น้องภาค-ลัทธวิทย์ ปุ้มตะมะ นรต.ปี4 สูง175 ซม.
ความฝันวัยเยาว์ ก่อนเข้า รร.นายร้อยตำรวจ
ในวัยเด็กของผมนั้น ผมมีความฝันมากมายที่อยากจะเป็น แต่หนึ่งในนั้นก็คืออาชีพ “ตำรวจ” เนื่องจากได้อยู่ใกล้ชิดกับอาชีพนี้มาตั้งแต่เกิดและได้เห็นแบบอย่างที่ดีในอาชีพนี้มาโดยตลอด ซึ่งมันเป็นอาชีพที่ดูดีและมีเกียรติ ผมจึงอยากเป็นให้ได้เหมือนกับท่าน เขาคนนั้นก็คือ “พ่อ” ของผมเองครับ
-ทำไมถึงอยากเป็นตำรวจ
การทำให้ผู้อื่นสบายใจและมีความสุขนั้นผมว่ามันทำให้ผมรู้สึกดีและผมชอบที่จะทำมัน การที่คนเราได้ทำในสิ่งที่ชอบ ทำในสิ่งที่รักด้วยความรู้สึกที่ดีและทำอย่างเต็มที่นั้น ผลของสิ่งที่ทำออกมานั้นยอมดีอย่างแน่นอน ซึ่ง”ตำรวจ”เป็นอาชีพที่ตรงกับความรู้สึกของผมมากที่สุด และนี้คือเหตุผลที่ผมอยากเป็น”ตำรวจ”
“เครื่องแบบที่ดูเท่เป็นแค่เปลือก ความเป็นจริงก็คือความรับผิดชอบที่มากขึ้นตั้งหากที่ทำให้เราดูเท่กว่าคนอื่น”
การที่ได้เห็น นักเรียนนายร้อยตำรวจ ในภาพตอนที่เรายังเป็นเด็กนั้น เราคิดแต่ว่าพี่เขาเท่ดูดี หล่อ สาวๆชอบแน่เลย แต่พอได้เข้ามาเรียนก็พบว่า การเดินทางของชีวิตกว่าจะถึงวันนั้น ต้องผ่านการฝึก การอดทน ต่างๆมากมาย โรงเรียนนายร้อยตำรวจสอนให้เราเข้มแข็ง และสอนให้เราเจออุปสรรคต่างๆ ต้องผ่านการฝึกมากมาย
สุดท้ายผมได้เรียนรู้ว่า “เครื่องแบบที่ดูเท่เป็นแค่เปลือก ความเป็นจริงก็คือความรับผิดชอบที่มากขึ้นตั้งหากที่ทำให้เราดูเท่กว่าคนอื่น” ชุดหรือเครื่องแบบที่หล่อเหล่านั้น เป็นเพียงแค่ชุด รากฐานจิตใจในการที่จะคิดถึงประชาชนหรือให้ความเป็นธรรมต่างหาก คือ ความน่าชื่นชม ที่แท้จริง
“จงคว้าทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิต และให้โอกาสทุกคนแม้เขาไม่ต้องการ”
เป็นคติพจน์ประจำใจที่จำไว้เสมอ ในการดำรงชีวิต โอกาส คำสั้นๆ ที่ผมเชื่อว่าคนทุกคนนั้นต้องการ แต่มักจะมองไม่คอยเห็น ความเป็นจริงโอกาสมีอยู่รอบตัวเข้ามาในชีวิตในหลายๆรูปแบบอยู่ที่ว่าใครจะมองเห็นและคว้ามันเอาไว้ บางโอกาสสามารถเปลี่ยนชีวิตคุณไปทั้งชีวิต โอกาสเป็นสิ่งที่เข้ามาแล้วผ่านไปไม่มีทางย้อนกลับมา ดังนั้นเราควรคว้าทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิตเพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าโอกาสไหนที่จะเปลี่ยนชีวิตเราไปทั้งชีวิต
-คำสอนตำรวจ ที่เราชอบ
“การจับผู้ร้ายนั้นไม่ถือเป็นความชอบ เป็นแต่นับว่าผู้นั้น ได้กระทำการครบถ้วนแก่หน้าที่เท่านั้น
แต่จะถือเป็นความชอบต่อเมื่อได้ปกครองป้องกันเหตุร้าย ให้ชีวิตและทรัพย์สินของข้าแผ่นดินในท้องที่นั้น อยู่เย็นเป็นสุขพอควร”
ดังนั้นข้าราชการตำรวจต้องพึงระลึกไว้ว่า
การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ไม่ให้เกิดเหตุร้ายแก่ประชาชนในเขตพื้นที่ของตนเอง นั่นแหล่ะคือความสำเร็จในการทำหน้าที่ ข้าราชการตำรวจ เป็นพระบรมราชโชวาทของราชกาลที่5 พระราชทานแก่ข้าราชการตำรวจ
ซึ่งเป็นคำสอนที่สอนให้ข้าราชการตำรวจแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ มากกว่าการที่เราไปแก้ไขที่ปลายเหตุ
โรงเรียนได้ปลูกฝังอุดมคติมาตลอด และผมจะนำสิ่งนั้นเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตในอนาคต
การแก้ปัญหาไม่ว่าจะเป็นคดีอาชญกรรมหรือการกระทำความผิดใดๆควรแก้ที่ต้นเหตุ และการป้องกันการเกิดเหตุสำคัญมาก
-ตำรวจในอุดมคติ ต้องเป็นแบบไหน
ถ้าพูดถึงตำรวจในอุดมคติคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “พ่อ”ของผมเอง ท่านเป็นตำรวจที่ดี ใส่ใจในความรู้สึกของประชาชน เอาใจเขามาใส่ใจเรา พ่อเคยถามผมว่า ถ้าเราได้รับความเดือดร้อนอย่างเช่นประชาชนที่มานั้นเราอยากจะได้รับอะไรจากตำรวจ? “จงให้สิ่งนั้นกับประชาชน ทำในสิ่งที่ประชาชนต้องการทำให้ดีที่สุด สิ่งใดที่เราไม่ชอบอย่าไปทำกับคนอื่น เพราะคนอื่นเขาก็ไม่ชอบเช่นกัน”
-คิดว่างานเรา ช่วยเหลือ สังคม ได้อย่างไร
หน้าที่ของตำรวจมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข การให้บริการในด้านต่างแก่ประชาชน หน้าที่ต่างๆที่ตำรวจทำเพื่อประชาชนนั้นก็คือการทำเพื่อสังคม ซึ่งผมคิดว่าการทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ยุติธรรม และมีคุณธรรมนั้นเป็นการช่วยเหลือสังคมอย่างหนึ่งเช่นกัน
– นักกรีฑาหนุ่ม ชมรมกรีฑา
ในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมอยู่ชมรม กรีฑา เนื่องจากเป็นคนชอบออกกำลังกายและการออกกำลังกายที่ลงทุนน้อยที่สุดก็คือการวิ่ง เพียงแค่เรามีรองเท้าสักคู่หนึ่ง ทุกคนก็สามารถที่จะวิ่งออกกำลังกายได้ การวิ่งนั้นให้มากกว่าการออกกำลังกายและสุขภาพที่ดี การวิ่งทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง จิตใจสงบ ได้พบเจอกับผู้คนที่รักสุขภาพเช่นเดียวกับเราและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เป็นกีฬาที่คนไม่มีความสามารถก็ทำได้ เพราะทุกคนวิ่งเป็น ชมรมกรีฑาช่วยให้ผมก้าวข้ามขีดจำกัดตัวเองในด้านกายภาพ ทำให้ผมทำในสิ่งที่ไม่เคยทำได้ ทนในสิ่งที่ทนได้ยาก และสอนให้รู้ว่าไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ถ้าเราตั้งใจ
-ตำรวจยุค 4.0 ในอุดมคติคิดว่า ต้องเป็นแบบไหน
ผมคิดว่าตำรวจยุคใหม่ 1. ทันโลกทันเหตุการณ์ เพื่อที่จะสามารถเข้าประชาชนเข้าใจสังคมและล่วงรู้ทันคนร้าย
2 .มีความสามารถในการสื่อสาร สื่อสารเข้าใจง่ายตรงประเด็นและตรงใจกับประชาชน
3.เก่งเทคโนโลยี ช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้มากขึ้น
4.เก่งคน สามารถบริหารและจัดสรรทรัพยากรมนุษย์ได้เหมาะสมกับงาน เข้าใจในสิ่งที่ผู้คนต้องการและตอบสนองความต้องการได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
– ให้ฝากถึงคนที่อยากสอบเข้าโรงเรียน นายร้อยตำรวจ
ฝากถึงคนที่อยากสอบเข้าโรงเรียน นายร้อยตำรวจ ความเท่ที่เห็นนั้น เป็นเพียงเปลือกนอกของสิ่งที่เป็น เพราะความเท่ที่แท้จริงของอาชีพตำรวจนั้นคือ “ความรับผิดชอบในหน้าที่ของตน และการทำเพื่อผู้อื่น”
– ฝากถึงประชาชนที่กำลังอ่าน
ผมอยากให้ลองมองอะไรในหลายๆด้านสำหรับอาชีพตำรวจ ผมเชื่อว่ามีคนไม่ชอบอาชีพนี้เยอะแต่อยากให้ลองมองในหลายๆมุม อยากให้เปิดโอกาส เปิดใจ เพราะมันอาจจะช่วยให้เข้าใจในมุมต่างๆของตำรวจมากยิ่งขึ้นครับ และตำรวจรุ่นใหม่หลายๆคน ผมเชื่อว่ากำลังพัฒนาและเข้าใจโลกที่เปลี่ยนไปมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกันครับ