ย่างเข้าหน้าฝน คนส่วนใหญ่กลัวการเดินทางที่ลำบาก ถ้าจะไปท่องเที่ยวจังหวัดแถบชายฝั่งทะเลยิ่งต้องคิดหนัก พะวงว่าไปแล้วเจอมรสุมเข้าคงไม่ปลอดภัย ด้วยเหตุนี้ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ประกอบด้วย ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง จึงมีแนวคิดผลักดันเส้นทางท่องเที่ยวทางบกที่เที่ยวได้ทุกฤดูกาล นำเสนอสู่นักท่องเที่ยวที่สนใจในเชิง ศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ภายใต้แคมเปญ“กราบมหาจตุธรรมธาตุแดนใต้ ท่องเที่ยวเชื่อมโยง 4 จังหวัดเลียบอ่าวไทย อิ่มใจในทางธรรมและธรรมชาติ”
ทริปนี้เราเดินทางกันสบายๆ บินจากสนาบินดอนเมือง ไปลงสนามบินสุราษฎร์ธานี จังหวัดที่มีคำขวัญเก๋ๆว่า “เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ” จากนั้นนั่งรถยนต์มุ่งหน้าไปกราบ พระบรมธาตุไชยา ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองเป็นที่แรกเพื่อความเป็นสิริมงคล
องค์พระเจดีย์ตั้งอยู่ในวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ต.เวียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี สร้างขึ้นตามแบบลัทธิมหายาน ตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรือง ราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 เชื่อกันว่าภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รอบองค์พระธาตุมีเจดีย์เล็กๆ 4 ทิศ ล้อมรอบด้วยวิหารคด ใกล้กับวัดพระบรมธาตุฯ ยังเป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไชยา เก็บรวมรวมโบราณวัตถุยุคต่างๆไว้ให้ศึกษาหาความรู้
สถานที่แสวงหาความสงบและศึกษาธรรมอีกแห่งที่สายบุญห้ามพลาด วัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม ตั้งอยู่บริเวณเขาพุทธทอง ต.เสม็ด อ.ไชยา ซึ่งท่านพุทธทาสภิกขุ ก่อสร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.2502 ภายในสวนโมกขพลาราม มีความร่มรื่น สงบเย็น เหมาะเป็นที่ฝึกอบรมจิตใจและศึกษาพุทธศาสนาให้ถ่องแท้ โดยเฉพาะโรงมหรสพทางวิญญาณ แหล่งรวบรวมภาพศิลป์ บทกวี คติธรรมคำสอนในพุทธศาสนานิกายต่างๆ อันเป็นปริศนาธรรมให้ผู้สนใจได้เสพและขบคิด มาดูแล้วจะได้เข้าใจให้ถูกต้องว่าพุทธศาสนาสอนให้ทำ“จิตว่าง” รู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดติดตัวกูของกู ไม่บ้าบุญ หรือหลงงมงายมัวเมาสารพัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ หรือเสียเวลาบนบานศาลกล่าวเทพยดาฟ้าดิน
อิ่มใจในธรรมกันพอสมควร คราวนี้สายชิลขอไปล่องเรือเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจบ้างที่ ทะเลสาบเขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน ซึ่งสร้างปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ติดอุทยานแห่งชาติเขาสก ไฮไลต์ที่นี่คือ “เขาสามเกลอ” เขาหินรูปร่างแปลกตาตัดกับผืนน้ำสีเขียวมรกต ที่มาแห่งสมญานาม“กุ้ยหลินเมืองไทย” หากใครใคร่ค้างแรม ที่นี่มีแพพักหลายระดับรองรับขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าสตางค์
ออกจากเมืองร้อยเกาะ เราเดินทางต่อไปสักการะพระบรมธาตุสวี (กาวี) วัดพระธาตุสวี ต.สวี อ.สวี จ.ชุมพร ตามตำนานเล่าว่า พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช แห่งนครศรีธรรมราช เสด็จนำทัพกลับจากรบพุ่งศึกอโยธยา ขณะพักรี้พล ณ วัดร้าง สังเกตเห็นฝูงกาจับกลุ่มวีปีก (กระพือปีก) ร้องเซ็งแซ่อยู่บนกองอิฐเจดีย์พุพัง และในฝูงมีกาเผือกตัวหนึ่งด้วยเป็นที่ผิดสังเกตุ ทรงสั่งให้ทหารรื้อกองอิฐออกจนพบฐานเจดีย์ใหญ่ ภายในมีผอบทองคำบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ทรงสั่งให้ระดมกำลังพลบูรณะเจดีย์จนเสร็จแล้วพระราชทานนามว่า“พระบรมธาตุกาวีปีก” ต่อมาคำว่า“ปีก” ถูกตัดหายไปนานเข้าคำกร่อนลงกลายเป็น“พระธาตุสวี” และเปลี่ยนชื่อใหม่เมื่อปี 2556 เป็น “วัดพระบรมธาตุสวี”
ชุมพร ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งเชิงนิเวศ และเชิงเกษตรที่น่าไปเยือนอีกหลายแห่ง อาทิ ชมอาทิตย์ตกดินที่เขามัทรี สักการะศาลกรมหลวงชุมพรฯ หรือเสด็จเตี่ย ณ หาดทรายรี เยือนไร่กาแฟถ้ำสิงห์ แหล่งปลูกและแปรรูปกาแฟพันธุ์โรบัสต้าชื่อดัง รวมทั้ง สวนนายดำ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ขึ้นชื่อเรื่องพืชผักผลไม้สดนานาชนิด แต่ที่โดดเด่นสุดคือสารพัดส้วม อาทิ ส้วมลอยฟ้า ส้วมใต้บาดาล ส้วมอวตาร ใครปวดอึอดใจไว้มาหย่อนก้นที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง
ครั้งนี้เรามีเวลาไปกราบพระบรมธาตุเพียง 2 องค์ 2 จังหวัดเท่านั้น ยังเหลือ พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช และ พระบรมธาตุวัดเขียนบางแก้ว จ.พัทลุง อีก 2 องค์ ถึงจะครบตามเส้นทาง“จตุธรรมธาตุแดนใต้” สัญญาคราวหน้าไม่พลาดแน่นอน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปกราบสักการะพระบรมธาตุครบทั้ง 4 องค์ และถ่ายรูปไปโพสแชร์ผ่านเว็บ มีโอกาสได้รับ“เหรียญมหาจตุธรรมธาตุแดนใต้” ที่ผ่านพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ให้นำกลับไปบูชาเป็นที่ระลึกด้วย ส่วนกติกาเป็นอย่างไรนั้น คลิ๊กดูได้จาก www.จตุธรรมธาตุ.com