ลูกชายคนที่2จาก3คน ของน.อ.ประสิทธิ์ ต๊ะวิชัย รน. อดีตหัวหน้ากองการฝึกทหารใหม่ กองเรือยุทธการ
อยากเป็นทหารเรือเหมือนพ่อ หลังจบ ม.ปลายที่สัตหีบ ชลบุรี ถิ่นเกิดตั้งเป้าเข้าเตรียมทหาร แต่โชคชะตาให้มาเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพื่อออกมารับใช้พี่น้องประชาชนในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฏร์
“จบ นรต.38 คะแนนรวมได้ที่ 3 ของนักเรียนนายร้อยทั้งหมด ที่ 1 คือพล.ต.อ. ปิยะ อุทาโย อดีตรองผบ.ตร. ที่2 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ท่านปิยะ ไปอยู่ชนะสงคราม พี่เด่น ไปอยู่พลับพลาไชย ที่ 3 พี่ก็ไปอยู่จักรวรรดิ …..”
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นรต.38 ย้อนความหลัง
ถนนสีกากีเริ่มที่จักรวรรดิ
จบ ปี2528 มาเป็น รอง สว.สืบสวนสอบสวน สมัยก่อนสืบสวนสอบสวนจะอยู่ด้วยกัน พอทำสอบพักหนึ่งเขาให้เป็นหัวหน้าสายสืบ แล้วสลับไปมาระหว่างสอบกับสืบ เราจะได้ทั้ง 2 มุมมอง ทั้งสอบสวน คือรวบรวมพยานหลักฐานที่จะดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหา อีกมุมหนึ่งคือการแสวงหาพยานหลักฐาน
คือทั้งแสวงหา และรวบรวมจะเป็นมุมมองที่ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการฟ้องศาลนำผู้ต้องหาสู่กระบวนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นรูปธรรมและสัมฤทธิ์ผล
เป็นนายเวรผู้การวาทิน
จากจักรวรรดิ ไปเป็นผู้บังคับหมวดโรงเรียนเตรียมทหาร ออกมาเป็นรอง สว.ส.สน. พระราชวัง นายเวรท่าน พล.ต.ต. วาทิน คำทรงศรี ผู้การกองทะเบียนต่างด้าวและภาษีอากร ปัจจุบันเป็น ปอศ. กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
ลงจากนายเวร เป็น สว.ธุรการกำลังพล สว.ภาษี กรุงเทพฯ หรือสว.งาน 1 กก.1 สศก. จากนั้นเป็น รอง ผกก.ข่าว ที่สอบสวนกลาง เป็น รอง ผกก.3 กองทะเบียน ดูแลเรื่องเซ็นเซอร์ภาพยนตร์
ติดยศพ.ต.อ.สนง.วิทยาการ
ติดยศพ.ต.อ.ในตำแหน่ง ผกก.2 สำนักงานวิทยาการตำรวจ ปี 2544 ก่อนปรับปรุงโครงสร้างเป็น สำนักงานพิสูจน์หลักฐานทุกวันนี้ เมื่อก่อน สพฐ.เคยอยู่กับสอบสวนกลาง แล้วแตกไปเป็นสำนักงานวิทยาการตำรวจ จริงๆ ตำรวจจะมีทั้งงานสืบสวนสอบสวน หน้างานนิติวิทยาศาสตร์เป็นเนื้อเดียวกัน แยกจากกันไม่ได้ ดังนั้น งานไคร์มซีน การตรวจสถานที่เกิดเหตุ การเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งการรวบรวมพยานหลักฐาน
หัวใจของการสืบสวนสอบสวน คือสถานที่เกิดเหตุ ระยะหลังคนไม่เข้าใจก็แยกงานหัวใจคือตรวจสถานที่เกิดเหตุ ไปอยู่หน่วยอื่น
กลับนครบาลคุมโรงพักโชคชัย
ปี2546มาเป็น ผกก.สน.โชคชัย คือช่วงหนึ่งของชีวิตรับราชการ เป็นช่วงที่กำหนดทิศทางการบริหารงานได้ จะเริ่มจาก ผกก.โรงพัก มีกำลังพลของตนเอง สามารถควบคุมลูกน้องให้ดูแลพี่น้องประชาชน ไปรับฟังปัญหาประชาชนมาแก้
พ้นจาก ผกก.แล้ว จะเป็นผู้การ จากผู้การจะเป็น ผบช.และพ้นจาก ผบช.ก็เป็น ผบ.ตร. คือหัวใจหลักในการขับเคลื่อน
สมัยก่อนเรียก”นรกบนดิน”
เพราะฉะนั้นด่านแรกคือ ผกก.หัวหน้าสถานี ถ้า ผกก.หัวหน้าสถานีเข้ม เดินชุมชนเองจะเห็นสภาพปัญหาในพื้นที่ มีลักษณะแตกต่างกัน แล้วนำปัญหามาแก้ อย่าหนีปัญหา ได้ตรงนั้นเป็นช่วงที่ได้ทำงาน สมัยนั้นโชคชัยเป็นโรงพักที่เรียกว่า นรกบนดิน พี่แมว-พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ อดีต ผกก.สน.โชคชัย เรียกอย่างนั้น
คือ มันเป็นโรงพักที่มีความเจริญอย่างก้าวกระโดด แล้วปัญหาการปรับตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
กำลังพลมีแต่ป๋าๆแก่ๆ
ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ป็นตำรวจรุ่นเก่าๆพวกป๋าๆ หัวหมากไม่เอา ลาดพร้าวไม่เอาจะโยนมาโรงพักใหม่ต้องมาปรับทัศน คติ แล้วแสวงหาตำรวจรุ่นใหม่เข้ามาช่วยพัฒนาและแก้ไขปัญหา นั่นคือปัญหาตำรวจรุ่นเก่าในสมัยนั้น เขาจะไม่ค่อยยอมรับการเปลี่ยนแปลงจะหนีปัญหา
นายพลเจ้าของนามเรียกขาน “อินทนนท์1”ย้อนอดีต
ปรับจูนจนได้ที่1โรงพักเพื่อปชช.
แต่เขาจะมีข้อดีคือ จะชำนาญในพื้นที่ ตรงนี้ต้องหาแรงจูงใจแล้วสามารถที่จะนำเขาไปแก้ไขปัญหาในชุมชนให้ได้ ตอนนั้นอายุแค่ 30 ต้นๆ เมื่อเทียบกับป๋าๆ ที่อายุ 50 กว่า ใกล้ 60 เขาจะมองเราคนละชั้น แต่เราปรับจูนความคิดเพื่อการพัฒนา แล้วก็ให้เขาช่วยกัน ตอนนั้นทำให้โรงพักโชคชัยจากอันดับกลางๆค่อนไปทางท้ายๆขึ้นอันดับ 1 โรงพักเพื่อประชาชน
ไป ปส.ทำเรื่องยึดทรัพย์แก๊งยา
จากโชคชัยไปวังทองหลางอยู่แป็บเดียว ปี49 โยกมาผกก.ปราบปรามยาเสพติด ท่านสุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผบช.ปส. เอาไปช่วยพัฒนางานสอบสวนยึดทรัพย์ เป็นช่วงแรกๆ ที่นำเรื่องยึดทรัพย์มาใช้กับผู้ค้ายาเสพติด เมื่อก่อนเรามองมิติเดียวคือจับดำเนินคดีผู้กระทำผิด ไม่เคยทำลายกำลังหรือฐานทางเศรษฐกิจ หรือกองหนุนกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด
เราจึงใช้มาตรฐานยึดทรัพย์ ศึกษากฎหมายยาเสพติดของ 10 ประเทศหลัก โดยเฉพาะอเมริกา เม็กซิโก อังกฤษและอื่นๆ ที่มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ยึดทรัพย์ ก็เอากฎหมายตรงนี้มาใช้ อยู่วางรากฐานได้ปีหนึ่ง ขึ้นรองผบก.น.อีก 2 ปี
เกียรติประวัติชีวิตช่วงเป็นผบก.จร.
จากนั้นติดยศนายพลเป็นเลขานุการกรมตำรวจ อยู่ปีหนึ่ง แล้วก็ไปเป็น เป็น ผบก.จร.ปี 2556 ถือเป็นเกียรติประวัติ เพราะในช่วงหนึ่งของชีวิตคน ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านจะเสด็จออกมหาสมาคมฯ 2 ครั้ง แล้วครั้งที่ 2 เป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ในฐานะ ผบก.จร.เป็นผู้ที่จะต้องควบคุมขบวนเสด็จฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการออกมหาสมาคมฯ ในผู้การจราจรทั้งหมด 40 กว่าเกือบ 50 คน มีแค่ 2 คน แค่นั้นเองที่ได้มีโอกาส
เป็นปีหนึ่ง มาเป็น ผบก.น.7 เป็น ผบก.กองวิจัย ขึ้น รอง ผบช.เทคโนโลยี รอง ผบช.ศตร. รอง ผบช.ตชด. รอง ผบช.น.ไปครบหมดเลย ไปเรียนรู้เรื่องกฎระเบียบเกี่ยวกับการบริหารราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อยู่นครบาล 2 ปี แล้วก็มาเป็นผบช.ภ.5 วาระ ต.ค.2564 ดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน
ย้อนความรู้สึกช่วงเป็นโฆษก บช.น.ที่มีการชุมนุมและมีการปะทะกับม็อบโดยเฉพาะกับเยาวชนอย่างดุเดือด บิ๊กต๊ะบอกว่า
อันดับแรกเราจะเลี่ยงไม่ได้ หลายๆคนบอกว่าเป็นการรับนโยบายจากข้างบน จริงๆแล้วเราเป็นข้าราชการประจำต้องรับฟังนโยบายรับฟังคำสั่งจากรัฐบาลที่มาโดยถูกต้องตามกฎหมาย ประการสำคัญคือ ต้องทำความเข้าใจแล้วชี้แจงให้ผู้ที่มีความเห็นต่างอยู่ในกรอบอันพึงประสงค์ และไม่ทำผิดกฎหมาย
ทุกคนต้องอยู่ใต้กม.เดียวกัน
ความสำเร็จของการควบคุมฝูงชนไม่ใช่การจับกุมหรือการปะทะ แต่คือทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้ที่มีความเห็นต่างซึ่งเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าทุกๆสังคมมีผู้ที่มีความเห็นต่างอยู่แล้ว เข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายตามกฎเกณฑ์
กฎหมู่ย่อมไม่อยู่เหนือกว่ากฎหมาย ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ใช้มาตรฐานเดียวกัน เรามีหน้าที่ที่จะชี้แจงและเตือนว่าสิ่งใดทำได้ สิ่งใดทำไม่ได้ แล้วเขาควรจะอยู่ในกรอบแค่ไหน
บังคับใช้กม.อย่างไม่เลือกข้าง
ถ้าบอกแล้วว่าอันนี้เป็นการทำผิดกฎหมายแล้วยังฝืนทำ แสดงว่าเขามีเจตนาที่จะกระทำผิดกฎหมาย เราเป็นคนกลาง จะเห็นว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเราบอกอย่างเดียวว่า สิ่งที่ทำได้กับสิ่งที่ทำไม่ได้คืออะไร อันนั้นคือสิ่งที่เราเตือนการเตือนก็เป็นสเต็ปๆ แล้วบังคับใช้กฎหมาย ทำอย่างเต็มที่และทำอย่างไม่เลือกข้าง ไม่เลือกฝ่าย
ทุกคนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย ในขณะที่กฎหมายไทยยังบังคับใช้อยู่ก็จะต้องปฏิบัติตามต้องถูกดำเนินการตามนั้น ส่วนจะพอใจหรือไม่พอใจกฎหมาย เป็นเรื่องที่จะต้องไปแก้ไขกฎหมาย
มองเด็กๆเหมือนลูกหลาน
บางทีผู้ชุมนุมก็เป็นเด็กก็ต้องมองว่าเด็กก็คือเด็ก ความกรุณาปราณีต้องมีต่อเขา บุคคลเหล่านี้เหมือนลูกหลาน อะไรที่เตือนเขาบอกเขาพยายามทำความเข้าใจ บางวันต้องนั่งกินข้าวกล่องกับผู้ชุมนุม ไปทำความเข้าใจว่าอะไรที่เขาไม่ควรทำ หลายๆคนเข้าใจแต่หลายๆคนไม่เข้าใจก็แล้วแต่
แต่จะเตือนว่า การใช้สิทธิ หรือใช้เสรีภาพตามกฎหมายจะต้องอยู่ในบริบทที่ต้องไม่กระทบกับสิทธิเสรีภาพผู้อื่น ไม่ละเมิดกฎหมายบ้านเมืองหลายคนเข้าใจยอมกลับบ้านก็เยอะ
ห่วงไม่เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง
ขึ้นเป็น ผบช.ภ.5 มองกลับไปแล้วยังเป็นห่วง ยังมีหลายๆอย่าง ที่เด็กและเยาวชนอาจจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง อาจจะต้องปรับปรุงทำความเข้าใจกับเด็กหรือเยาวชน หรือแม้กระทั่งคนหลายๆกลุ่ม เป็นหน้าที่ทุกภาคส่วนที่อาจจะต้องช่วยๆกัน
คือประเทศควรจะต้องเดินด้วยบริบทและหลักนิติรัฐ ต้องถือกฎหมายบ้านเมืองเป็นหลัก บริหารจัดการประเทศ ไม่ควรเป็นนิติสงคราม ไม่งั้นประเทศจะถูกยุยง ก่อให้เกิดการแยกฝักแยกฝ่ายไม่เกิดประโยชน์กับประเทศเรา
ภาคเหนือถิ่นเสื้อแดงแต่ปัญหาน้อย
ในภาพรวมในบริบทที่นครบาลกับที่นี่มันถึงกันอยู่แล้ว แต่จริงแล้วอย่างเชียงใหม่ หรือภาคเหนือตอนบน เป็นพื้นที่หัว ใจกลุ่มคนเสื้อแดง เมืองหลวงของผู้มีความเห็นต่าง แล้วเราทำความเข้าใจ จริงใจ ช่วยกันสร้างสรรค์แนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศ อยู่มา 2 ปีเราเดินพบกับแกนนำทั้งทุกภาคส่วน ทั้งภาคราชการ และการเมือง
สังเกตดูว่า การรวมตัว หรือการชุมนุมที่ภาคเหนือ ไม่ค่อยมีปัญหา ทุกคนก็เน้นเรื่องส่วนรวมเป็นหลักมากกว่าการแย่งชิงกันทางการเมือง การใดที่ทำให้กระทบต่อความเป็นอยู่ หรือกระทบต่อการท่องเที่ยว สังเกตดู ทางภาคเหนือจะเบา เบาลงจนผิดสังเกต
ทิ้งการเมืองรวมตัวต่อสู้โควิด
ตรงนี้ขึ้นอยู่กับการทำความเข้าใจ ถ้าเราต่อสู้กันทางการเมือง ห้ำหั่นกันแล้วอดตายไม่เกิดประโยชน์ ในขณะที่โควิดกำลังทำร้ายเรา เรารวมตัวสู้โควิด พักเรื่องการเมืองแล้วเอาประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ผ่านมันไปได้ด้วยดี
สังเกตดูว่า ความสูญเสียจากโควิด ภาคเหนือจะสูญเสียน้อยเพราะทุกคนช่วยกัน แทนที่จะไปปะทะกันทางการเมือง ก็มาจับมือกันแก้ไขปัญหาของประเทศ
ปัญหาสู้รบฝั่งเพื่อนบ้านไม่กระทบ
สำหรับพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดน เราประสานกับกองทัพ ประสานประเทศเพื่อนบ้าน พูดคุยกันเสมอๆ ใน 2 ปีนี้ปัญหาเรื่องความมั่นคงตามแนวชายแดนแทบจะไม่มี
จะมีบ้างก็ในประเทศเพื่อนบ้านที่สู้รบกัน หลายๆครั้งจะส่งผลกระทบถึง แต่จากการพูดคุยอย่างใกล้ชิดทำให้ปัญหาการสู้รบของเขาไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ยาเสพติดคือปัญหาหลัก
ปัญหายาเสพติดยังเป็นปัญหาหลัก มีความต่อเนื่องระหว่างตำรวจภาค 6 ภาค 5 และภาค 4 มีโรงงานซึ่งใช้เครื่อง จักรสมัยใหม่ผลิตยาเสพติดได้จำนวนมากในต้นทุนราคาถูก ทำให้มียาเสพติดทะลักเข้ามาในประเทศไทย ปีที่แล้ว
ในภาพรวมของประเทศจับยาบ้าได้ทั้งหมด 350 ล้านเม็ด เป็นผลงานภาค 5 รวม 182 ล้าน เกินครึ่งของยอดที่จับ เป็นยาเสพติดชนิดเดียวที่เข้ามาแล้วไม่มีส่งออก นี่คือที่จับได้ เราจับตลอด ได้รับโล่จากท่านนายกรัฐมนตรี เรื่องการปราบปรามยาเสพติด ดีเด่น ปีนี้ก็ได้เป็นปีที่ 2 ดีเด่น 2 ปีซ้อน
ยึดทรัพย์สกัดเส้นทางการเงิน
ปีที่แล้ว รัฐบาลกำหนดยึดทรัพย์หมื่นล้านทำลายวงจรทางเศรษฐกิจการซัพพอร์ตปัญหากลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ปีที่แล้ว ภาค 5 ยึดได้ เกือบ 7 พันล้าน ปีนี้ก็ยังคงดำเนินการอยู่ แก๊งที่เราเพ่งเล็งก็จะมีแก๊งเดิมๆ กลุ่มพวก ป๋อดี หรือกลุ่มไทซ้ง หรือมูเซอ พวกนี้จะเป็นแก๊งที่เราเฝ้าจับตามองอยู่ เส้นทางการเงินก็ทำอยู่
ขึ้นบัญชีผู้เสพสีแดง
ส่วนกรณีที่พวกนี้ถ้าเกิดคลั่ง หลอน จะเป็นพวกสีแดง คือพวกที่มีความเสี่ยงถึงขั้นจะก่อเหตุรุนแรง พวกนี้จะเป็นฝ่ายปกครอง อสม.หรือตำรวจช่วยกันเฝ้าระวัง จะขึ้นบัญชีไว้เลยว่าบุคคลที่มีความเสี่ยง ในการก่อความรุนแรง โดยทั่วไปทางชุมชน แต่ละชุมชน แต่ละหมู่บ้านจะรู้คร่าวๆ อยู่แล้ว คนที่เป็นที่อิดหนาระอาใจ เขาจะบอก ไอ้นี่อีกแล้ว
ชุมชนยั่งยืนคือทางแก้
คือ ท่าน ผบ.ตร. พยายามจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุที่ดีมานด์ความต้องการ ก็ใช้โครงการชุมชนยั่งยืน ควบคู่กับการปราบปราม ร่วมกับทางภาคส่วนต่างๆเพื่อจะลดปริมาณผู้เสพยาในพื้นที่ให้ลดลง นำคนป่วย คนเสพ กลับคืนสู่สังคม พอบำบัดเสร็จจะมีกระทรวงแรงงาน กับทางกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เข้ามาส่งเสริมอาชีพ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม.และตำรวจ คอยมอนิเตอร์ ว่าบุคคลเหล่านั้น หยุดการใช้ยาได้จริงๆ ก็คืนเขาสู่สังคม
ถ้าจะเกิดเหตุร้ายขอให้น้อยที่สุด
เราต้องกำชับ และมีมาตรการที่ชัดเจนเพื่อหยุดยั้ง ป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายในวงกว้าง ไม่คาดโทษลูกน้องหากมีเหตุคลั่งฆ่าพ่อแม่ ผาบ้าน คือพยายามให้เด็กได้ทำให้เต็มที่ ใช้แรงจูงใจ เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน บางอย่างเป็นเรื่องสุดวิสัย ถ้าเราระวังเต็มที่แล้วมันจะต้องเกิด ก็ขอให้มันเกิดน้อยที่สุด
ปัญหาแรงงานต่างด้าวเอาอยู่
เรื่องแรงงานต่างด้าวอยู่ในเกณฑ์ที่เราคุมได้ ถ้าภาค 6 กดดันที่แม่สอด ท่าสองยาง มันจะข้ามแม่สะเรียง สบเมย ในพื้นที่ภาค5 ขณะเดียวกัน ถ้ากดดันทางนี้ เขาจะไปโผล่ที่แม่สอด แล้วถ้าแม่สอด กดดัน แม่สะเรียง กดดัน เขาจะขึ้นแม่ฟ้าหลวง แต่ทางนั้นจะขึ้นยากหน่อยเพราะเป็นภูเขาจะมีแค่ทางด่านช่องทางธรรมชาติ ภูเขาหัวนก กับศาลาแปดเหลี่ยม อยู่เลยกัลยานิวัฒนาไปหน่อย แถวเชียงดาวแถวพวกนี้ พื้นที่เชียงใหม่ตรงนั้นจะค่อนข้างน้อย เพราะจะเข้าเขตชนกลุ่มน้อย โอกาสที่จะไปถึงตรงนั้นจริงๆจะน้อย
แก๊งคอลฯใช้ไทยเป็นทางผ่าน
แล้วไปทางแม่สาย เชียงราย เชียงของ มีลักลอบเอาคนจีนเข้ามา พวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เราจะเป็นทางผ่าน เพราะความเชื่อมโยงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลักๆไม่ว่าจะพวกที่อยู่ที่เมียวดี ที่คิงส์โรมัน ประเทศลาว จะพยายามส่งคนครอสกัน ตอนนี้พยายามจะตัดวงจร จะเหลือฐานหลักๆอยู่ที่ท่าขี้เหล็ก กับที่คิงส์โรมัน
ห่วงชาวไทยภูเขาถูกหลอก
เป็นห่วงอยู่อย่างเดียวคือชาวไทยพื้นที่สูง จะถูกหลอกให้ไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะคนเหล่านี้พูดไทยได้ อังกฤษได้ จีนได้ ไทยใหญ่ ม้ง ว้า มูเซอ กระเหรี่ยง ปะกากะยอ พวกนี้ พูดได้ 3 ภาษาหมด บางคน 4 ภาษา คือไทย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส พวกกระเหรี่ยงนี่พูดอังกฤษ ปร๋อ บางคนพูดไทยยังไม่ชัด แต่พูดอังกฤษ พูดจีนได้
แก้หนี้ลูกน้องตัวแดงไม่มีแล้ว
สำหรับการดูแลสวัสดิการลูกน้องเป็นไปตามนโยบาย ผบ.ท่านที่แล้ว พี่ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ให้เราแก้หนี้ ตัวแดงไม่มีแล้ว เหลือตัวเขียว ตัวเหลือง ตัวแดงคือส่วนที่ถึงขั้นถูกฟ้อง ตอนนี้ใช้ทุกกระบวนการ ตั้งแต่เริ่มสหกรณ์ เข้ามาช่วย แล้วก็กองทุนต่างๆ มูลนิธิ แล้วก็ กต.ตร.เข้ามาช่วย จนสถานการณ์ลูกน้องลดลงอย่างมาก
ให้ความรู้การบริหารเงิน
ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นสหกรณ์เยอะ เราคุยกับสหกรณ์ในภาคเหนือเกือบทั้งหมด มีสหกรณ์ภาค 5 เป็นลีดในการลดดอกเบี้ย ให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารเงิน
เริ่มตั้งแต่หลักสูตรนักเรียนพลว่าคุณจะต้องบริหารเงินคุณอย่างไร เงินเดือนเท่านี้มีรายจ่ายเท่านี้ ที่เหลือคุณจะบริหารยังไงในสภาพความเป็นจริง แล้วทุกหลักสูตรจะให้ความรู้ตรงนี้ นายดาบ 53 พวกนี้ เราจะถามว่าในช่วง 7 ปีสุดท้าย จะบริหารเงินของเขายังไง วางแผนหลังเกษียณ
กฏเหล็ก ผกก.ต้องดูแลลูกน้องให้ดี
ปัญหาที่สำคัญคือผู้บังคับบัญชาระดับ ผกก.ถือเป็นกฎเหล็กเลย จะต้องดูแลลูกน้องให้ดี ถ้าลูกน้องมีปัญหาขึ้นมาแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผกก.ไม่ใส่ใจดูแล ตรงนั้นถือว่าเป็นความบกพร่อง ทางการปกครอง ถ้าคุณไม่มีความสามารถในการดูแลทุกข์สุข ดูแลกติกา สภาพปัญหาลูกน้อง ถือว่าคุณไม่มีความสามารถในการบริหาร จะให้ไปอยู่ที่อื่นคือมีปรับย้ายในสถานที่ที่เล็กลง
หาช่องทางให้ตำรวจมีรายได้
แม่บ้านตำรวจก็เป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือพ่อบ้าน ช่วยเหลือครอบครัว อันดับแรกคือ ให้เขามีรายได้มากขึ้น ให้เขาใช้เวลาว่างที่มีให้เกิดประโยชน์ ได้สร้างสิ่งที่เกิดประโยชน์ ฝึกอาชีพ ให้รวมตัวกันเพื่อให้เกิดอำนาจต่อรอง ให้ทำงานในภาวะที่เหมาะสม มีเวลาในการดูแลครอบครัว ถือว่าให้แม่บ้านได้ใช้เวลาในการรวมกลุ่มกัน เรามีสินค้าที่แม่บ้านบางส่วนเป็นคนผลิต แม่บ้านบางส่วนเป็นคนจัดจำหน่าย แล้วมีรายได้ช่วยเหลือครอบครัว
สินค้าของแม่บ้านตำรวจภาค 5 มีหลายอย่างตั้งแต่ผ้าไหม ผ้าพื้นเมือง การขายผ้าปัก สินค้าพืชผักผลไม้ สินค้าจักสาน น้ำผึ้ง
เข้าใจพงส.เพราะอยู่มาทั้งชีวิต
ในส่วนของพนักงานสอบสวน ที่น่าจะเป็นงานหนัก อันดับแรก ก่อนที่เขาจะเครียดเราต้องเข้าใจ เพราะค่อนชีวิตอยู่กับสอบสวนมาตลอด ได้พนักงานสอบสวนดีเด่น ระดับ บช.เป็นโครงการแรกๆ ตั้งแต่สมัยท่านวิโรจน์ เปาอินทร์ ยังไม่ได้ทำโครงการผลักดัน เป็นพนักงานสอบสวนมือท่านวิโรจน์ ในการสางคดีของ บช.น.ยุคแรกๆ เลย
ปัญหาไม่เก่งเหมือนสมัยก่อน
อันดับแรกคือเรื่องขวัญกำลังใจ 2.คือความเป็นอยู่ 3.คือการติดอาวุธให้เขา ปัจจุบันต้องยอมรับว่าพนักงานสอบสวนไมเก่งกฎหมายเหมือนสมัยก่อน ทั้งๆที่ คุณมีหน้างานเพียงหน้าเดียว
สิ่งที่สำคัญในการพัฒนางานสอบสวนได้ คุณต้องเหนือชั้นกว่าองค์กรบังคับใช้กฎหมายอื่นๆเพราะคุณบังคับใช้กฎหมาย คุณเป็นประตูแรก เป็นต้นทางการดำเนินคดี แต่ถ้าคุณไม่แม่น คุณเป๋แต่แรก ความน่าเชื่อถือของพี่น้องประชาชนก็หมดแล้ว
ต้องมีเวลาพักแต่อย่าทิ้งปชช.
2.คือเจตคติ อย่างของพี่คือ อย่างแรกคุณต้องดูแลปัญหาประชาชน เพราะฉะนั้นที่นี่จัดเวรไม่เกิน 5 ผลัด พนักงานสอบสวน 5 ผลัด เท่ากับถ้าเข้าเวรทั่วไป คุณจะมีเวลาพัก อย่างน้อย 24 ชั่วโมง อย่างคุณเข้า 6 พัก 12 แล้วต่อไป 24 กับ 24 วันสุดท้ายคุณจะได้พักประมาณ 48 ชั่วโมง คือ 2 วัน ต้องทำงานมีเวลาพัก มีเวลาดูแลครอบครัว ขณะเดียวกัน คุณต้องไม่ทิ้งประชาชน
เข้าใจว่ามันเหนื่อย ออกเวรแล้วก็ต้องมีมาหา แล้วถึงเวลาปั๊บ เวรตัวเองไม่เท่าไหร่ แต่พอไม่ใช่เวรตัวเองทุกคนก็โบ้ย ดีที่สุด อีก 2 วัน เขาเข้าเวรตอน 8 โมง แล้วค่อยมาละกัน
คือบางเรื่องพิมพ์แค่นิดเดียวหรือทำแค่นิดเดียว เขาก็หมดปัญหาพอใจแล้ว แต่ไปโบ้ย ให้ต้องรออีก 8 ชั่วโมง
พงส.ต้องเพียงพอกับสภาพพื้นที่
ที่สำคัญคือต้องจัดพงส.ให้พอกับสภาพปัญหา พื้นที่ เวลา บางพื้นที่กลางวันคดีเยอะ ต้องจัดพงส.ให้พอ ไม่ใช่ถึงเวลามี 3-4 คิว นั่งแจ้งความเรื่องเดียว นั่งรอ 3 ชั่วโมง อันนี้กำชับไปเมืองใหญ่ คือบางพื้นที่ กลางคืนมีภารกิจเยอะ ต้องมีพงส.มากขึ้น กลางวันที่มีธุรกิจการค้าเยอะจะต้องมีพงส.กลางวันมากขึ้น
มีพงส.หญิง ที่ดูแลคดีเด็กและสตรี สามารถเป็นพงส.ช่วยในห้วงเวลาที่มีคดีมากขึ้น อย่างน้อยๆทำให้คิวรอแจ้งความร้องทุกข์ มันลดลง จะทำให้ประชาชนได้รับการบริการที่เร็วขึ้น และดีขึ้น
ทุกข์ร้อนปชช.คือทุกข์ตำรวจ
ที่สำคัญคือการปรับเจตคติ ว่าทุกข์ร้อนประชาชนคือทุกข์ร้อนของตำรวจคือสิ่งสำคัญ ถ้าเราไม่เห็นทุกข์ร้อนของเขา บอกว่าจะมาเร่งอะไรผมนัก รถชนรอ 20 นาที โวยวาย
ก็คุณอยู่ในห้องแอร์แป็บเดียว แต่ถ้าคุณมีลูก มีเมีย ยืนตากแดดอยู่ข้างถนน 20 นาที ไม่รู้ว่ารถคันใหม่จะมาชนซ้ำอีกเมื่อไหร่ แต่ตอนกลางคืน ผู้หญิงคนเดียวแล้วรถชน ข้างโน้นเป็นคนเมา ถ้าจะทุบเขา จะปล้ำเขา 20 นาที มันนาน
แต่ 20 นาทีของคุณในห้องแอร์มันแป็บเดียว อย่าบอกว่า 20 นาที รอไม่ได้หรือไง ไม่ใช่ ต้องเอาใจคนเดือดร้อนมาใส่ใจเรา
พงส.คือคนแรกที่จะแก้ปัญหา
แล้วไม่อยากให้พนักงานสอบสวนที่เครียดอยู่แล้ว ต้องเครียดกับการที่ต้องมานั่งชี้แจง ถูกพิจารณาทัณฑ์หรือพิจารณาข้อบกพร่อง แต่ทุกคนต้องปรับตัวแล้วเอาความเดือดร้อนประชาชนเป็นหลัก
หัวใจงานตำรวจ คือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนงานปราบปรามยาเสพติด งานไปไล่จับคนร้ายมันเป็นงานต่อเนื่อง แต่คนที่เดือดร้อนแล้วมาโรงพัก พงส. คือคนที่จะแก้ปัญหาให้เขาเป็นคนแรก
เกียรติยศชื่อเสียงจะตามมา
นั่นคือสิ่งที่เราควรทำ เพราะแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ยอมเหนื่อยแต่แรกนิดเดียวจะทำให้โรงพักของคุณมีเกียรติยศ ชื่อเสียง ผมถึงบอกว่า เกียรติยศชื่อเสียงไม่ได้อยู่ที่เราอวยกันเอง อยู่ที่ประชาชนเขาอวยให้เราไหม รักเราไหม แต่ถ้าประชาชนบอกว่า ผมไม่รักคุณมันก็จบ แต่ถ้าบอกว่า เฮ้ย ประชาชนรักคุณ
อย่างพี่บอกว่าตอนโควิด เที่ยงคืน ทุกอย่างปิดหมด 4 ทุ่มครึ่ง แต่ตำรวจต้องตั้งด่าน น้ำยังต้องไปรองน้ำก๊อกกิน ถ้าไม่มีประชาชนช่วยจะทำยังไง 2 ปีเต็มเลยที่มีประชาชนช่วยตรงนี้
ฝากรุ่นน้องก่อนถอดเครื่องแบบ
ก่อนเกษียณอยากจะฝากไว้ คุณควรจะเตรียมตัวอะไรกับภัยยุคใหม่ อันดับแรกคือต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลง ต้องเปลี่ยนตัวเรา เราไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมตามเราได้ เราต้องเปลี่ยนตัวเอง ปรับตัวไม่พอต้องเปลี่ยนเพื่อรับสภาพอาชญากรรมที่เกิดขึ้น
เรียนรู้ภัยคุกคามในอนาคต
อาชญากรรมใหม่ๆ อาชญากรรมเก่าๆ ยังคงมีอยู่ ลัก วิ่ง ชิง ปล้น การฆ่า ข่มขืนก็ยังมีอยู่แต่อาชญากรรมใหม่ๆ อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ อาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า จะมีขึ้นมาอีกเรื่อยๆ
สิ่งที่เราจะต้องปรับตัว เรียนรู้กับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราไม่เรียนรู้ ไม่เปลี่ยนตัวเราเอง จะตามไม่ทันจะสูญพันธุ์เหมือนไดโน เสาร์
จะบอกว่าเราจะเปลี่ยนกฎหมาย ผมไม่เอากฎหมาย เรื่องการถ่ายบันทึกภาพ ถามว่าเราทำได้ไหม เราทำไม่ได้เราถึงต้องเปลี่ยนตัวเราเองให้อยู่รอดได้ยังไง แล้วสามารถดูแลพี่น้องประชาชน ภายใต้กฎหมายบริบทสังคมที่มันเปลี่ยนไป อันนี้คือสิ่งที่จะฝากเด็กๆรุ่นใหม่
ถามใจพร้อมดูแลชาวบ้านแค่ไหน
คืออาจจะไม่มีความอดทนเท่ากับคนรุ่นเก่า พงส.สมัยก่อนเข้า 6 พัก 12 มีแค่ 4 ผลัด นี่หรูแล้ว บางที่มีแค่ 3 ก็ต้องเข้าแล้วพักตลอด ถ้าอยากจะพักยาว คือ 6 พัก 6 แล้วเข้า 6 แล้วถึงจะได้พักยาว
ขนาด 6 พัก 12 วันที่พัก 12 ออกเวร 6 โมงเช้าจะต้องไปศาลฝากขังศาล แล้วมาเข้าเวร 6 โมงเย็น เงินตำแหน่งไม่มี เงินสำนวนไม่มี คอมพิวเตอร์ไม่มี ใช้โอลิมเปียกับหนังยางรัด รถควบคุมไม่มี ขี่มอเตอร์ไซค์เอาผู้ต้องหาล็อกกุญแจมือไว้ที่เอวข้างหน้า เราก็ผ่านมาแล้ว
ไม่อยากให้เด็กรุ่นหลังต้องมาเจอสภาพแบบเรา ทุกวันนี้ก็ต่อสู้ในทุกเรื่อง เงินตำแหน่งมีแล้ว เงินสำนวนมาแล้ว ผู้ช่วยพนักงานสอบสวนมีแล้ว รถราม้าใช้มีแล้วอาจจะไม่ดีแต่ก็ยังมี เหลือแต่ปรับตัวกับเจตคติ พวกคุณพร้อมจะดูแลพี่น้องประชาชนหรือยัง
ฉะนั้นเราต้องสร้างความเชื่อมั่น ความแข็งแกร่ง สร้างการยอมรับ เหมือนคนรุ่นเก่าๆที่เคยทำมา พอทำมาปั๊บ เราขอเงินตำแหน่ง เงินสำนวน
“แม้ว่าวันนี้เราอาจจะได้ไม่เท่าพนักงานอัยการ ไม่เท่ากับศาล แต่วันหนึ่งข้างหน้า เราพยายามทำให้ถึงตรงนั้น แต่เราจะต้องทำตัวของเราให้คุ้มค่าให้สูงกว่านี้…”
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ปิดท้าย
เฮียเก๋ 15/7/66