วันที่ 8 พ.ย.65 ที่ บช.ก.พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. และ ภก. วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
ร่วมกันแถลงผลกวาดล้างจับกุมเครือข่ายผู้ผลิตและขายยาแก้ไอปลอมรายใหญ่ หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายใน จ.นครศรีธรรมราช และ จ.ภูเก็ต รวม 11 จุด ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 3 ราย ตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องมากกว่า 80 รายการ มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 70 ล้านบาท
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า บก.ปคบ. รับแจ้งมีผู้ลักลอบผลิตยาแก้ไอปลอม ออกจำหน่ายตามร้านขายยาจำนวนมาก จัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่า แหล่งผลิตรายใหญ่ตั้งอยู่ในจ.นครศรีธรรมราช มีจุดกระจายสินค้าอยู่ที่ จ.ภูเก็ต
ดัดแปลงบ้านพัก เพื่อใช้เป็นจุดเก็บขวดเปล่า จุดผสมวัตถุดิบ จุดบรรจุ จุดเก็บผลิตภัณฑ์ และจุดกระจายสินค้า ให้ยากต่อการตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย
พ.ต.อ.ธรากร กล่าวต่อว่า จากการตรวจค้นตรวจยึด ยาแก้ไอปลอมยี่ห้อ Diphenyl (ฝาไก่แดง) Datissin (ฝาแดง) K-cough,และ A-chlordyl รวม 66,750 ขวด, ยาแก้ไอยี่ห้ออื่นๆ (ของจริง) 18,600 ขวด, ผลิตภัณฑ์ยาอื่น ๆ, วัตถุดิบที่ใช้ผลิตยาแก้ไอปลอม เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงพยานหลักฐานอื่น ๆ ในคดี มากกว่า 80 รายการ มูลค่าความเสียหายประมาณ 70 ล้านบาท
รวมถึงดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด 3 ราย คือ นายภพ อายุ 43 ปี น.ส.ชญาภา อายุ 42 ปี สองสามีภรรยา และ นายเริงชัย อายุ 46 ปี ฐานร่วมกันผลิตและจำหน่ายยาปลอม และ ร่วมกันผลิตและขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ในขณะที่เข้าตรวจค้นยังได้จับกุมนายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี ลูกน้องนายเริงชัย ข้อหาครอบครอบอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังพบมีปืน 9 มม. 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน 44 นัด
พ.ต.อ.เนติ กล่าวเสริมว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพว่า โรงงานดังกล่าวเป็นของ นายภพ และ น.ส.ชญาภา สองสามีภรรยา ให้ นายเริงชัย เป็นผู้ควบคุมดูแลการผลิต และ ให้ นายสุนันท์ อายุ 46 ปี ลูกน้องคนสนิทของนายภพ ดูแลด้านการเงินและการจัดจำหน่าย ขณะนี้ได้มีการประสานติดต่อจะขอเข้ามอบตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขบวนการดังกล่าว ลอบผลิตและจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 62 เริ่มจากผลิตยาแก้ไอปลอมยี่ห้อ Datissin (ฝาแดง) กระทั่งต้นปีที่ผ่านมา เปลี่ยนมาผลิตยาแก้ไอปลอมยี่ห้อ Diphenyl (ไก่แดง) แทน ส่วนยาแก้ไอปลอมยี่ห้ออื่นๆที่ตรวจยึดได้อีกนั้น ทราบว่า สั่งซื้อมาจากบุคคลอื่น อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล
พ.ต.อ.เนติ กล่าวต่ออีกว่าจากแนวทางสืบสวนยังทราบว่า รูปแบบการผลิตยาแก้ไอปลอมของขบวนการดังกล่าวจะเริ่มจากการสั่งซื้อน้ำเชื่อมกลูโคส หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล, กลิ่นราสเบอรี่ เฟเวอร์ และสั่งผลิตฉลากปลอมจากบริษัทต่าง ๆ ในพื้นที่ กทม.
อีกทั้งยังพบว่า เครือข่ายดังกล่าวมีการกระสินค้ายาแก้ไอปลอมไปในหลายจังหวัดทั่วประเทศ เช่น กทม., ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, นครปฐม, สมุทรสาคร, ภูเก็ต, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี และอุบลราชธานี โดยตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ถึงปัจจุบัน เครือข่ายของนายภพ มีรายได้จากการจำหน่ายยาแก้ไอปลอมมากกว่า 80 ล้านบาท
