ต้องยอมรับว่าผลงานของดส. หรือกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี ภายใต้การนำของเดอะโจ-พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก. มีผลงานออกอย่างต่อเนื่อง
ก่อนนี้ได้คุยกับ เดอะโจ ดส.1 ไปแล้ว วันนี้มีโอกาสคุยกับ สารวัตรอ้าย-พ.ต.ท.รชต พุ่มพันธ์ุม่วง ลูกชายพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. 1ในทีมงานที่สร้างผลงานให้ดส.
“วัยเด็กเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ เซนต์หลุยส์ ไปต่อกรุงเทพคริสเตียน ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 2 ไปเรียนต่อที่อังกฤษ ไปเริ่มเรียนใหม่ ม.ต้น เริ่มภาษาใหม่
ตอนนั้นมองเห็นประโยชน์ ว่าถ้าพูดได้หลายๆ ภาษาก็จะดี ตอนก่อนไปอยู่ที่โน่น คุณพ่อก็เคยส่งไปซัมเมอร์ ที่โน่น แล้วติดใจทั้งอากาศ อาหาร เป็นโลกใหม่…”
สารวัตรอ้ายเริ่มก่อนเล่าต่อ
พ่อส่งไปเรียนอังกฤษ
อายุ 13 ปี คุณพ่อส่งไปในโรงเรียนที่มีคนไทยน้อยๆ จะได้ศึกษาภาษาอังกฤษเยอะๆ ชื่อซัตตันบาลานซ์ เป็นโรงเรียนทหารแต่ไม่ใช่ระดับแซนเฮิร์ส อยู่ในเมืองแคนเทปเบอรี่ แต่ถ้าเป็นเมืองย่อย เรียกว่า เมทสโตน อยู่ในเครือรัฐของแคนเทปเบอรี่ ภาคใต้ของอังกฤษ
เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คล้ายๆ วชิราวุธวิทยาลัย ไปเรียน 6 ปี คือไปซ้ำ ม.2 ครั้งหนึ่งก่อน แล้วไปเรียน ม.3-6 คือเขามี เขาเรียกว่า เอ เลเวล ต้องเรียนซ้ำ 2 ปี เลยต้องเรียน 2 ปี จะช้าไปปีหนึ่ง
จบป.ตรีแล้วกลับไทย
จากนั้นไปเรียนที่มหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ออฟบักกิ้งแฮม สาขาการข่าว การตลาด เป็นมาร์เก็ตติ้ง มีเดีย แอนด์เจนัลลิซึ่ม เรียนจนจบ ป.ตรี แล้วกลับไทย อายุประมาณ 25 ปี เริ่มสนใจด้านกฎหมายไม่ใช่กฎหมายโดยตรง เป็นสาขารัฐประศาสน ศาสตร์ ไปเรียนที่รัตนบัณฑิต แล้วไปทำงานบริษัทที่รู้จักกัน ทำเรื่องโลจิสติกส์ แล้วเสริมด้านมาร์เก็ตติ้ง คือไปฝึกงานมากกว่า
เริ่มอยากเป็นเหมือนพ่อและอา
กลายเป็นพบว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองชอบ รู้สึกอยากมีประโยชน์ เห็นคุณพ่อตอนนั้น แล้วมีคุณอาคือท่านภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง เห็นภาพติดตาเหล่านี้พวกท่านทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตั้งใจมุ่งมั่น ทำให้รู้สึกว่ามันช่วยทำให้มีความเข้มแข็ง มีความมุ่งมั่นผลักดันในการทำงานเลยลองไปหาโอกาสเข้ารับราชการตำรวจ
เริ่มจากรับการบรรจุเป็นชั้นประทวน ปี 2556 อายุ 27 แล้ว สังกัดปราบปรามค้ามนุษย์ ประมาณปีกว่าๆไปฝึกอบรม กอส. รุ่นที่ 35 ปรับวุฒิ เป็นชั้นสัญญาบัตร สมัยนั้นท่านธิติ แสงสว่าง เป็นผู้การ ปคม.ก็มีโอกาสเป็นหนึ่งในทีมงานของท่าน
นายเวรบิ๊กเจ้า-เรียนรู้จากบิ๊กเอ็ม
พี่เจ้า เห็นผมมีความสามารถด้านภาษา แล้วตอนนั้นมีประเด็นโรฮิงญา มีการประสานกับสถานทูตต่างๆเลยให้มาเป็นนายเวร ได้เรียนขั้นตอนการประสานระหว่างประเทศ ระหว่างสถานทูต ภาษาก็ต้องใช้ อาจจะเป็นหนึ่งในบทบาทที่พี่เจ้าเลือก
แล้วไปช่วยราชการที่กองปราบ กก.5 บก.ป.ตอนนั้นท่านภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วงเป็น ผกก.มีโอกาสศึกษาเรียนรู้การทำงาน แกได้สั่งสอนให้ผมเข้าใจหน้างาน หลายๆ หน้างานมากขึ้น
ที่ กก.5 บก.ป.เป็นจุดเปลี่ยนผม ได้เรียนรู้หน้างานหลายๆด้าน ความละเอียด ไม่ว่าจะเป็นด้านเอกสาร หน้างานด้านการปฏิบัติ มีโอกาสไปหลายคดี อาทิ ตำรวจถูกยิง 2 นาย ท่าน ผกก. ส่งพวกเราไปสืบสวนหาข่าว ใครเป็นคนยิง แล้วดูว่าเป็นซุ้มมือปืนรึเปล่า ได้มีโอกาสลงไปทำงานหาข่าว จนเจอตัวผู้กระทำผิด เริ่มศึกษาจากพวกพี่ๆ
:เริ่มรู้รึยังว่าชอบงานสืบสวน ณ ตอนนั้น
สารวัตรอ้ายยิ้มรับก่อนกล่าวว่า
ผมเริ่มรู้สึกตัวว่ามีความชอบ คิดว่าการที่ลงมาหาข่าวหรือทำงานสืบสวน มีโอกาสได้เข้าหาตัวผู้กระทำผิดจริงๆ แล้วจับกุมได้ ทำให้รู้สึกมีกำลังใจในการทำงาน คือไม่ได้จับมั่วซั่ว จับคนไม่ดีจริงๆที่เขากระทำผิด
ถึงแม้จะเป็นจุดเล็กๆ แต่เริ่มจากตรงนั้น รู้สึกทุกครั้งที่ได้ออกภารกิจไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่อย่างน้อยผมได้ทำ แค่นี้ผมก็รู้สึกภาคภูมิใจแล้ว
ภูมิใจอยู่ในทีมล่ามือบึมศาลพระพรหม
มีคดีหนึ่งที่มีโอกาสได้ร่วมคือคดีระเบิดที่ราชประสงค์ ตอนนั้นเป็น รอง สว.ช่วยราชการกองปราบ ผบ.ตร.ตอนนั้นเป็นคุณพ่อ สั่งการให้สืบสวนหาข่าว ไล่ล่ามือวางระเบิด หน่วยงานหลายๆ หน่วยได้ช่วยกัน ไม่ใช่เฉพาะกองปราบอย่างเดียว ได้รวบรวมข่าว ช่วยกันประสานงานกันอย่างดีแล้วก็ค้นเจอตัว
แล้วมีโอกาสเข้าไปจับกุมเจ้าโนบิตะ คนวางระเบิดในศาลพระพรหม ที่มีนบุรี อันนั้นก็เป็นหนึ่งในภารกิจที่ผมจดจำและสร้างความภาคภูมิใจ
ตามจับคนทำระเบิดได้ที่ชายแดน
อีกภารกิจคือตามตัวผู้ต้องหาคดีระเบิดที่ราชประสงค์ คนที่ผลิต ที่หนีไปตรงชายแดน ได้ไล่ล่าได้มีโอกาสสัมผัส มีโอกาสในการทำงาน ได้เห็นการไล่ล่าของจริงมันเป็นยังไง ทุกวันนี้ภาพยังติดตาเสมอ ได้มีบทบาทถึงแม้จะเป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ แต่เป็นความภาคภูมิใจ ที่ผลักดันให้ผมอยากจะทำงานด้านนี้ต่อไป
ยอมรับที่บ้านไม่มีใครสนับสนุนสวมชุดกากี
ตอนแรกที่เข้ามาในวงการตำรวจ ถ้าจะพูดความจริงคือไม่มีใครสนับสนุน คุณแม่ก็ไม่สนับสนุน พี่สาวอยากให้มาช่วยงาน แล้วคุณพ่อจริงๆ พูดตรงๆค่อนข้างระเบียบจัดกับผมมาก ไม่ช่วยอะไรเลย มีแนะนำเหมือนแกจะส่งเป็นนัยยะมาเล็กๆ ให้คิดดูดีๆ จะเป็นข้อความให้เรา แสดงว่าต้องกลับไปคิดละ แกมาคุยกับเราอย่างนี้
จิตใต้สำนึก-พ่อปลูกฝังความภูมิใจให้
เวลาทำอะไร ถ้าแกเห็นด้วย แกจะนิ่งๆ เหมือนแกจะแข็งกับลูก เฉพาะลูกชาย คือคงอยากให้ผมเข้มแข็ง ไปอยู่โรงเรียนเตรียมทหารที่อังกฤษเชื่อว่าได้ความเข้มแข็งจากตรงนี้มาก่อน
คือภาพของผมในโลก หรือในสื่อต่างๆ อาจจะถูกมองเป็นลูกผู้ใหญ่ มองว่ามีเส้นสาย อาจจะเป็นคุณหนู ทำงานไม่เป็น
เห็นมีสื่อหลายๆสื่อ พูดพาดพิงถึง ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะเขาไม่รู้จักผม และไม่ได้รู้จักคุณพ่อจริงๆ ส่วนใหญ่คนที่ว่าน่าจะแค่สงสัย รู้ไม่จริง
แต่จริงแล้ว แกก็ไม่เคยสนับสนุนให้ผมเป็นตำรวจ แต่จะพูดถึงตลอดว่าแกทำงานอะไร แกปลูกฝังความภาคภูมิใจของไว้ในจิตใต้สำนึก
:เห็นอะไรในตัวคุณพ่อ ก่อนมาเดินตามรอย
ตอนแรกๆต้องพูดเลย ผมไม่สนิทกับคุณพ่อ เพราะคุณพ่อทำแต่งาน คนที่เลี้ยงผมส่วนใหญ่เป็นคุณย่า คุณยาย คุณแม่ คุณพ่อนี่แทบจะออกจากภาพวัยเด็กไปเลย แต่คุณพ่อพยายามจะชดเชยด้วยการพยายามมาส่งผมตอนเช้าไปโรงเรียน ก่อนแกไปทำงาน แต่พอตอนเย็นตอนกลางคืน ไม่เจอแกละ
สวมเครื่องแบบแล้วรู้สึกภูมิใจ
ผมเห็นความทุ่มเทของพ่อ ทุกครั้งที่จะออกจากบ้านใส่เครื่องแบบแกส่องกระจก ดูมีความภาคภูมิใจที่ได้สวมเครื่องแบบ ผมอยากรู้ว่ามันคืออะไร ทุกวันนี้ผมก็มารู้สึกกับตัวเอง มันคือความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง
ไม่ใช่เราเหนือคนอื่น หรือเราเอาเครื่องแบบนี้ ตราแผ่นดินนี้ หรือดาวบนบ่าไปกดคนอื่น ผมแค่รู้สึกว่า คุณได้เป็นตัวละครๆ หนึ่ง ที่มีบทบาทในสังคม คุณมีหน้าที่ที่สามารถทำประโยชน์เพื่อสังคมได้
พ่อสอนด้วยประสบการณ์
คือผมอยู่ตั้งแต่ตอนพ่อยังไม่มีรถไปส่ง ต้องยืมรถคนนั้นคนนี้ไปส่ง หรือฝากไปกับรถโรงเรียน ทำให้ผมเห็นมาตลอด ว่าถึงแม้จะทำงานหนักแค่ไหน แต่แกก็มุ่งมั่นตั้งใจงานไม่เสีย ครอบครัวก็ไม่เสีย ผมเข้าใจ ว่าแกอยากให้ผมเป็นคนที่แข็งแรงขึ้น ถึกขึ้น เป็นผู้นำ
เวลาที่แกมีเวลานั่งคุยกับผม จะคุยกันบางทีชั่วโมง 2 ชั่วโมง เล่าประสบการณ์ให้ฟัง คดีต่างๆ มุมมอง จะถามตั้งโจทย์ก่อนเลยว่า ถ้าเกิดเรื่องนี้ขึ้น เอ็งจะทำอะไร คิดยังไง มองยังไง คุยเอ็งเลย อย่างนี้เลย
คือจะออกเป็นภาษาโบราณๆ หน่อย คือไม่คุยหวาน บ้านผมทุกคนกลัวว่าผมโตขึ้นมา จะหน่อมแน้ม เป็นลูกคุณหนูพอมีพ่อมียศ ก็อาจจะใช้โอกาสเอาเปรียบตรงนั้น ทำตัวเหนือกว่าคนอื่น แต่ผมก็ดีใจที่พ่อสอนมาอย่างนี้เพราะผมเชื่อว่า ถ้าได้มีโอกาสรู้จักผมจริงๆผมไม่ใช่คนอย่างนั้นเลย
:วันแรกที่เป็น ส.ต.ต.คุณพ่อว่าอย่างไร
แกพูดกับผมตรงๆเลยครับ คือแกนั่งมองมา พูดว่าเออ มันดูตั้งใจทำงานนะ แต่ไม่รู้จะเก่งไหม จะไปได้รึเปล่า อดทนรึเปล่า แต่ถ้าในเมื่อมันไปโหยหาโอกาสนี้เองก็ให้ลองดู ถ้ามันมีโอกาส ก็ให้มันทำให้ดีที่สุด แกจะพูดอย่างนี้เสมอ
สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้เป็นง่ายๆนะ ใครๆก็อยากเป็น แต่ก็เป็นกันไม่ได้ ในเมื่อสามารถสู้มา ทดสอบความรู้มาจนได้ ลูกก็ต้องภาคภูมิใจกับสิ่งที่ได้มา แล้วลองพัฒนาตัวเองดู ว่าสามารถไปได้ต่อในทางนี้ไหม
ผมไม่เคยบ่นอยู่แล้ว ไปศึกษาเรียนรู้ มีความภาคภูมิใจที่ละเล็กละน้อย สะสมของผมไป
พ่อสอนภาพรวม-อาลงรายละเอียด
ส่วนพี่เอ็ม-ภูมินทร์ จะค่อนข้างเข้ม จะสอนการทำงานสอนในมุมความคิดในการปฏิบัติ การดูแลทีมงาน สำหรับในวันที่เราเติบโตขึ้น แกจะสอนในภาพรวมเลยคนที่ลงรายละเอียด เยอะสุด น่าจะเป็นพี่เอ็ม มากกว่าคุณพ่อ
คุณพ่อจะพูดให้เรากลับไปคิด จะไม่ชักจูงชีวิต คุณพ่อเคยพูดว่า ทำงานอะไรก็ได้ไม่ว่าแต่ขอให้เป็นคนดี ไม่เอาเปรียบคนอื่น ขอให้เป็นผู้นำที่ดี
พอมาเป็นตำรวจก็ได้มีโอกาส ด้วยความที่อยู่กับคุณพ่อเลยได้มีโอกาสอยู่กับนายๆหลายท่านก่อนเป็นตำรวจด้วยซ้ำ ซึมซับจากตรงนั้น ไม่ใช่คุณพ่อท่านเดียวหลายๆท่านเลย พูดชื่อไม่หมด
:ย้อนกลับมาถึงเส้นทางราชการ
มีโอกาสไปอยู่สืบ ที่ตรวจคนเข้าเมือง ที่สุวรรณภูมิ 4 ปี ได้ใช้ภาษา ได้ประสานงานต่างประเทศ ลงงานสืบ และได้จับกุม มีโอกาสสัมผัสหน้างานที่กว้างขึ้น สัมผัสเรียนรู้อีกหน้างานหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นคดีต่างชาติ ได้ประสานงานกับเอฟบีไอ
ขึ้นสารวัตรที่กอ.รมน.ต่อด้วย ดส.
ขึ้น สว.ที่ กอ.รมน.เป็นหน้างานอำนวยการธรรมดา ได้เป็นส่วนหนึ่งในการประชุมระหว่างทหารกับตำรวจ หลังจากนั้นไปเป็นผู้ช่วยนายเวร ท่านนิรันดร เหลื่อมศรี ประมาณ1 ปี แล้วมีโอกาสมาอยู่ที่ ดส.มีโอกาสทำงานในนครบาล มีโอกาสศึกษาข้อกฎหมายทุกอย่างที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด สามารถนำข้อกฎหมายเหล่านั้นมาปฏิบัติ แล้วมาบริหารได้ดีขึ้น ได้ทำคดีที่ได้จับกุมในปีแรกของเราเลย พอสมควรและเยอะ
เริ่มปั้นงานศึกษาหาข่าวจับกุม
ผมมาอยู่นี่ ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.68 เท่ากับว่าผมทำงานมาแค่5-6 เดือน แต่ด้วยความที่ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องมันเยอะ ต้องศึกษา ทำความรู้จักทีมงาน ศึกษาข้อมูลเอาข้อมูลมาแกะไปเรื่อยๆ อย่างเช่น มีหน้างานใหม่ที่ผมไม่ค่อยคุ้นเคย จะมีค้ามนุษย์ แล้วประสานงานหลายหน่วยงาน อย่างเช่น พม. มาช่วยเราคิดในมุมต่างๆ ล่อซื้อ หรือไปช่วยเหยื่อ
เน้นจับปืนเพราะมีความถนัด
ส่วนตัวผมชอบศึกษาเรื่องปืน ทำให้ผมมานั่งกดหาเรื่องปืน สืบเสาะไปเรื่อยๆ พอเจอปั๊บจะดึงขึ้นมาเป็นประเด็น ตั้งโจทย์ สืบหาข้อมูลเข้าข้อกฎหมายไหน จากนั้นก็ขยายผล มีผลงานที่ขยายผลมาตลอด อย่างล่าสุดจับปืนนี่ ได้มาจากการขยายผล
หาข่าวจนได้จับแหล่งผลิต
อย่างจับแหล่งผลิตที่พื้นที่ดอนเมือง มีปืนแบลงก์กันดัดแปลงพร้อมยิง ได้ข่าวว่าชุมชนแถวนั้น มีเด็กช่าง เด็กโพลีเทคนิค ซื้อปืนมายิงกัน เลยหาว่าแหล่งมาจากไหน หลังจากเจอตัวแล้วก็สืบหาข่าว พูดคุยกับผู้ต้องหาสาวมาถึงคนผลิตและขายปืนในพื้นที่นั้น
ขยายผลส่งเป้าให้อีก9จว.ตามจับ
หลังจับกุมปั๊บก็เรียกผู้ต้องหามาสอบถามเพิ่มเติม ขยายข้อมูล มาอีก 9 จังหวัด ก็มี เลย ราชบุรี ชลบุรี เชียงราย ก็คือทุกพื้นที่เลย ก็ส่งไปตามพื้นที่ ทำงานร่วมกัน ไม่ห่วงข้อมูลอยู่แล้ว อะไรแชร์ได้ก็แชร์ ก็เป็นพื้นที่ของแต่ละจังหวัด เราก็อยากให้จังหวัดเขารู้ เราก็ส่งเป้าไปให้เขา
ให้เกียรติทีมงานอยู่แบบพี่น้อง
ส่วนทีมงานกับลูกน้อง คือผมเข้ามาผมก็แนะนำตัวชี้แจงทุกคนเลย เราทำงานกันแบบพี่น้อง แต่เราต้องให้เกียรติกัน เพราะอย่างเช่น รอง สว.บางท่าน ประทวนบางท่าน อายุมากว่า ผมถือว่าคนที่มีอายุมากกว่า ประสบการณ์มากกว่าผมอยู่แล้ว
ผมพูดกับทุกคนว่า ทุกคนมีจุดดี และจุดอ่อน ทุกคนเก่งกันคนละด้าน ผมอยากให้ทำงานกันแบบพี่น้อง แชร์กัน เติมเต็มกัน ทำให้มันกลายเป็นหน่วยที่เพอร์เฟ็กซ์ที่สุด
ให้ทุกคนรู้ว่านี่คือ“สารวัตรอ้าย”
ของผมนี่คุมลูกน้องแค่ 15 คน ชุดเล็กที่สุด แล้วพวกลูกน้องที่มองมาว่าเราเป็นลูกอดีต ผบ.คือทุกคนจะมีความเกรงใจในความเป็นนามสกุล พุ่มพันธุ์ม่วง
แต่ผมบอกว่า ผมคือ รชต พุ่มพันธุ์ม่วง ผมไม่มีวันที่จะเอาตัวไปเทียบกับสิ่งที่คุณพ่อ ทำ หรือท่านภูมินทร์ ทำ แต่ผมจะเอาสิ่งดีๆของท่าน มายึดเป็นหลักปฏิบัติของตัวเองเพื่อพัฒนา และสร้างความเป็นตัวของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์
ผมอยากให้ทุกคนรู้จักว่า นี่ สว.อ้าย ประมาณนั้นมากกว่า
ถูกเมาท์ไฮโซแต่ชีวิตยังกินริมถนน
คือคุณพ่อ ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีแต่คือมันเลือกไม่ได้ว่าจะเป็นลูกใคร ถือว่าเป็นความโชคดีที่ได้เกิดเป็นลูกคุณพ่อ แต่อยากพิสูจน์ให้คุณพ่อดู คนรอบๆตัว และคนรู้จัก คือด้วยความเป็นลูกคุณพ่อ ต้องโดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ บอกเป็นไฮโซ เดินไปกับใครก็โดนกังขา รู้สึกอยู่แล้ว
เมื่อก่อนต้องพูดตรงๆ ว่าอยู่กับใครไม่ได้เลย เดินกับใคร ไม่ว่าเขาจะมีอาชีพอะไร พอเราไปอยู่กับเขาปั๊บ ต้องมีข่าวออกมา เป็นไฮโซนั่น ไฮโซนี่
ผมก็คิดว่า เออ รู้จักผมเหรอ มาพูดถึงผม ทุกคนบอกว่าผมไฮโซ แต่รู้ไหมว่า ผมใส่กางเกงขาสั้น เสื้อบอล รองเท้าแตะ ไปกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง คือเขาไม่รู้จักผม
พ่อสอนให้รู้จักควบคุมอารมณ์
ตอนแรกก็เสียความรู้สึก แต่คุณพ่อเคยสอนว่า ยิ่งสูงมันยิ่งหนาว คุณพ่อเคยสอน ตอนคุณพ่อเป็น ผบ.ว่าเวลาอยู่สูง ต้องประพฤติตัวให้เป็น เวลาอยู่ต่ำก็ต้องอยู่ให้เป็นเหมือนกัน ดังนั้นผมจึงวางตัวเป็นกลาง
แต่ถามว่าโกรธไหมที่มีคนเหน็บแนมให้ได้ยิน เมื่อก่อนโกรธ ถ้าได้ยินอะไรที่มาว่าผม ผมไม่โกรธ แต่ถ้าใครมาว่าพ่อผม บุพการีผม ผมโกรธ เรามีพระอยู่แค่ 2 องค์
แต่เมื่อคุณพ่อยังไม่โกรธ คุณพ่อผ่านมรสุมชีวิตโดนวิพากษ์วิจารณ์ ใส่ความโน่นนี่ ต้องมีเรื่องจนทุกวันนี้ เกษียณแล้ว่ายังมีเรื่อง ส่วนตัวผมถ้ามองว่า พ่อผ่านระดับนี้มาได้ ทำไมเราผ่านไม่ได้
ดังนั้นถ้าเรื่องขนาดนี้คุณพ่อยังไม่สนใจ ในเรื่องของเรา ก็ต้องไม่สนใจ ผมก็มานั่งคิด ตกผลึกเอง คิดว่าเออ พูดไปเถอะ ไม่รู้จักผมหรอก
เอาผลงานเป็นตัวพิสูจน์
คนรักผมก็เยอะ คนเกลียดผมก็เยอะ มีคดี ออกข่าวอะไร ก็โดนตลอด แต่ไม่สน เพราะเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเราตั้งใจ เรารู้ ทีมงานเรารู้ คือคนรอบตัวมีความหมายที่สุด พ่อแม่รู้ว่าเราทำอะไร ทีมงานรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ เราสนใจคนที่อยู่ใกล้เราดีกว่า ดีกว่าสนใจคนนอก แล้วเอาผลงานเป็นตัวพิสูจน์ดีกว่า
:เรื่องที่มีบางคนค่อนแคะว่ามาจาก กอส.
สารวัตรอ้ายบอกว่า
คือส่วนตัวผม เป็นคนเคารพโรงเรียนนายร้อยตำรวจมาก แล้วคำว่านักเรียนนายร้อยตำรวจ สิ่งที่เขาต้องฝ่าฟันจนกว่าจะมาถึงจุดนี้สิ่งที่เขาต้องอดทน เขาต้องต่อสู้ ความยากลำบาก
คุณพ่อผมเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ท่านภูมินทร์ ก็เป็น ผมมองว่ามันมีเส้นทางที่ไม่เหมือนกัน อย่างเช่น นรต.จะผ่านอะไรมาเยอะ ผมก็เคารพเขาในส่วนนี้ ถ้ามีโอกาสผมอยากจะย้อนกลับไปมาก แต่เมื่อโอกาสและโชคชะตาไม่ได้วาดให้ไปทางนั้น
แต่ถามว่าจะเป็นนายร้อยตำรวจ หรือ กอส.ส่วนตัวผมมองว่า ทุกๆ อาชีพ มันจะมีคนที่อยู่ในตำแหน่งอะไรก็แล้วแต่ ประพฤติตัวดีหรือไม่ดี
ทุกองค์กร ไม่ว่าจะ นรต.หรือว่า กอส.ก็มีคนดีหรือไม่ดี แม้แต่การทำธุรกิจก็ตาม ก็มีทั้งธุรกิจที่ดี และธุรกิจที่ไม่ดี มีผู้บริหารดีและไม่ดี มันมีทุกองค์กร
:จะบอกคนที่เขาคิดแบบนี้อย่างไร
ผมไม่สามารถออกความคิดเห็นตรงนี้ได้มาก แต่ทุกคน ก็ไม่ได้เหมือนผม ทุกคนมีความคิดที่แตกต่างกัน แต่ถ้าพูดว่าโอกาสและโชคชะตาคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าคุณได้โอกาส คุณควรพิสูจน์ตัวเองให้ดีที่สุด และเติมเต็มโอกาสนั้นที่เขามอบให้คุณ
ทุกวันนี้ ไม่ได้คิดจะเทียบเท่า นรต. แต่ผมจะพยายามประพฤติตัวให้อยู่ในกฎระเบียบ และทำงานให้เหมาะสมกับโอกาสที่ผมได้รับมาในวันนี้
ในเมื่อคุณได้รับโอกาสนั้น แล้วคุณไม่มีความภาคภูมิใจ หรือเชิดชู หรือทำตัวให้เหมาะสมกับโอกาสที่คุณได้มา ก็ต้องเข้าสู่ระบบการพิจารณาตัวเองดีกว่า
แต่ถามว่า ไม่ว่าจะเป็น นรต.หรือ กอส. หรือหลักสูตรไหน หรืออาชีพไหนก็แล้วแต่ ก็มีหมดแหละ ที่เมื่อได้รับโอกาสมา แต่ไม่ได้ทำให้มันดีที่สุด ทีนี้มันเป็นเส้นทางที่วุฒิขาดแคลน เช่น ภาษาเราก็ได้อยู่
จริงๆ ผมว่าก็เหมือนสังคมแหละ คนดีก็มี คนขี้เกียจก็มี แต่ถามว่า ทุกอย่างในชีวิต ไม่จำเป็นต้องเรียกว่า กอส.คือผมพูดเลยทุกอย่างมันคือโอกาส คุณจะทำอะไรกับโอกาสที่ได้รับมาตรงนั้นให้ดีที่สุด หรือคุณแค่จะรับมาแล้วถือว่ามันเป็นสิ่งที่คุณควรได้รับ แล้วคุณไม่เห็นสิ่งที่มีคุณค่าในตัวมัน ผมก็ไม่สามารถไปแนะนำใครได้ แต่ถามว่านี่คือมุมมองของผม เมื่อมีโอกาสจะมายืนอยู่ตรงนี้
ลั่นถ้ามียศติดบ่าแต่ไม่ทำงาน-ภูมิใจไหม
ผมต้องทำตัวของผมให้มีค่า อย่าให้คนเขาดูถูกคุณค่าของเรา คุณค่าของคนมันขึ้นอยู่ที่ตัวเรา เราต้องสร้างมันขึ้นมาเอง คุณได้มา ได้ยศติดบ่า ถามว่าถ้าคุณไม่ทำงาน หรือคุณหันไปบอกบ่าคุณ คุณมีความภาคภูมิใจไหม นั่นคือสิ่งที่ผลักดัน อยากให้ผมสู้งานไปเรื่อยๆ ทำให้ผมอยากเหนื่อย อยากพิสูจน์ตัวเอง ผมชอบสายงานนี้มาก แล้วก็หลงรักมาตลอด
ผมชอบงานปฏิบัติ ออกหน้างาน ชอบสืบสวนหาข่าว หรือเรียกว่า ชอบบู๊ ก็ได้ จากที่เราเคยเป็นพนักงาน เคยชอบการบิน แต่ฝันก็คือฝัน แต่สิ่งที่เราตื่นมาแล้วเราอยากทำ คือสิ่งนี้ ……………………………………………………
เปิดใจเต็มๆทุกเรื่องแบบนี้ หลายคนที่สงสัย คงได้รู้จัก“สารวัตรอ้าย-พ.ต.ท.รชต พุ่มพันธุ์ม่วง“กันมากขึ้นแล้วนะครับ
เฮียเก๋5/10/68