“พล.ต.อ รอย -ผบช.สตม.”นำทีมแถลงรวบแก๊งนอมินีชาวต่างชาติ เปิดบริษัทก่อสร้างนำเข้ารถยนต์ ทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท ยังไม่โยงตู้ห่าว
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงขยายผลการจับกุมตัวคนต่างด้าวซึ่งมีพฤติการณ์ในการประกอบธุรกิจโดยใช้ชื่อคนไทยเป็นเจ้าของกิจการแทน หรือ นอมินี
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 พ.ย.65 เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. จับกุม Mr.SHAO คนต่างด้าว ตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ในข้อหา ยื่นขอมีบัตรประชาชนไทยโดยมิได้มีสัญชาติไทยฯ พร้อมตรวจยึดของกลางรวม 36 รายการ ได้ที่สมาคมแห่งหนึ่ง ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.
ในการเข้าตรวจค้นจับกุมพบพยานหลักฐานว่า Mr.SHAO มีพฤติการณ์ในการประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยใช้ชื่อคนไทยเป็นเจ้าของกิจการแทน 3 บริษัท ได้ร่วมกับ บก.ปอศ.
สืบสวนขยายผลจนพบชาวไทยผู้ให้ความช่วยเหลือ Mr.SHAO ในการประกอบธุรกิจในบริษัทดังกล่าว ต่อมาได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญา เพื่อเข้าตรวจค้นบริษัทที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด 3 บริษัท คือ บริษัท คิววาย ออโต้ อิมพอร์ต จำกัด , บริษัท ลีฟ อิเล็กทริก จำกัด และบริษัท โฮป โฮม บิวดิ้ง จำกัด ดำเนินการเกี่ยวกับการก่อสร้างและนำเข้ารถยนต์และสถานที่ที่เกี่ยวข้องจำนวน 2 จุด
จากนั้นได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับชาวไทยผู้ให้ความช่วยเหลือในการกระทำความผิดดังกล่าว จำนวน 3 ราย ซึ่งต่อมาในวันที่ 23 ธ.ค.2565 สามารถจับกุมตัว นายศรัณย์ฯกับพวกรวม 3 คน ที่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับฐานเป็นนอมินี
ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า Mr.SHAO เปิดบริษัทโดยใช้ชื่อคนไทยเป็นเจ้าของกิจการแทน (นอนิมี) มากกว่า 3 บริษัทข้างต้น มีทุนจดทะเบียนรวมมากกว่า 10 ล้านบาท ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ตรวจพบทรัพย์สินของ Mr.SHAO ซึ่งมีคนไทยและเปิดบริษัทที่ใช้ชื่อคนไทยถือครองแทนมากกว่า 200 ล้านบาท
อีกทั้งพบว่า Mr.SHAO นำบัตรประชาชนไทยโดยมิได้มีสัญชาติไทยไปใช้กระทำความผิดอีกหลายอย่าง เช่น เปิดบัญชีธนาคาร และทำหนังสือเดินทาง หรือ pass sport ได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี ออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 2 หมาย คือ แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน และประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบว่าขบวนการดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับทุนจีนสีเทาของ ตู้ห่าว และการทำธุรกิจยังไม่เกี่ยวข้องกัน ส่วนจะมีการฟอกเงินหรือทำผิดกฎหมายอื่นๆหรือไม่อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล
แต่จากการตรวจสอบทั้ง 3 บริษัท ไม่มีศักยภาพพอจะหาเงินและทรัพย์สินมากกว่าทรัพย์สินที่ตรวจยึด ส่วนเบื้องหลังธุรกิจจะเอาเงินมาจากไหนทำธุรกิจสีเทาหรือไม่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ พร้อมเตือนไปยังคนไทยที่รับจ้างเป็นนอมินีให้ต่างชาติจะถูกเนินคดีซึ่งมีโทษจำคุก 3 ปีปรับ1แสนถึง1 ล้านบาท