วันที่ 19 ต.ค. 65 ที่ ห้องประขุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ บก.ป.พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.5บก.ป. พ.ต.ต.สุขสิทธิ์ ประเสริฐ สว.กก.5 บก.ป.
ร่วมกันแถลงผลจับกุม นายสิทธวีย์ อายุ 55 ปี ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หรือ หลอกลวง โดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ” หลังจับกุมตัวได้ภายใน ซ.ลาดพร้าว 122 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า เมื่อปลายเดือนก.ค.64 นายสิทธวีย์ หรือ บอสเค พร้อมพวก จัดทำโครงการร้านสะดวกซื้อ-ขาย นำเข้าส่งออกสินค้าต่างประเทศ ผ่านแอปพลิเคชันสมาร์ทพลัสก่อนประกาศชักชวนประชาชนให้นำเงินมาร่วมลงทุนให้ผลตอบแทนสูง
อาทิ เมื่อซื้อสินค้า 1 ชิ้น ราคา1,200 บาท ครบ 7 วัน จะได้รับเงินคืนจากโครงการ เป็นเงิน 1,500 บาท โครงการอ้างว่าเป็นเงินค่าโปรโมทสินค้า หากสมาชิกท่านใดหาลูกค้ามาร่วมโครงการเพิ่ม จะได้ผลตอบแทนมากยิ่งขึ้น
ประกอบกับช่วงแรกมีการจ่ายค่าตอบแทนจริง ทำให้มีผู้หลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักล้านบาท ก่อนจะเริ่มบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงินค่าตอบแทน
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวอีกว่า แนวทางการสืบสวนยังพบว่า นายสิทธวีย์ มีปัญหาขัดแย้งกับผู้บริหารในบริษัทสมาร์ทพลัส แยกตัวออกมาตั้งบริษัทซุปเปอร์เค 2999 ก่อนจะจัดทำโครงการขึ้นมาใหม่หลายโครงการ
อาทิ โครงการศูนย์กระจายสินค้า โครงการตลาดนัด โครงการสร้างแอปพลิเคชั่นฮัก เอสเค โครงการมาเก็ตติ้งซื้อสินค้าแล้วได้สินค้าและเงินค่าโปรโมทประชาสัมพันธ์ และโครงการครอบครัวซุปเปอร์เค คือ ให้สมาชิกบริจาคเงินมาเป็นกองทุนสวัสดิการ เพื่อหลอกระดมเงินลงทุนจากประชาชน โดยอ้างผลตอบแทนสูง ก่อนจะเบี้ยวจ่ายเงินค่าตอบแทน
ที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนกว่า 5,000 ราย รวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท มีการกระจายเข้าแจ้งความตามท้องที่ต่างๆจนมีการออกหมายจับ กระทั่งจับกุมตัวได้
พ.ต.ต.สุขสิทธิ์ กล่าวว่า สอบสวน นายสิทธวีย์ ให้การภาคเสธว่าไม่ได้เจตนาโกง แต่เนื่องจากธุรกิจเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถหมุนเงินให้ลูกค้าได้ทันจึงหยุดจ่ายเงินค่าตอบแทน เบื้องต้นนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน บก.รฟ.ดำเนินคดีต่อไป