สุพจน์ ศิลปงาม หรือโจ อายุ 49 ปี ช่างภาพมืออาชีพสำนักข่าวหัวเขียว ย่านวิภาวดีรังสิต
บุคคลหลังเลนส์ที่ละเลงภาพข่าวลงแผงหน้า 1 ให้หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มายาวนานถึง 19 ปี มีดีกรีรางวัลยอดเยี่ยมหลากหลายเวที
เรื่องราวมือรางวัลของสุพจน์ เริ่มจากเมื่อ ปี 1990 สมัยวัยหนุ่มตอนเรียนในรั้วสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้า พระนครเหนือ คณะวทอ.สาขาวิศวะเครื่องกล
ขณะนั้นพี่ชายมีตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์วงจร ย่านสุทธิสาร ได้ฝึกเรียนรู้การถ่ายภาพ
โดยพี่จิ๋ง เป็นอาจารย์คนแรกที่สอนการถ่ายภาพเชิงข่าวสายเศรษฐกิจและการเมืองภาคสนาม ว่าจะต้องถ่ายแบบไหน
จุดนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่ให้ไปเกเร อยู่ห่างจากโต๊ะสนุกเกอร์
เวลาทำงานก็อาศัยใช้เทคนิคการเรียนรู้จากรุ่นพี่ เพื่อนฝูง ที่คอยสอนคอยแนะนำเรา บวกกับว่าเป็นคนกล้า ทำให้เรียนรู้ได้ไว
ทำอยู่ได้ 2 ปี จากนั้นเกิดวิกฤตฟองสบู่แตก หนังสือพิมพ์ปิดตัวเลิกจ้าง จึงตัดสินใจกลับไปเรียนให้จบ เพราะครอบครัวอยากให้กลับไปเรียน ป.ตรีจึงเลือกเรียนภาคค่ำ
ช่วงที่เรียนนั้น เวลาว่างเยอะ พี่ชายเลยฝากให้ไปทำงานกับพี่เปี๊ยก บก.หนังสือทีเด็ด เป็นหนังสือโป๊ ยุคนั้นดังมาก จนใกล้จบ พี่เปี๊ยก บอกว่า โจอย่ามาเส้นทางสายนู๊ด เชื่อพี่ ไปทางข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐดีกว่า
มาทำงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ก็ต้องมาร่ำเรียนการถ่ายภาพในแบบฉบับของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
เพราะว่าการถ่ายภาพของแต่ละสำนักนั้นจะแตกต่างกันไป โดยมีรุ่นพี่ในสังกัดเป็นอาจารย์สอนอยู่หลายคน
วิธีการ รูปแบบ เทคนิค ขั้นตอน มุมภาพ และอื่นๆ จะสอนไม่เหมือนกันเมื่อเรียนรู้แล้วก็ปรับนำมาใช้ในการถ่ายทอดในสไตล์ตัวเอง
ผ่านไปราว 3 ปี ย้ายโต๊ะมาอยู่ส่วนกลาง ทีแรกสุพจน์ไม่ชอบ คิดว่ามันน่าเบื่อเพราะต้องรับงานเป็นเคส
อยู่ได้ไม่นานก็ประจักษ์ว่าเป็นโต๊ะที่วิเศษ ไม่จำเจ ได้เจอเหตุการณ์แปลกใหม่อยู่เสมอ
ส่วนกลางเปรียบเหมือนหน่วยสวาท ที่จะเข้าถึงจุดเกิดเหตุให้ไวที่สุดและรอบคอบ เพื่อจะได้นำเสนอภาพเหตุการณ์ให้ประชาชนได้รวดเร็วที่สุด
ยกตัวอย่างผลงานการันตีว่าเป็นช่างภาพมืออาชีพ มา 3 รางวัล
1.เป็นรางวัลแรกในชีวิตและรางวัลขณะเข้าทำงานไทยรัฐปีแรก เป็นภาพระหว่างทักษิณ ชินวัตร กับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
โดยหัวทั้งสองแทบจะชนกันขณะนั่งดูสไลด์ผลงานเพื่อปรึกษาหารือภายในตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อปี 2544 จึงได้ชื่อภาพหัวล้านชนกัน
รับรางวัลชนะเลิศการเมืองยอดเยี่ยม ของสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นรางวัลแรกของชีวิต
2.ภาพที่ประทับใจและดีใจมากที่สุด คว้ารางวัลภาพข่าวยอดเยี่ยม จากสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ปี 2558ได้รับถ้วยพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 และถ่ายทอดสดทางช่อง 7 สี
เป็นภาพ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
ทรงเซลฟี่กับพระสหาย ขณะนำทีมประชาชนปั่นจักรยานในกิจกรรม Bike For Mom
ในปีถัดมาสามารถป้องกันแชมป์จากสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย คว้าภาพข่าวยอดเยี่ยม ปี 2559
เป็นภาพขณะสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
ทรงประทับอยู่บนรถไฟ โดยมีชาวบ้านกำลังถวายผลไม้ในกระด้งแล้วยกเหนือหัว ณ สถานีรถไฟชุมทางหนองปลาดุก จ.ราชบุรี
ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ เพราะไม่มีใครสามารถป้องกันแชมป์ได้ 2 ปี ซ้อน และยังได้อีก 4 รางวัล รวมปีนั้นคว้าทั้งหมด 5 รางวัล ถือว่าเป็นที่สุดแล้ว
และ 3.รางวัลล่าสุดที่ได้รับ เป็นภาพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงจุมพิตเด็กน้อยที่วัดนักบุญเปโตร อ.สามพราน จ.นครปฐม ขณะเยือนไทยเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2562
คว้ารางวัลยอดเยี่ยมมูลนิธิอิศรา อมันตกุล ถือว่าเป็นรางวัลที่สุดยอดแล้วในชีวิต
นอกเหนือจากผลงานดังกล่าวสุพจน์ ศิลป งาม คว้ารางวัลจากเวทีต่างๆ 22 ผลงาน ในเส้นทางวงการน้ำหมึกโลดแล่นมา 19 ปี
“อย่าหลง..รางวัลมันเป็นแค่หัวโขน อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง อย่าคิดว่าตัวเองเจ๋ง ฝีมือการถ่ายภาพคนในวงการนั้นมือพระกาฬทั้งนั้น
ช่างภาพถ่ายสวยทุกคนเชื่อเสมอว่ายังมีคนที่เก่งกว่าเราเยอะมาก เพียงแต่ต้องอาศัยโอกาส โชค ดวง จังหวะ และเวลา
เพราะการถ่ายภาพเหตุการณ์ ภาพช็อตวินาทีสำคัญ ลูกฟลุ๊คล้วนๆ ยิ่งโหยหา ยิ่งล่ารางวัล ยิ่งไม่ได้” สุพจน์ กล่าวด้วยความหนักแน่น
แรงบันดาลใจในการทำงาน มองว่าอาชีพนี้เป็นฐานันดรที่ 4 เพราะว่างานที่เราทำสามารถเข้าถึงบุคคลที่รวยที่สุดของประเทศ ไปจนถึงคนที่จนที่สุดในประเทศ
ทำให้สะท้อนกลับมาว่าเราสามารถช่วยเหลือสังคมได้ การที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีจากภาพเล็กๆของเรา รู้สึกภูมิใจในอาชีพนี้
สุดท้าย ถ้าเราคิดดี ทำดี ไม่ให้ร้ายใคร ช่วยเหลือเพื่อนฝูง ไม่เห็นแก่ตัว เราจะประสบความสำเร็จ เป็นที่รักของเพื่อนๆ พี่ๆทุกคน ตั้งใจทำงานให้มันดีที่สุด และมีความสุขครับ
เกรียงไกร พรมยะดวง18/4/63