“วัชรินทร์” อธ.อัยการป้ายเเดง มอบ 6ภารกิจ อัยการสอบสวน ผุดเสนอตั้งหน่วยสืบสวนสังกัดอัยการเสริมประสิทธิภาพคดีนอกราชอาณาจักรและคดีตามกฎหมายอุ้มหายฯ
วันที่ 9ต.ค.ที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารถนนบรมราชชนนี ตลิ่งชัน เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
แถลงนโยบายภารกิจหลัก
นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนที่พึ่งขึ้นรับตำเเหน่งได้จัดเเถลงนโยบายต่อข้าราชการอัยการเเละเจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงานอัยการสอบสวนเพื่อให้ทราบถึงภารกิจหลักของสำนักงานการสอบสวนที่สำคัญต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
1.คดีนอกราชอาณาจักร
2 .คดีไปร่วมสอบสวนคดีพิเศษกับดีเอสไอ
3.เรื่องเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 49 เรื่องที่มีผู้ร้องร้องต่ออัยการสูงสุดกล่าวหาพรรคการเมืองการล้มล้างการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข ที่จะต้องนำเสนออัยการสูงสุด เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ
4.คดีเรื่องชันสูตรศพในกรณี การตายเกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานที่ต้องมีอัยการเข้าร่วมสอบสวน
5. คดีตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทำร้ายและการกระทำที่ทำให้บุคคลสูญหายฯ หรือที่เรียกว่า “พ.ร.บ.อุ้มหาย ซึ่ง พรบ. ตัวใหม่
เเละ 6 .คดีซึ่งเกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติ องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงเรื่องการขับเคลื่อนงานในสำนักงานการสอบสวน
คดีนอกราชอาณาจักรภารกิจสำคัญ
ในช่วงหนึ่ง นายวัชรินทร์เน้นย้ำถึงความสำคัญของคดีนอกราชอาณาจักรว่า เป็น 1 ในภารกิจที่สําคัญกับสํานักงานสอบสวนมาก เพราะเมื่อดูสถิติจะเห็นว่าที่สำนักงานการสอบสวนเรารับสอบสวนคดีนอกราชอาณาจักรมาจากทั้งตำรวจทั้งประเทศ หรือดีเอสไอ
สำนักงานเราไม่ได้รับเฉพาะคดีที่อยู่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น เรียกว่ารับทุกเรื่องที่ส่งมา จึงไม่สามารถกําหนดให้คดีนอกราชอาณาจักรอยู่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสำนักงานได้
ชี้มีคดีเข้ามาเยอะมาก
คือเดิมเเนวคิดผู้บริหารจะแบ่งเป็นหน้างานไว้ เช่น สำนักงานสอบสวนฝ่าย 1 ให้รับผิดชอบคดีนอกราชอาณาจักร ส่วนฝ่าย2 ดูคดีที่มาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่สุดท้ายทำไม่ได้ เพราะคดีนอกราชอาณาจักรเข้ามาเยอะมาก
มาตรา20วางหลัก3ประการ
เรามีหน้าที่รับสํานวนจากพนักงานสอบสวน ที่เขามองว่ามันเป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ ป.วิ อาญา มาตรา 20 วางหลักไว้ว่าคดีนอกราชฯ เป็นอำนาจอัยการสูงสุด ซึ่งท่านจะมีคำสั่ง 3 ประการคือ
1. มอบให้พนักงานสอบสวนตํารวจหรือดีเอสไอสอบสวนฝ่ายเดียว
2.มอบให้กับพนักงานสอบสวนโดยมีอัยการสอบสวนไปร่วมสอบสวน
เเละ 3 ก็คือไม่มอบตํารวจหรือดีเอสไอเลยเเต่มอบอัยการสํานักงานสอบสวนเราไปสอบเองเลย ที่ผ่านมาเคยมีทั้งหมด 5 คดี
สอบเองแต่ขาดจนท.สืบสวน
นายวัชรินทร์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน กล่าวอีกว่า ในกรณีที่ อสส.มอบให้อัยการสอบสวนเราสอบเอง เราขาดเรื่องสําคัญที่สุดไปคือ เจ้าหน้าที่สืบสวน ความจริงเรื่องนี้เราได้หลักการที่ ก.อ.เคยมีได้มติแล้ว เพราะหน้าที่อัยการสอบสวนคือ เมื่อเรารับสํานวนมาดูหลักฐานในสํานวนว่าต้องมีอะไรบ้าง
เเต่ขั้นตอนที่จะมีสำนวนมาให้เราดูได้คือเราต้องมีเจ้าหน้าที่ออกไปสืบสวน หรือไปจับกุมต้องมีคนตรวจค้น แต่ตอนนี้เราไม่มีเลย เรามีแต่อัยการ และมีเพิ่มคือนิติกรกับมีเจ้าพนักงานคดี เราไม่ได้บอกว่านิติกรและเจ้าพนักงานคดีของเราไม่ดี เจ้าหน้าที่พวกนี้สนับสนุนงานเราดีมาก แต่สิ่งที่ต้องการคือเจ้าหน้าที่สืบสวน
หาก็ยากตามก็ยาก
ยกตัวอย่างคดีนอกราชฯ ที่อัยการเรารับผิดชอบสอบสวนเอง ที่อัยการสูงสุดสั่งการลงมาให้จับเพิ่ม ปรากฏว่าเราสืบสวนอย่างยากลำบากมาก จนได้ล่วงรู้สถานที่กบดานผู้ต้องหา เเละเราต้องตามผู้ต้องหาเพื่อมาสอบสวน ตอนสืบก็ยากตอนตามก็ยาก
นิติกรส่วนใหญ่เป็นหญิง
เราต้องไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นดีเอสไอหรือตำรวจ เเละกว่าจะประสานขอออกหมายจับ ไปจับได้ขั้นตอนมันยาก
เจ้าพนักงานที่เป็นนิติกรของอัยการส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง ไม่มีใครกล้าไปตามจับผู้ต้องหา เเละไม่ได้ฝึกมาด้วย บางครั้งจำเป็นต้องไปตรวจค้นหรือต้องไปควบคุมตัวผู้ต้องหา
ในการสอบสวนสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ต้องมีคนช่วยเหลืออัยการในการนำหลักฐานมาประกอบสำนวน นำเสนอกราบเรียนอัยการสูงสุด ว่าเราได้ข้อมูลมา เพื่อให้ท่านสั่งการต่อไป
ต้องบอกว่าตรงนี้คือสิ่งที่เราขาด เราไม่มีหน่วยงานเเบบนี้ ที่ผ่านมาเรามี 5 คดี เราต้องทำเองทุกอย่าง ก.อ.ก็ผ่านเรื่องนี้เเล้วเหลือเเค่การผลักดันจนเกิดขึ้นจริง
“วันนี้ 5 คดีที่เราต้องทำเองทุกอย่างก็ลงตัวไปหมดแล้ว ถือว่าเป็นการทำงานมีประสิทธิภาพที่เราทำได้ตัวเองต้องเรียนว่าคดีส่วนใหญ่แล้วร้อยละ70%เรามีอัยการไปร่วมสอบสวน
ส่วนอีก 30 %เราไม่ได้ไปร่วมสอบสวน เนื่องจากมองว่าเป็นคดีธรรมดา เช่นคดีนำพายาเสพติดเข้ามาในประเทศ ซึ่งพนักงานสอบสวนทำเองได้ไม่ยุ่งยาก หรือมีความซับซ้อนในทางคดีแต่อย่างใด ไม่จำเป็นว่าจะต้องไปสอบทุกเรื่อง
วินิจฉัยแทนอสส.ไม่ได้
เราต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานหลักการสำคัญ คือเมื่อมีคดีส่งมาไม่ต้องไปมองว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำผิดหรือไม่ เพราะบางคนไปวินิฉัยเลยว่าไม่ผิด อันนั้นคือท่านไปวินิจฉัยแทนท่านอัยการสูงสุดซึ่งมันไม่ใช่
“เราต้องวินิจฉัยก่อนเพียงว่าเป็นคดีอกราชอาณาจักรหรือไม่ การดูว่าใช่หรือไม่ก็ไปดูประมวลกฎหมายอาญาส่วนคนชี้ว่าจะฟ้องคดีหรือไม่คืออัยการสูงสุด”
อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับสำนักการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นสำนักงานสำคัญของอัยการที่มีบทบาทลงไปร่วมสอบสวนคดีสำคัญมามากมาย ในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นคดีกำนันนกยิงตำรวจตาย คดีเป้รักผู้การ เป็นคดีอดีต ผู้บังคับการจังหวัดชลบุรีกับพวกถูกกล่าวหา คดีน้ำมันของโกฟลุ๊คระนองคดีฮั้วประมูลสำคัญๆที่มีมูลค่าความเสียหายหลายร้อยหลายพันล้านรวมถึงคดีนอกราชอาณาจักรที่สำคัญอีกหลายคดี
คดีตาม กฎหมายอุ้มหายเช่นคดีลุงเปี๊ยกที่จังหวัดสระแก้วที่ถูกตำรวจสภ. อรัญประเทศซ้อมทรมาน คดี7ตำรวจจราจรที่ ซ้อมทำร้ายคนขับรถที่เป็นการจับผิดคันและผิดคน
สำหรับนายวัชรินทร์ อธิบดีอัยการคนใหม่ ถือเป็นอธิบดีอัยการคนที่7 ของสำนักงานนี้ ถือเป็นอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนคนเเรกที่จบหลักสูตร Major Case Management จาก F.B.I. Academy Quantico Virginia U.S.A. จนได้รับฉายาอัยการ FBI เป็นลูกหม้อของสำนักงานการสอบสวนมาเเล้วไม่ต่ำกว่า10 ปี ผ่านคดีสำคัญมานับไม่ถ้วนตั้งเเต่มีการตั้งสำนักงานนี้