หลังจากเข้ารับตำแหน่ง”เทพนคร1” ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 1 ต.ค.65
บิ๊กจ๋อ-พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ นักสืบระดับอาจารย์ เปิดงานปิดคดีอุกฉกรรจ์อย่างต่อเนื่อง แค่1เดือนที่รับตำแหน่ง ปิดจ็อบสำคัญไปหลายคดี
อาทิ ปิดล้อมมือปืนเหี้ยมยิงอดีตภรรยาเสียชีวิตที่คอนโดย่านห้วยขวาง ก่อนไปจบชีวิตยิงตัวตายที่พัทลุง ขากลับขึ้นกทม.ร่วมกับภาค8จับช่างแอร์ในตำนานที่สุราษฎร์ธานี ชอบโพสต์ปืนโชว์ ตามด้วยคดีอาชญากร2โปรไฟล์ “ฮารุ”กักขังหน่วงเหนี่ยวทารุณ3พยาบาล และลูก 2น้อยคน ให้ใช้หนี้อุปโลกน์140ล้าน
นำกำลังทลายสถานบันเทิงคนจีน ดัดแปลงอาคารเป็นคาราโอเกะไฮเทคมั่วสุมเสพยาปาร์ตี้ ย่านยานนาวา รวบนักเที่ยวจีนได้เกือบ300 คน ล่าสุดจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์สาย3 ตัวเชือดอ้างเป็นผกก.ตุ๋นเหยื่อ 3ราย 150ล้านบาทหมาดๆ
มาดูกัน…เส้นทางรับราชการ กว่าจะก้าวมาถึงแม่ทัพนักสืบเมืองกรุงของ บิ๊กจ๋อ”ผ่านอะไรมาบ้าง
บิ๊กจ๋อ เริ่มชีวิตสีกากี เมื่อ 1 ก.พ.2537 เป็น รอง สว.ประจำโรงเรียนนายร้อย รอง สวส.สน.นางเลิ้ง รอง สว.กก.สส.บก.น.2 ผบ.หมวดปกครอง รร.นรต.
กระทั่งวันที่ 11 ก.พ.2545 ติดยศพ.ต.ต. ตำแหน่ง สว.(นิติกรด้านพิจารณาทัณฑ์) ตร. สว.สืบสวน กก.สส.บก.น.2 สว.กก.1 บก.ป. รอง ผกก.กลุ่มงานป้องกันปราบปราม บก.ทล. รอง ผกก.กลุ่มงานถวายความปลอดภัยบก.ทล. รอง ผกก.1 บก.ป.
5 เม.ย.2555 ติดยศพ.ต.อ. ตำแหน่ง ผกก.1 บก.ปปป. ผกก.6 บก.รน. ผกก.6 บก.ป. กระทั่ง 15 ม.ค.2558 ข้าม บช.ไปเป็น ผกก.ฝอ.บก.ปส.3 ขึ้น รอง ผบก.อก.บช.ปส. รอง ผบก.ปส.3 บช.ปส. รวม 5 ปี กระทั่งวันที่1 ต.ค.2564 ติดยศนายพล ตำแหน่ง ผบก.สส.ภ.2 และเป็น ผบก.สส.บช.น. ในวันที่ 1 ต.ค.65
ประวัติการศึกษา
– พ.ศ.2531 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี
– พ.ศ.2533 โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 31
– พ.ศ.2537 ปริญญาตรี รป.บ.(ตร.) โรงเรียนนายร้อยตารวจ รุ่น 47
– พ.ศ.2542 ปริญญาโท ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์) สาขาการบริหารงานกระบวนการยุติธรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
– พ.ศ.2561 ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (การเมือง) ม.รามคาแหง
– ประกาศนียบัตรหลักสูตร บรหิ ารเหตุการณ์วิกฤต (Critical Incident Management course) มหาวิทยาลยั หลุยเซียน่า (Louisiana state University)
– ประกาศนียบัตรหลักสูตรเจรจาต่อรอง (Hostage Negotiations) มหาวิทยาลัยหลุยเซียนา่ (Louisiana state University)
– หลักสูตรสารวัตร รุ่นที่ 58– หลักสูตรผู้กำกับการ รุ่นที่ 73 หลักสูตรการบริหารงานตารวจขั้นสูง รุ่นที่ 44
เจ้าตัวเล่าให้ฟังถึงชีวิตราชการช่วงที่ย้ายจากกองปราบฯไปอยู่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด
“บิ๊กหมาย”ให้คุมสยบไพรี
ไปเป็น ผกก.ฝ่ายอำนวยการ บก.ปส.3 บช.ปส. เจอท่าน พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. นอกจากทำงานฝ่ายอำนวยการแล้ว ก็มาคุมชุดปฏิบัติการพิเศษ บช.ปส. ทำงานในคดีเกี่ยวกับยุทธการชัยยะสยบไพรี ร่วมยุทธการกับท่านรอง สุรเชษฐ์ หักพาล ตอนนั้นยังเป็น ผบก.สปพ.หรือที่ 191
เป็นรองผู้การปส. 5ปี
จากนั้นมาเป็น รอง ผบก.อก.บช.ปส. ในยุคท่าน พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน เป็นผบช.ปส.ท่านให้เป็นหัวหน้าสำนักงาน ผบช.ปส. ผมก็ยังคุมชุดปฏิบัติการพิเศษ สยบไพรี อยู่ แล้วสไลด์มาเป็น รอง ผบก.ปส.3 รับผิดชอบภาคเหนือตอนบนทั้งหมด เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านยาเสพติด เป็น รอง ผบก.ที่ ปส. 5 ปี เป็น รอง ผบก.อำนวยการ 4 ปี และ รอง ผบก.ปส.3 อีกปีหนึ่ง
ได้ประสบการณ์สำคัญ
ช่วงอยู่ยาเสพติด เป็นประสบการณ์ที่สำคัญอย่างยิ่ง บช.ปส. เป็น บช. เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาเสพติด รูปแบบเหมือน ดีอีเอ งานยาเสพติดเป็นงานสากล ต้องทำงานประสานงานกับหลายๆ ประเทศ เช่น อเมริกา ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน หลายประเทศมาก เป็นหน่วยงานที่ต้องอินเตอร์มากๆ
ท่อง10ประเทศเปิดมุมมองสืบสวน
ยิ่งการทำงานในยุค พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน ท่านเป็นลูกหม้อ ทำให้ท่านรู้จักหน่วยบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับยาเสพติดโดยตรงทั่วโลก ผมก็มีโอกาสเดินทางไป ต้องบอกว่ากว่า 10 ประเทศ ทำให้เปิดมุมมองต่างๆในการทำงาน โดยเฉพาะงานสืบสวนจากต่างประเทศ ในการปราบปรามยาเสพติด เอามาปรับใช้กับบ้านเราเป็นประโยชน์มากๆ
บช.ปส. เป็น บช.ที่มีวินัยมาก มีวินัยสูง คนที่ทำงานยาเสพติด จะมีไลฟ์สไตล์ ต่างจากตำรวจพื้นที่ ต่างจากตำรวจภูธร วัฒนธรรมไม่เหมือนกัน
“บิ๊กปั๊ด”ส่งไปแก้ปัญหาสืบภ.2
ต่อมาได้รับโอกาส พี่ปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ขณะนั้น เรียกไปช่วยทำคดีสำคัญๆ เช่น คดีน้องชมพู่ คดี ผกก.โจ้ และอีกหลายคดี ก็ได้โอกาส มาเป็น ผบก.สส.ภ.2 อยู่ 1 ปี
ท่านให้ไปแก้ปัญหา เพราะตอนนั้น สืบที่ภาค 2 มีปัญหาเกี่ยวกับคลัสเตอร์โควิด ปัญหาในเรื่อง หลงจู๊ สมชาย ก็ส่งผมไป เพราะตำรวจขาดขวัญกำลังใจ แตกแยก แตกความสามัคคีกัน
ใช้เวลาไม่นานรวมใจนักสืบ
ใช้เวลาอยู่แป็ปเดียว ก็สามารถรวมตัวเขา ทุกคนมีพื้นฐานการเป็นนักสืบ มีจิตวิญญาณในการอยากดูแลประชาชน หรืออยากจับกุมคนร้าย หรืออาชญากรรม แต่ความสำคัญ มันอยู่ที่ผู้นำ ถ้าคนนำมีทิศทางที่ชัดเจน มีการให้กำลังใจ อย่างเช่น ผมเอาเรื่องการฝึกยิงปืนไปใช้ มุ่งเน้นว่าทำยังไง ให้เขาปลอดภัย ใครที่ยิงปืนไม่ผ่าน ผมไม่ให้ลงภาคสนาม
เอามาฝึกใช้ชีวิตร่วมกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ พอเขาไปฝึก เมื่อก่อน เขาไม่เคยมาจอยกัน ปกติการทำงานภาคสนาม จะแยกกันไปตามพื้นที่ โดยเฉพาะ มี 8 จังหวัดใหญ่ มีหลายโรงพัก เขาแทบจะไม่เจอกันเลย เขามาใช้ชีวิตร่วมกัน ฝึกร่วมกัน มายิงปืนร่วมกัน ทำให้นักสืบ กับผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะชุดปฏิบัติการพิเศษ มันหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ผมเอาการปฏิบัติที่ได้รับความรู้มาจากเอฟบีไอ และดีอีเอ ที่ได้ไปกับท่าน พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน เอามาใช้
ชุดพิเศษเข้า-ชุดสืบตาม
ถ้าเป็นคดีสำคัญที่มีอาวุธปืน จะไม่เอานักสืบนำเข้าไป เหมือนวัฒนธรรมบ้านเราที่เคยใช้ เอาแบบต่างประเทศ เอาชุดปฏิบัติการพิเศษเข้า ชุดนักสืบเข้าตาม ตอนหลังเขาทำงานด้วยกัน เข้าใจ ไม่มีแย่งงานกัน อธิบายให้เขาเข้าใจเสมอว่าวันนี้เราทำงานภายใต้ของหน่วย ชื่อเสียงของหน่วย เพราะฉะนั้นแล้วตกลงใจกันว่า ในชุดสืบภาค 2 จะใช้ชุดปฏิบัติการพิเศษ เป็นชุดบูรพา 491 นำเข้า
ทุกคนคือบูรพา491
แล้วเอารูปแบบพี่สมหมาย มาใช้ พี่สมหมาย จะนำด้วยสยบไพรี ก็เอามาใช้ที่สืบภาค 2 จะไม่บอกว่า ต้องเป็น กอง 1 สืบภาค 2 กองไหน ทุกคนเป็นบูรพา 491 มาจากชื่อที่พระท่านตั้งให้ ชุดปฏิบัติการพิเศษ 491 คือ เกิดขึ้นเมื่อปี 2549 เดือนมกราคม นี่คือที่มา
คดีเกิดจับ100% ผลงานลูกน้อง
แล้วประสบความสำเร็จ เพราะช่วงที่ผมอยู่ อยู่ช่วงที่เกิดเหตุแล้วจับได้ 100% เต็ม พี่ปั๊ด กับพี่จ้าว (ธิติ แสงสว่าง) ยังบอกเลยว่า ทำได้ไง ผมก็บอกว่า ไม่ใช่ผมทำได้ แต่เป็นเพราะลูกน้อง มันเป็นอัตโนมัติ พอคดีเกิด ลูกน้อง เหมือนกระโจนเข้าไป เพื่อจะต้องจับกุมตัวให้ได้
จับอะไรให้ถ่ายคลิปไว้
แล้วสิ่งที่ผมตอบแทนเขา คือการให้ทุน เลียนแบบอดีตนายกสมาคมตำรวจ คือแฟนพี่ปั๊ด คือพี่ภรณ์ เขาแจกทุน ก็เอาโมเดล นี้ มาใช้ แต่เพิ่มความเป็นนักสืบขึ้นมาหน่อย แทนที่จะให้ลูกมารับทุนอย่างเดียว แต่ตอนมาวันแรกสั่งให้ลูกน้อง เวลาไปจับอะไร ให้เก็บคลิปไว้
เปิดให้ลูกดูวันรับทุน
หลายคนเข้าใจว่า จะเก็บคลิปไว้ประชาสัมพันธ์หน่วย แต่สาระสำคัญจริงๆ คือให้เห็นว่าพ่อไปจับโจร ที่มีความเสี่ยง มาเปิดให้ลูกดู แล้วนำไปสู่ความสำเร็จอย่างมหาศาลมาก
ลูกดูแล้วร้องไห้ พ่อก็ปลื้ม จากลูกกับพ่อที่แทบจะไม่เข้าใจกัน ก็ทำให้หลายๆ ครอบครัว คือการที่ผมมอบทุน ผมมอบให้ทั้ง บก.ให้ทุกคนเอาตำรวจทุกคนมานั่งมีส่วนร่วมหมด แม้ลูกจะไม่ได้เรียนแล้วก็ตาม
สร้างอารมณ์ร่วมภูมิใจหน่วย
มันก็จะเกิดอารมณ์ร่วม ที่สำคัญคือ จะทำยังไงให้เขาภูมิใจในหน่วย แต่การที่จะทำให้เขาภูมิใจในหน่วยได้ จะต้องทำให้ครอบครัวของเขา เข้าใจการทำงานของหัวหน้าครอบครัวเขาก่อน เราใช้หลักปรัชญาตรงนี้มาใช้ ทำให้การทำงานที่เราดูแลสังคมในการปราบปรามโจรผู้ร้าย ถึงประสบความสำเร็จ 100%
มาสืบนครบาลไม่เน้นคดีดัง
แต่ในเมืองหลวง ไม่รู้ว่าจะได้เหมือนกับในภูธรภาค 2 หรือเปล่า เพราะมีประชากรเยอะ คดีมันเยอะมาก แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด ถึงวันที่ผมมอบนโยบาย ผมถึงบอกไงว่า ไม่เน้นคดีดังนะ เพราะคดีดัง หลายๆหน่วยเข้ามารุม เหมือนคดีฮารุ
คือภาพย้อนกลับไป เหมือนพ่อกับแม่ แยกทางกัน แล้วแย่งลูก ถ้าการมาฟัง แล้วพ่อสร้างเรื่องขึ้นมา เพื่ออยากจะเอาลูกมาอยู่ไว้ในการปกครอง เพราะว่ากำลังฟ้องร้องแยกลูกกันอยู่
ปรับรูปแบบเพจ IDMB
เหมือนทฤษฎีหน้าต่างแตก เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในครอบครัวก็จริง แต่ฟังดูเหมือนเรื่องในครอบครัว แต่ผมบอกว่า ต่อให้เป็นเรื่องในครอบครัวยังไง ต้องเคลียร์ให้ชัดเจน เคลียร์ให้ขาด ก่อนผมมา ผมให้ รอง สว.ตั้งแฟ้มคดี อะไรก็ได้ที่ประชาชนเดือดร้อน แล้วให้ปรับรูปแบบ เพจสืบสวนนครบาล ไอดีเอ็มบี ใหม่ ให้เป็นการลาดตระเวนออนไลน์ ไม่เน้นคดีอุกฉกรรจ์ เน้นคดีที่เขาเดือดร้อน นี่ไง คือสิ่งที่กำลังจะปรับความเป็นนักสืบของหน่วยที่ผมปกครอง
พยายามช่วยงานโรงพัก
เขามาร้อง เราต้องเห็นแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ ร้องผ่านออนไลน์ แต่โดยระบบ ต้องมานั่งคุยกัน เรื่องมันเป็นยังไง นี่คือสิ่งที่จะต้องถอดบทเรียนนี่คือสิ่งที่หน่วยเริ่มเห็นแล้ว ว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราต้องทำ เพราะต้องยอมรับว่า โรงพักมีคดีเยอะมาก พยายามอยากจะช่วยอีกแรง
เพิ่มงาน-แต่ทำแล้วภูมิใจ
ตอนนี้ป็นห่วงอาชญากรรม ที่เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เป็นภัยกับสังคม คือตั้งรับกับเรื่องนี้ เรื่องยาเสพติดเป็นหลักคือเป็นห่วง เริ่มจากปัญหาครอบครัวก่อน คือพื้นฐานของสังคมเลยเริ่มต้นที่ครอบครัว นี่คือสิ่งที่เพิ่มขึ้นมา ทุกอย่างทำเหมือนเดิม แต่มีเรื่องนี้เพิ่มเข้ามา
ถามว่าจะเป็นการเพิ่มงานให้ตำรวจไหม ยอมรับว่าเพิ่ม แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะทำให้เขารู้สึกได้ว่า มันไม่เพิ่ม ก็คือมันเหมือนทำแล้วมันมีความสุข ทำแล้วมันภูมิใจ เหมือนเคสนี้
:ส่วนเรื่องหมวกตำรวจพีซีที เห็นว่าลาดตระเวนออนไลน์ จะทำงานคู่กับตำรวจพีซีที
“ผบ.เด่น”ไว้ใจเห็นผลงาน
อันนี้เป็นนโยบายพี่เด่น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ท่านเรียกไปคุย ไว้ใจมอบหมายให้เป็นหัวหน้าชุดพีซีที ทำเกี่ยวกับอาชญากรรมทางออนไลน์ เพราะเดี๋ยวนี้อาชญากรรมมันเป็นรูปแบบใหม่ 5 จี มันไม่ใช่บนดินแล้ว เดี๋ยวนี้มันอยู่ในโลกออนไลน์ อยู่ในโลกของโซเชียล
พี่เด่นเห็นว่า ทีมผมที่ดึงน้องๆ ที่มีความรู้ความสามารถมา ประสบความสำเร็จตั้งแต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแตจับกุมอาวุธปืน ที่ขายทางออนไลน์ แกก็อยากให้
ใช้ความเป็นครูเฟ้นหาคนเก่ง
แกมองว่า ตำรวจที่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง บางทีมีปัจจัยเรื่องคน สูงเลย เพราะคนที่ไปดำรงตำแหน่ง บางทียังไม่เหมาะสมกับงาน เป็นสิ่งที่ต้องเข้าใจ เพราะการดำรงตำแหน่งของตำรวจ มันเป็นแบบนี้
ผมไม่ได้เลือกคนจากตำแหน่ง ผมเลือกคนจากความรู้ ความสามารถ เช่นคนนี้จบด้านวิศวคอมพิวเตอร์ แต่ว่าสอบตำรวจได้เป็น ฝอ.ต้องอยู่ ฝอ.ก่อน 5 ปี เราก็ดึงคนพวกนี้มา ใช้คำสั่งของท่าน
แล้วพวกนี้ก็คือ เขาสามารถต่อกรกับแฮกเกอร์ระดับประเทศ ได้เลย ระดับสากลได้เลย ที่มาอยู่ในทีมผม ผมไม่ได้เก่ง แต่ผมรู้ว่าใครเก่ง เพราะผมเป็นครู ส่วนหนึ่งต้องบอกว่า ส่วนหนึ่งที่ผมเป็นครูนักสืบ เราจะเห็นแวว ตอนไปสอนกับเด็กๆ
คดีสารสนเทศใช้เด็กรุ่นใหม่
บอกให้เลย คดีสารสนเทศ นี่ ใช้ ผกก.ขึ้นไป ไม่มีผล ไม่ได้เรื่อง ต้องใช้เด็กคนรุ่นใหม่ เขาไวมาก เรื่องนี้มาใหม่ จากต่างประเทศ เขารู้เลย ต้องเอาคนพวกนี้เข้าสู้ แต่ด้วยระบบ ระเบียบ ข้อบังคับของตำรวจ เด็กพวกนี้เวลาเข้ามา นี่ มันจะต้องสอบ เช่น วุฒิ ไม่มีนิติศาสตร์ อย่างนี้ ไม่สามารถมาทำงานสืบสวนได้ ต้องไปอยู่ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายสารนิเทศ มันเสียของ ก็ดึงเด็กพวกนี้มาเลย
นรต.จบใหม่อยากมา PCT5
แล้วพอเปิดตัวมาแบบนี้ วันนี้นักเรียนนายร้อยตำรวจ ผมรู้ว่าเขามีชมรม เกี่ยวกับเรื่องที่ไปแข่งประกวด แล้วสมัครใจว่าจบมา อยากจะมาทำงานในชุดพีซีที ที่ 5 นี่คือการสร้างแบรนด์ บางทียึดติดกับระเบียบไม่ได้ เพราะถ้าเป็นตำแหน่ง ก็ย้ายไปเรื่อย แต่นี่มันเป็นศูนย์ฯ เป็นแบรนด์ที่เกิดขึ้น
พี่ดำรงศักดิ์ อยากให้สานแนวความคิดพี่ปั๊ด ต่อไป ให้มันคงอยู่ พวกนี้มันไม่จำเป็นต้องยุบหรือไม่ยุบ เพราะมันอุปโลกน์ขึ้นมา ก็จะดึงยอดฝีมือขึ้นมา แล้วจะทำให้ประชาชนยอมรับ วันนี้ต้องบอกว่า ประชาชนรู้จักหน่วยพีซีที มากขึ้นอย่างมากๆ
:ในฐานะที่เป็นหนึ่งในทีมงาน เป็นครูบาอาจารย์ จะต่อยอดนักสืบ 5 จี อย่างไร
ต่อยอด 5 จีต้องมี “บารมี”
ต้องบอกตรงๆ ว่า ที่จะจัดการอบรมแบบนี้ได้ อย่างแรกเลย ต้องเป็นคนที่มีบารมีงานสืบสวน สูง อย่างเช่น ในยุคเมื่อ 24 ปีที่แล้ว ต้องเป็นท่านโสภณ วาราชนนท์ เหมือนยุคที่ผ่านมา ปีที่แล้ว ก็ต้องเป็นท่านสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข
นอกจากมีบารมี ต้องเข้าใจว่า นักสืบเรียนจบแล้ว ต้องลงไปทำงาน การลงไปทำงาน ก็เหมือนการฝึกภาคสนาม
ถ้ามาอบรมแล้วกลับไปเป็นพนักงานสอบสวน เอานายเวรมาอบรม เอาลูกผู้หลักผู้ใหญ่มาอบรม ลูกพ่อค้า คหบดี มาอบรม หลักสูตรไม่มีความหมาย เพราะฉะนั้น ถึงบอกว่า คำว่าบารมี หมายความว่า ท่านต้องต้านได้
เลือกหาคนใจรักและอดทน
ต้องคัดเลือกคนที่เขามีความรัก ความสนใจในงานสืบสวนจริงๆ คนพวกนี้ ที่ทำงานได้ดี ส่วนมากจะเป็นลูกคนหาเช้ากินค่ำ ลูกชาวนา ชาวสวน แต่มีใจรักงานสืบสวน เพราะงานพวกนี้ต้องใช้ความอดทน ไม่ใช่คนที่พูดภาษาอังกฤษ เก่ง ไม่ใช่คนที่ดูหน้าหล่อแบบดารา เพราะฉะนั้นถ้าจะสร้างหลักสูตรนี้มา อย่างแรก ต้องทานกับแรงพวกนี้ได้
มีแนวร่วมรุ่นพี่นักสืบทั่วประเทศ
อย่างที่ 2 คือ ต้องได้รับแนวร่วมจากนักสืบทั่วประเทศ ที่อบรมนักสืบ 5 จี ประสบความสำเร็จ เพราะพี่ๆ มาสอน นอกจากมาสอนฟรีแล้ว ยังมาเสียเงินให้น้องๆต่อนะ ลงขันกัน เชื่อไหม ต้องพาไปต่างประเทศ นี่คือสิ่งที่พี่ๆนักสืบ แสดงน้ำใจให้กับน้องๆยุคใหม่
มันต้องเป็นวัฒนธรรมแบบนี้ ไม่ใช่จะบอกว่า ผบ.ท่านใด จะทำไม่ได้ ไม่ใช่ ท่านทำได้ แต่ท่านต้องเข้าใจวัฒนธรรมของนักสืบ
:ก่อนมาเป็น ผบก.สส.บช.น.ไปบวช มาแล้ว ได้อะไรบ้าง
บวชแล้วเห็นสิ่งขาดหาย
มหาศาลมาก ต้องขอบคุณโครงการนี้เลย ตั้งแต่จบจากโรงเรียนมา ไม่มีเวลาที่จะได้ไปบวชเลย เหมือนห่างจากพระพุทธศาสนา เคยได้ไปแค่ใส่บาตร ไปสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในวันที่ผมไปบวชที่วัดหงส์รัตนาราม
พอไปสัมผัสแล้ว ผมศรัทธาเลย เพราะทางวัด มีการปฏิบัติที่เคร่งมาก ดึกๆ ดื่นๆ ยังต้องมานั่งเรียนปฏิบัติธรรม แล้วได้เห็นในสิ่งที่เราขาดหาย
พักร่างกาย-จิตใจโดยสงบ
ต้องบอกว่า เดี๋ยวนี้คนไทย แม้แต่ผม ไม่เคยเข้าวัด ไม่มีเวลาไปเข้าวัด ไม่เคยเข้าวัด มีความรู้สึกว่า จิตใจคนเราจริงๆ ต้องถูกปลูกฝังอยู่เสมอ พอเข้าวัดแล้วรู้สึกได้เลย ไม่ใช่แค่การขัดเกลา แต่เป็นการพักร่างกาย พักจิตใจโดยสงบ เพราะส่งไปปฏิบัติธรรมจริงๆ ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ที่ จ.ชลบุรี ตื่นตี 4 สวดมนต์ 3 เวลา กินข้าวในบาตรเดียวกัน
15นายพลบวชพร้อมกันทำงานง่าย
สิ่งที่ได้ก็คือ ความมีสมาธิ การมีสติ แล้วข้อสำคัญคือรุ่นของผม เป็นนายพลในนครบาล ปรากฏผลให้เห็นในยุคนี้ เพราะทุกคนไปบวช ไปนอน กินข้าว บาตรเดียวกัน อาทิ ผบก.น.1 ผบก.น.5 ผบก.อคฝ. ผบก.ส.3 ผบช.โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผบก.ภ.จว. ชลบุรี ผบก.สส.ภ.2 ผบก.อื่นๆ รวม 15 คน ได้ปฏิบัติธรรมอยู่ร่วมกัน
พอออกมาแล้ว ทำให้การทำงาน พูดคุยกันง่าย มันราบรื่นไปหมด เหมือนได้เบ้าหลอมเดียวกัน ก็อยากให้มีอีก จริงๆ โรงเรียนสารวัตร โรงเรียน ผกก.ก็มี แต่อันนั้น เป็นแค่เพียงใส่ชุดขาว นี่บวชเลย
:เป็น ผบก.สส.บช.น.เมืองหลวง ที่จะต้องรับมือกับอาชญากรรมต่างๆต้องเพิ่มเติมอะไรบ้าง
นักสืบ น.เก่ง แต่ต้องเพิ่มบางอย่าง
จริงๆ ในนครบาล ต้องบอกก่อนเลยว่า คนที่นี่ เป็นคนที่มีคุณภาพอยู่แล้ว มาสัมผัส รู้เลย แล้วมีจิตวิญญาณสูง แทบจะไม่ต้องมาเพิ่มอะไร แค่มาทำยังไง ให้เขาขับเคลื่อน แล้วเดินไปตามนโยบาย ผบ.กับ น.1
แต่สิ่งที่ผมอาจจะเพิ่มให้เขา ก็คือสิ่งที่ผมอาจจะโชคดีกว่าคนอื่น คือผมได้ไปอบรมต่างประเทศ เสมอ แม้กระทั่งล่าสุด อบรมนักสืบ 5 จี ผมไปแบบนักเรียนนะ เพราะเดี๋ยวนี้โลกมันเปลี่ยนไปไว ก็จะนำเอารูปแบบที่มันเปลี่ยนไป ในต่างประเทศ ต้องบอกว่า เขาไวกว่าเราหลายปี มีมากกว่า 10 ปีด้วยซ้ำ ก็จะเอาพวกนี้ เข้ามาปรับใช้
อยากให้นักสืบไปดูงานตปท.
เราอยู่ในระหว่างโลกยุคเก่า กับโลกยุคใหม่ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า คนที่ได้ไปอบรมศึกษาดูงาน ส่วนมากจะเป็นนักวิชาการ เป็นคนเก่ง แต่ไม่สามารถนำมาปรับใช้กับการปฏิบัติได้จริง ต้องให้นักสืบไปดูเอง
แต่ว่านักสืบก็ไม่ได้ไป เพราะไม่ผ่าน มันไม่มีโปรไฟล์ พอเขาดู มันไม่ผ่าน แล้วไปแบบกางเกงยีนส์ขาดๆ มันสวนทางกัน ก็พยายามเอาสิ่งที่ได้มา เอามาปรับใช้ให้ได้จริงๆ
ทั้งหมดนี้คือเส้นทางชีวิต ผลงาน แนวคิด วิสัยทัศน์ “อาจารย์จ๋อ” บอกได้เลย สมราคาแม่ทัพนักสืบเมืองหลวง
กากีกลาย30/10/65