชการจนถึงปัจจุบัน ไม่มีความคิดที่จะย้ายออกนอกหน่วย ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกผูกพันกับครอบครัวตำรวจพลร่มแห่งค่ายนเรศวรนี้ และยังยินดีในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย แม้จะต้องไปปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกลถึงปลายด้ามขวาน เป็นงานเสี่ยงภัยมากก็ตาม
นอกจากนี้เธอยังภูมิใจกับผลงานที่ได้ทำไว้ คือการทำโครงการหน่วยรบขนาดเล็กค่ะ กับโครงการฝึกต่างๆ ให้พี่น้อง ตชด. ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ฝึกและทบทวนความรู้เรื่องยุทธวิธีต่าง ๆ และเรื่องการใช้อาวุธอีกด้วย
ยามว่างก็ชอบยิงปืนฝึกสมาธิ และพักผ่อนสันทนาการด้วยการร้องเพลง
“แม้จะทำงาน บนภารกิจที่เสี่ยงภัย แต่เรื่องราวของหัวใจ ไม่ขอเสี่ยง” ขอ SAVE ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย แล้วกันนะคะ เพราะเธอชอบผู้ชายที่มีความชัดเจน เป็นคนใจเย็นมีเหตุผล และนึกถึงใจเขาใจเราค่ะ
ประกาศ ! หนุ่ม ๆ คนใดที่มีคุณสมบัติเข้าข่าย ก็ยังสามารถยื่นใบสมัครเป็นหวานใจของจ่าซัน ได้อยู่นะคะ
แต่เด็ดดาว ขอบอกว่าอย่าช้า ! เพราะทั้งรูปร่างหน้าตาและความสามารถของเธอขนาดนี้ มีแต่คนจะแย่งกันมาขายขนมจีบค่ะ ถ้าไม่รีบระวังจะต้องมานั่ง “กินแห้ว” นะจะบอกให้
ส่วนน้อง ๆ คนใดสนใจอยากจะเป็นตำรวจพลร่มหญิงแบบจ่าซัน เธอฝากบอกว่าถ้าฝันแล้วต้องลงมือทำ ขอให้เชื่อมั่นในตัวเอง แล้วทำมันให้ดี ไม่มีอะไรยากเกินกว่าความตั้งใจของเราค่ะ สู้ ๆ
ทั้งนี้สามารถติดตามเธอได้ทางช่องทาง TikTok ชื่อ เรียกหนูว่า จ่าซันพลร่ม (@Limitedsunn)
เด็ดดาว รายงาน12/10/68