ขึ้นชื่อว่า “หนังสายลับ” ในแนวแอ็กชัน-ทริลเลอร์ ท่าบังคับที่ต้องมีอย่างเด็ด ๆ ก็คือฉากบู๊เดือด กับการสืบสวนสอบสวนที่ซับซ้อนหักมุมหลายทอด มีซีนโรมานซ์ เจืออารมณ์ขันประปราย และหนังแนวนี้มักเติมบทสาวสวยให้เป็นเสน่ห์และสร้างความกระชุ่มกระชวย
ยิ่งเห็นชื่อผู้กำกับ แมทธิว วอห์น ที่ฝากฝีมือไว้กับภาพยนตร์ไตรภาค The King’s Man และ kick-ass(2010) แล้ว ก็ชวนให้หวังกันบ้างล่ะว่า Argylle หรือ “อาร์ไกล์ ยอดสายลับ” งานใหม่ของหนุ่มวอห์น ต้องแจ่มแจ๋ว สมราคากับที่เคยทำไว้ในงานเก่า ๆ ของเขา
“อาร์ไกล์ ยอดสายลับ” ใช้รูปแบบเปิดฉากเรื่องที่ทำให้นึกถึงรสชาติแบบ “เจมส์ บอนด์” ตำนานสายลับอังกฤษเจ้าเสน่ห์ รหัส 007 ที่ออกแบบให้เป็นฉากต่อสู้ไล่ล่าสุดระห่ำ
ฉากต้นเรื่องใน “อาร์ไกล์ ยอดสายลับ”จัดว่าเป็นฉากใหญ่ที่สุดมัน จนอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องราวยังต้องเดินหน้าต่อไปอีกกว่าค่อนเรื่อง แล้วจะยังมีอะไรมาเซอร์ไพรซ์อีกกับฉากบู๊อื่นๆต่อจากนี้
แต่ก็ต้องบอกว่า เชื่อหัวผู้กำกับแมทธิว วอห์น เถอะ เพราะหลังจากนี้ไปจนสุดท้ายของเรื่อง จัดเต็มอย่างสุดเฉิดฉายไฉไลกันเลยทีเดียว
หลังจากหนังโชว์ฉากเต้นรำสุดวาบหวามหวามระหว่าง อาร์ไกล์ (เฮนรี คาวิลล์) กับ ลากรองจ์ สายลับสาวสุดเซ็กซี่ ที่ได้ ดูอา ลิปา นักร้องสาวชื่อดังมารับบทนี้ในช่วงต้นเรื่อง ก็ต่อด้วยความมันสะใจในฉากบู๊ล้างผลาญที่อาร์ไกล์ และ ไวแอตต์ (จอห์น ซีนา) คู่หูสายลับร่างบึ้ก ทำเอาเกาะซันโตรินี ของกรีซ แทบวินาศสันตะโร
และก็เฉลยในซีนต่อมาว่า การตามไล่ล่ากันบนเกาะซันโตรินีนั้นน่ะ แท้จริงแล้วเป็นเรื่องราวในนวนิยาย ที่เขียนโดยเอลลี่ คอนเวย์ รับบทโดย ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด ดาราสาวชาวอเมริกันที่เพิ่งผ่านบทบาทการแสดงใน Jurassic World Dominion ออกฉายไปเมื่อปี 2565
แต่ในขณะที่ เอลลี่ นักเขียนสาวที่มีโลกส่วนตัวสูงเป็นทาสแมวตัวยง พยายามมองหา “ตอนจบ” ของ “ตอนใหม่”ในนิยายชุด “อาร์ไกล์ ยอดสายลับ” ว่าจะจบแบบสุดปังยังไงดี ให้สมกับที่มิตรรักนักอ่านรอคอย
จู่ ๆ ก็มีเหตุประหลาดประเดประดังเข้ามาในชีวิตเธอ พลัดหลงเข้าไปอยู่ในวังวนสายลับและองค์กรร้ายระดับโลก
เดชะบุญที่มีชายหนุ่มนาม เอเดน (แซม ร็อคเวล) ได้ช่วยเหลือ เอลลี่ รวมทั้งเจ้าอัลฟี่ เหมียวสุดรักของเธอไว้ได้ พากันหอบหิ้วหนีตายจากองค์กรสายลับวายร้าย “เดอะ ดิวิชัน” ที่ตามล่าแบบกัดไม่ปล่อย
ส่วนที่ว่าทำไม นักเขียนสาวผู้รักสันโดษถึงตกเป็นเป้าหมายขององค์กรสายลับฝ่ายอธรรม นั่นก็เพราะเรื่องราวในนวนิยาย “อาร์ไกล์ ยอดสายลับ”นั้น ดันไปตรงเป๊ะกับเรื่องราวในโลกของพวกสายลับซะงั้น!
กว่าที่ผู้ชมจะได้รู้ “เบื้องหลัง” และ “เบื้องลึก” ต่าง ๆเรื่องราวก็หักมุมแล้วหักมุมเล่า ทั้งยังต้องลุ้นไปกับวิธีเอาตัวให้รอดของ เอลลี่ และ เอเดน ด้วย
ต้องบอกว่า แซม ร็อคเวล ในบทสายลับนั้น อาจเป็นอะไรที่ผู้ชมอย่างเราไม่ได้คาดคิดมาก่อน ในขณะที่ เฮนรี คาวิลล์ ที่ได้บทสายลับเหมือนกันแม้จะดูว่าเหมาะดี แต่ก็ไม่คาดคิดว่า หนังจะเปลี่ยนโฉม คาวิลล์ แบบล้างภาพจำของ “ซุปเปอร์แมน” ไปเสียสิ้น ซึ่งหากมองว่าบท อาร์ไกล์ ช่วยเติมเต็มบท “สายลับ” ให้กับ คาวิลล์ ก็มีแนวโน้มให้คิดได้เช่นนั้น
เพราะ “พี่ซุป” สุดหล่อของใครหลายคน ก็เคยทั้งพลาดหวัง และกลับมาอยู่ในแคนดิเดทที่ลุ้นจะได้เป็น “สายลับ 007” กับเขาอยู่เหมือนกัน
เชื่อว่าแฟนานุแฟนของ “สายลับ 007” ก็คงรอคอยอยู่ว่าใครกันนะ ที่จะมารับ “มรดก” บท เจมส์ บอนด์ ต่อจาก แดเนียล เครก ที่วางมือกลายเป็นตำนานไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความเฉียบของ “อาร์ไกล์ ยอดสายลับ” ไม่ใช่แค่ฉากแอ็กชันสุดมันที่ปรากฏในภาพยนตร์ตลอดทั้งเรื่อง แต่ตัวบทภาพยนตร์ก็เข้าขั้นแยบยลคมคาย ออกแบบเป็น “เรื่องราว” ที่ซ้อนทับ “เรื่องราว”
แม้จะนำพาผู้ชมหัวหมุนอยู่กับเส้นบาง ๆ ระหว่าง “โลกนวนิยาย”หรือ “โลกความเป็นจริง” อยู่สักพัก แต่ก็ยังปราณีที่ปลดปล่อยให้ผู้ชมพ้นจากความสงสัยกับสถานการณต่าง ๆ แถมช่วง เอนด์ เครดิต ก็ยังทำฮือฮาได้อีกคำรบ
https://www.youtube.com/watch?v=MG0Ka4t23c4&t=12s
Blue Bird10/2/67