ต้องบอกว่าน่าเป็นห่วงจริงๆ สำหรับ “ฟุตบอลลีกไทย” โดยเฉพาะ ไทยลีก 1 (T 1) ซึ่งเป็นลีกฟุตบอลสูงสุดของประเทศ เนื่องจากปัจจุบันนี้ แต่ละสนามคนดูเริ่มบางตา ลดลงเรื่อยๆ หลายคนมองว่า ฟุตบอลลีกไทย สิ้นมนต์ขลังแล้วหรือ
เรื่องนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอล ภายใต้การนำของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอล รวมถึง สภากรรมการฯ ต้องกลับมาทบทวนการทำงานใหม่ นโยบายที่จัดมาเป็นชุดๆ “ถูกทาง หรือ หลงทาง”
ทุกคนยังจำได้ หลังจากเข้ารับตำแหน่ง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอล ของ “บิ๊กอ๊อด” และ สภากรรมการ ฯ ล้วนเป็นภาพที่สายงาม และทำให้คาดหวังว่า จะได้เห็นมิติใหม่ของวงการฟุตบอลลีกไทย และจะพัฒนาขึ้นสู่ระดับแถวหน้าของเอเชีย รวมถึงการทำงานจะโปร่งใส และตรวจสอบได้
แต่ทำไม.. วันนี้ ทุกอย่างเริ่มจะตรงกันข้ามกับคำพูดนั้นเสียแล้ว
อย่าลืมเรื่องของ “แฟนบอล” ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก หากเข้ามาชมเกมในสนามน้อยลง ๆ ฟุตบอลลีกไทยมีโอกาส “ล้ม” อย่างคาดไม่ถึงทีเดียว เฉกเช่นเดียวกับ ประเทศเพื่อนบ้าน ก็เจอพิษร้ายนี้มาแล้ว
หลายท่านคงมีคำถาม ทำไม ฟุตบอลลีกไทย ถึง “ล้ม” ก็เพราะว่า เมื่อแฟนบอลน้อย รายได้ของสโมสรจะมาจากไหน เมื่อ สโมสรมีรายได้น้อย แต่ละทีมจะบริหารการจัดการอย่างไร ลำพัง เงินเดือนนักเตะ ก็แทบอ้วกแตกอยู่แล้ว
สำหรับทีมชั้นนำเป็นทีมระดับเกรด เอ. (มีอยู่ไม่กี่ทีม) ใช้เงินฤดูกาลเดียว ไม่ต่ำกว่า 200-300 ล้านบาท ส่วนทีมระดับ เกรด บี. ก็อยู่ประมาณ 100 ล้านบาท หากทีมไหนมีงบประมาณน้อยกว่านี้ ก็เลิกฝันกับลีกสูงสุดของประเทศ
ถามว่า “ใคร” จะยอมทุ่มเงินมหาศาลแต่ละปี มากกว่าขนาดนี้ แต่ละทีม โดยเฉพาะทีมระดับเกรด เอ. ต่างก็หวังจะประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น และถ้าไม่ประสบสำเร็จครั้งแล้ว ฤดูกาลแล้ว ฤดูกาลเล่า อะไรจะเกิดขึ้น
วันนี้โชคดีมี “นักการเมือง” หลายคน เป็นเจ้าของทีม และ ทีมที่มาจากภาคเอกชนที่มีงบประมาณสนับสนุนมหาศาล หากวันหนึ่ง “นักการเมือง” หรือ “ภาคเอกชน” เกิดเลิกสนับสนุน และไม่ทำทีม อะไรจะเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลลีกไทย
อย่าลืมว่า “แฟนบอล” ปัจจุบันนี้ มีอยู่ 2 ชนิด คือ แฟนบอลพันธุ์แท้ กับ แฟนบอลตามกระแส และเมื่อไหร่ แฟนบอลตามกระแส เลิกดู แฟนบอล ที่เป็น พันธุ์แท้ จะเหลือกี่คน ในแต่ละนัด
ทั้งนี้ก็ต้องเข้าใจแฟนบอลตามกระแส คือ เมื่อฟุตบอลลีกไทย กลับมาคึกคักอีกครั้ง ก็โหมกันเชียร์กันอย่างสนุกสนาน แต่เมื่อฟุตบอลลีกไทย เริ่มสิ้นมนต์ขลัง เมื่อนั้น “อันตราย” ที่สำคัญจะให้แฟนบอลเหล่านี้ตามไปเชียร์ทุกสนามก็คงไม่ใช่ ยิ่งเศรษฐกิจบ้านเมืองเราเป็นอย่างนี้ คงไม่มีเงินเหลือเข้าไปซื้อบัตรเข้าชมเกมในสนามได้ทุกนัด
เรื่องใหญ่เช่นนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอล เคยคิดจะทำวิจารณ์ เกี่ยวกับฟุตบอลลีกอาชีพอย่างเป็นจริงหรือไม่ ..
ที่ผ่านมา “บิ๊กอ๊อด” และ ทีมงานบริหารฯ ต่างออกมาวิจารณ์การทำงานในยุคของ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลคนเก่า อย่างหนัก แต่ก็แปลก ทำไม ฟุตบอลลีกไทย สมัยนั้นถึงพัฒนาขึ้น ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง คนดูเข้าชมเต็มสนามแทบทุกนัด
แต่สมัยนี้ ทำไมคนดูเริ่มน้อย ส่งผลให้รายได้แต่ละทีม (ค่าตั๋ว และ การขายของที่ระลึก) ยิ่งมีกระแสข่าวว่าจะลดทีมให้เหลือ 16 ทีม ในระดับ ไทยลีก 1 รวมไปถึงจากการจัดการแข่งขันลีกต่างๆ เยอะไปหมด ที่เคยไปวิจารณ์ในยุคของ “บังยี” แต่ทำไมถึงเอามาทำเอง ….นี่หรือเรียกว่าพัฒนาขึ้น
“ฟุตบอลลีก” จะประสบความสำเร็จได้ สิ่งสำคัญ ต้องสร้างวัฒนธรรมการเชียร์,การดู และการเล่น ให้เข้มแข็งและยั่งยืนเสียก่อน ถึงมีโอกาสจะประสบความสำเร็จเหมือน ฟุตบอลลีกประทศอังกฤษ
ดังนั้นถ้ายังคิดว่า เข้ามาเพื่อเป็นบันไดในการก้าวสู่การเมือง ก็อย่าขายฝันและวางนโยบายที่ฝืนธรรมชาติ
ที่สำคัญไม่แพ้กัน อย่าปล่อยให้ “เจ้าแม่เชิ้ตดำ”ผู้กุมอำนาจวงการผู้ตัดสินไทย ที่สามารถกำหนดชะตากรรม ผลการแข่งขันของแต่ละทีมในการจัดกำหนดผู้ตัดสินกรรมการไปทำหน้าที่ในแต่ละครั้งมันไม่มีความยุติธรรมสำหรับผู้ตัดสินเลย แล้วอย่างนี้จะมีที่ยืนในสังคมเชิ้ตดำเมืองไทยอีกต่อไปหรือ…..
เพราะไม่อย่างนั้น ฟุตบอลลีกไทย จะล้มเร็วขึ้นและนั่น ย่อมส่งผลกระทบถึง “ทีมชาติไทย”ด้วย
ดังนั้น ถ้าวันนี้ ฟุตบอลลีกไทย ต้องล้มจริงๆ ถามว่า “บิ๊กอ๊อด”และสภากรรมการฯ จะรับผิดชอบไหวหรือเปล่า และ จะรับผิดชอบอย่างไร ช่วยตอบให้สังคมรับรู้ด้วย…
ยันแข้ง