บันเทิงจากหนัง
Wonder Woman (2017) เป็นหนังใหญ่เต็มเรื่องครั้งแรกของ ไดอาน่า ปริ้นซ์ (กัล กาด็อท มิสอิสราเอลปี 2004 ที่เคยตรึงตาหนุ่มๆ ใน Fast & Furious ภาค 4-5-6)
หลังจากเคยโผล่มาให้แฟนๆ ดีซี คอมิคส์ กรี๊ดกันสุดเสียงใน Batman v Superman: Dawn of Justice หนึ่งปีก่อนหน้านั้น
ภาคแรกนี่จึงเป็นการแนะนำโลกของเธอให้ผู้ชมรู้จัก ไปพร้อมๆ กับที่เธอได้รู้จักโลกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1ผ่านมุมมองของสตีฟ เทรเวอร์ (คริส ไพน์ หล่อเฉียบ)
LINK: https://youtu.be/VSB4wGIdDwo
Wonder Woman 1984 (2020) โดดมาไกลจากภาคแรก (ปี 1918 ตามภาพที่ บรู้ซ เวย์น ส่งมารื้อฟื้นความทรงจำ) มายังปี 1984 ที่ ไดอาน่า ทำงานอยู่ในพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุ National Museum of Natural History แห่ง สมิธโซเนี่ยน
หนังยังตอบข้อสงสัยของใครต่อใครว่า สาวโสดสองพันปี (หรือมากกว่านั้น) ใช้ชีวิตวันหนึ่งๆ หมดไปแต่ละชั่วโมงกับกิจกรรมอะไรบ้าง
ด้วยการนำเสนอภาพที่เธอตระเวนช่วยเหลือผู้คนในกรุงวอชิงตัน ดีซี ให้รอดพ้นเหตุร้าย
และบ่อยครั้งที่ช่วยผ่อนแรงผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ อาทิ จับคนร้ายปล้นร้านอัญมณีที่คุณหนูจะได้แรงบันดาลใจจาก ฮีโร่หญิง เต็มๆ
LINK: https://youtu.be/7cTjykKAlAg
Smithsonian ในหนังภาคนี้ไม่ได้เห็นกันแค่อาคารที่ทำงานของ ไดอาน่า กับ บาร์บาร่า (คริสเต็น วิก สลัดภาพดาวตลก มาสวมบท สาวโสดที่พร้อมจะโดดเด่นได้อย่างน่าทึ่ง) เท่านั้น
ฉากโรแมนติกสุดๆ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมเยี่ยมชม National Air and Space Museum ไปพร้อมๆ “พรข้อเดียวที่ไดอาน่าสมควรได้รับ” ด้วย
ยิ่งพอเดินคลอเคลียกันริม Reflection Pool (ที่ฟอร์เรสต์ กัมพ์เคยวิ่งข้ามนั่นแหละ) จึงอดคิดไม่ได้ว่า หนังแอ็คชั่นจะหวานไปนะ!
LINK: https://youtu.be/datYtV40IQ8
Wonder Woman ทั้ง 2 ภาค สะท้อน ความเด็ดเดี่ยวของ ฮีโร่ ที่หลายคนมักมองข้าม “ความเสียสละ” ไปเห็นแต่ “ความสำเร็จ,” และความมักมากของผู้ร้าย ที่มักอาศัย “ทางลัด” ไปสู่เป้าหมาย
ขณะเดียวกันก็ขยี้ปมในใจผู้คนมากมายที่เฝ้ารอ “พร” ที่ขอให้สัมฤทธิ์ผล “โดยง่าย” ดูสบาย ๆ แถมได้ข้อคิด
ติดดาว: 5 ดาว แอ็คชั่น สนั่นโลก