หมดปี 2559 ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย โดยเฉพาะเรื่องเศร้าที่สุดของปวงชนชาวไทย จากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลฯ รัชกาลที่ 9 หากจำกันได้ในปี 2559 นี้ มีคดีที่ทำให้ตำรวจปวดหัวอยู่หลายคดี อาทิ คดีฆ่าหั่นศพนักธุรกิจชาวต่างประเทศทิ้งลงคลองแสนแสบ , คดีตำรวจวางแผนปล้นเงิน , คดีไลน์หลุดกรณีซื้อขายตำแหน่ง ฯลฯ
คดีเหล่านี้ถือเป็นคดีที่ท้าทายการทำงานของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นกระแสในสังคมให้มีการถามไถ่ ติดตามต่อเนื่อง ซึ่งมันก็ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า แล้วขณะนี้คดีเหล่านั้นได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว เมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการแล้ว ตอนนี้การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเป็นอย่างไร
เรื่องเก่าคดีดังยังไม่ทันหายเหนื่อย มาดูแนวโน้มคดีที่จะเกิดขึ้นในปี 2560 บ้างครับ เท่าที่เราพอจะเห็นๆกันอยู่นี้ก็คงหนีไม่พ้นคดีวัดพระธรรมกาย และธัมมชโย ซึ่งสภ.คลองหลวง กับกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเจ้าภาพ แนวโน้มจะยืดเยื้อหรือรวบรัด อยู่ที่นโยบายล้วนๆแล้วขณะนี้ บทเรียนจากการดำเนินคดีกับธัมมชโยในปี 2559 ที่ผ่านมาก็คงพอจะทำให้เห็นช่องโหว่ ข้อผิดพลาด และจุดอ่อนของทั้ง 2 ฝ่ายให้นำมาปรับปรุง เดินเกมรุก ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็คงจะหนักใจอยู่ไม่น้อย
มาว่าถึงคดีที่มีแนวโน้มจะเกิดมากขึ้นตามยุคสมัยซึ่งเทคโนโลยีไปไกลแต่ใจคนกลับต่ำทรามลง คงหนีไม่พ้นอาชญากรไซเบอร์ หลังจากที่ทุกคนมีสมารทโฟนพร้อมจะถ่ายรูปถ่ายคลิปเอาไปลงโซเชียลมีเดียกันตลอดเวลา การจะพิสูจน์ทราบให้เห็นว่าคดีไหนมีเจตนาอะไร เป็นการเข้าข่ายนำเข้าข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือไม่นั้น ต้องใช้ความรอบคอบและเชี่ยวชาญมากในการปิดคดี
คดีฆ่าหั่นศพ ผมคิดว่าจะยังคงมีอยู่เพื่อท้าทายการทำงานของตำรวจไทย หลังจากเห็นว่ามีจุดอ่อนเรื่องการสืบสวนที่เริ่มต้นแบบสับสน การประสานไปยังข้อมูลคนหาย หรือต่างประเทศเป็นไปได้ช้า ตรงนี้ต้องปรับปรุงมากขึ้นครับ เพราะเท่าที่รู้มาคดีนายอาร์ตู ฆ่าหั่นศพนักธุรกิจชาวสเปนนั้น ฝากขังกันจนครบสุดท้ายต้องปล่อยตัวกลับประเทศไป เท็จจริงประการใด เจ้าของคดีเชิญชี้แจงได้ครับ
คดีการเมือง อย่างที่ทราบว่ารัฐบาลมีโรดแมปเลือกตั้ง ถ้าเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงมิถุนายน ฝุ่นจะตลบทั้งประเทศแน่นอน อำนาจเก่า อำนาจใหม่ สารพัดอำนาจจะออกมาเคลื่อนไหวให้วุ่นวายกันไปหมด จนกระทั่งเดือนกรกฎาคม เราจะได้เห็นหน้าตารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตำรวจเราก็ต้องระมัดระวังพวกซุ้มมือปืน นักการเมืองท้องถิ่น และการแย่งชิงอำนาจที่ดุเดือดขึ้น รวมถึงการปราศรัยของนักการเมืองที่มักจะสนุกปากแต่ลำบากคนทำคดี สรรหาเรื่องราวมาให้ทำไม่หยุดหย่อน
คดีเกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันมีการจำหน่ายสินค้า อาหารเสริม บนเฟสบุ๊ก อินสตาแกรม อินเตอร์เนตกันอย่างโจ๋งครึ่ม เรียกได้ว่าสร้างเนื้อสร้างตัวให้กับมิจฉาชีพได้เลย ตรงนี้ฝาก กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ต้องเร่งฝึกคนให้รักในงานด้านสืบสวนบนสื่อสังคมออนไลน์ p
นี่ยังมีคดีหมิ่นประมาท คดีอุกฉกรรจ์ ที่ไม่สามารถทราบล่วงหน้าอีกมากมาย นานๆทีอาจจะมีแหวกแนวอำพรางซ่อนเงื่อนให้ตื่นเต้นเล่นๆ มองว่าน่าปวดหัว งานเยอะก็ใช่ มองว่าท้าทายก็สนุก ในอนาคตตำรวจจะต้องรับแจ้งความคดีเล็กๆน้อยๆเพิ่มมากขึ้น รวมถึงเป็นคดีที่สังคมสนใจมากขึ้น การทำงานย่อมลำบากมากขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน เพราะถูกตั้งอยู่บนความคาดหวังของประชาชน
เมื่องานเล็กๆน้อยๆมากขึ้น ความล่าช้ามันก็ย่อมเกิด หากมีคนมาจี้ความคืบหน้าคดีหนักเข้า ก็พยายามระงับอย่าเอาอารมณ์ไปลงกับผู้บังคับบัญชาด้วยการยิงกันบนโรงพักนะครับ นี่ผมเป็นห่วงจริงๆ ที่เป็นห่วงที่สุดคือ สถิติการฆ่าตัวตายของตำรวจที่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้เกิด มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนภายนอกมองเข้ามาแล้วเวทนานะครับ การเป็นหนี้เกินตัว การมีค่าใช้จ่ายจากบ้านเล็กบ้านน้อย การพนัน หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยถ้าเราสูญเสียบุคลากรที่จะดูแลประชาชนไปแม้เพียง 1 คน ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
หวังว่าตำรวจทุกท่านจะสุขสันต์ สุขใจ เป็นที่รักใคร่ของเจ้านายและประชาชนกันทั่วถ้วนครับ สวัสดีปีใหม่ครับ
