การเดินทางไปแข่งขันจูเนียร์ไอทีเอฟเกรดเอ ที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อกลางเดือนตุลาคม 2560 เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างจากการไปแข่งทุกครั้งที่ผ่านมา นอกจากเป็นเกรดที่สูงสุดในชีวิตของลูกชายแล้ว ยังมีประเด็นปลีกย่อยที่ทำให้ลูกผมยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก นอกเหนือจากการมุ่งมั่นฝึกซ้อมที่ต้องเข้มข้นและหนักกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว หากยังคงโลดแล่นอยู่ในเส้นทางลูกสักหลาดต่อไป
ผมเองก็รับรู้ตั้งแต่ตอนลูกสมัครไปแข่งแล้วละครับว่างานนี้มันไม่ง่าย เพราะมีแต่คู่แข่งที่โหดหินทั้งนั้น เด็กที่มาแข่งที่นี้เป็นมือท็อป 100 อยู่หลายคน ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ในการเดินทางออกทัวร์สูง เรียกว่าตระเวนแข่งกันแทบจะทั่วทุกมุมโลก ขณะที่เด็กญี่ปุ่นเจ้าถิ่นแม้บางคนจะไม่ค่อยได้ออกเดินทางไปแข่งต่างประเทศ แต่แมตช์การแข่งขันภายในประเทศในบ้านเขาเป็นทัวร์นาเมนต์ที่แข็ง ใช่ว่าใครจะชนะได้ง่ายๆ
ในการไปแข่งขันในครั้งนี้ลูกชายผมเป็นเยาวชนชายไทยที่เดินทางไปเพียงคนเดียว ส่วนเยาวชนหญิงมีอยู่ 2 คน แต่ก็ไม่ได้ค่อยได้คุ้นเคยกันเท่าไหร่ เพราะแต่ละคนก็มีสังกัดฝึกซ้อมของตัวเอง เลยต่างคนต่างอยู่ ถึงแม้จะมีโค้ชเดินทางไปด้วย แต่ทุกอย่างต้องทำเองหมด ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆที่มีเพื่อนเดินทางไปด้วย แต่ก็ถือเป็นข้อดีไปอีกอย่างที่ทำให้ลูกชายได้เรียนรู้ทำอะไรด้วยตัวเอง
การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญในการเดินทางไปแข่งขันต่างแดน ที่โอซาก้าช่วงเดือนตุลาคมเป็นหน้ามรสุมเข้าพอดี และยังย่างเข้าสู่ฤดูหนาว อุณหภูมิขยับขึ้นลงไม่แน่นอน บางวัน 16-17 องศาเซลเซียส บางวันลดฮวบเหลือ 10-12 องศาฯ แบบนี้ร่างกายปรับสภาพไม่ทันครับ วันไหนหนาวมากๆแทบจับแร็กเก็ตไม่ได้ มือไม้แข้งขาแข็งไปหมด หนำซ้ำฝนตกหนักแทบทุกวัน บางวันฝ่ายจัดการแข่งขันต้องย้ายสนามจากกลางแจ้งไปเล่นในอินดอร์และอยู่คนละที่กัน ต้องเดินทางด้วยรถบัสออกไปเกือบ 2 ชม.
ประสบการณ์ที่ต้องจดจำเป็นบทเรียนอีกอย่างคือการไปโอซาก้าครั้งนี้มีปัญหาเรื่องตั๋วเดินทางเล็กน้อย ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปก่อนล่วงหน้าสัก 2-3 วัน เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศและจะได้ฝึกซ้อมให้คุ้นเคยกับพื้นสนาม เพราะแต่ละที่สภาพคอร์ตจะแตกต่างกัน เร็วบ้างช้าบ้าง ที่นี่สนามค่อนข้างหนืดมากๆครับ การเคลื่อนไหวทำได้ยาก ลูกตกแล้วไม่ค่อยวิ่ง ต้องมีเวลาซ้อมปรับความเคยชิน
แต่เอาเข้าจริงได้ตั๋วบินก่อนวันแข่งแค่วันเดียวและต้องเดินทางกลางดึก ไปถึงที่โน่นเกือบเที่ยงวันครับ อดหลับอดนอนหลายชั่วโมง ถึงสนามก็เข้าห้องพักไม่ได้เพราะฝ่ายจัดการแข่งขันยังเคลียร์ห้องไม่ทัน ต้องรอถึงบ่ายสี่โมงเย็นถึงจะได้ห้อง ลูกชายผมต้องแอบงีบบนอัฒจันทร์ครับ หลับๆตื่นๆ อยู่ครึ่งวัน ฝนก็ตกทั้งวันแบบไม่ลืมหูลืมตา สนามก็ซ้อมไม่ได้ เดินทางวันแรกทุลักทุเลสุดๆ ครับ
วันรุ่งขึ้นตามโปรแกรมต้องลงแข่งรอบแรกตามสายการแข่งขัน แต่แมตช์ต้องเลื่อนออกไป 1 วัน เพราะพิษฝน ฝ่ายจัดการแข่งขันต้องย้ายรอบคลอลิฟายด์หรือรอบคัดเลือกสุดท้ายไปเล่นสนามอินดอร์เพื่อไม่ให้แมตช์ดีเลย์มากจนเกินไป ตอนรู้ข่าวให้มีการเลื่อนแมตช์แข่งขันก็อดดีใจไม่ได้ที่ลูกจะได้พักต่ออีก 1 วัน พอมีเวลาได้ฝึกซ้อม
แต่ผิดคาดครับฝนตกหนักยันค่ำ ไม่มีโอกาสได้ลองสนามเลย สรุปแล้วลูกผมได้วอร์มสนามก่อนลงแข่งจริงเช้าวันรุ่งขึ้นไม่ถึงชั่วโมง ส่วนผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไรผมจะมาเล่ารายละเอียดในตอนหน้าครับ
——————————————– เดอะวินเนอร์