Thursday, November 21, 2024
More
    Homeบทความทั่วไปความเชื่อศรัทธากับความงมงายมีเส้นแบ่งคั่นเบาบาง

    ความเชื่อศรัทธากับความงมงายมีเส้นแบ่งคั่นเบาบาง

    สังคมโซเชียลทุกวันนี้มันเป็นกระแสรวดเร็วและปะทะรุนแรงมากกว่ายุคสิบยี่สิบปีก่อนอย่างเทียบกันไม่ได้

    เพียงจดจ่อข้อความสั้นๆ คลิกเดียว เดี๋ยวก็บานปลายกลายเป็นหัวข้อทอล์ออฟเดอะทาวน์ไปอย่างง่ายดาย

    ​เหมือนไม้ขีดก้านเดียวเล็กๆ จุดขึ้นโยนใส่ทุ่งหญ้าแห้ง ลามไหม้เผาผลาญภูเขาป่าไม้วายวอด พินาศย่อยยับมหาศาล

    ​อย่างกรณี แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร กับ หมอลักษณ์ เรขานิเทศ หรือ หมอลักษณ์ ฟันธง

    ​ประเด็น “ปีชงมีไว้หลอกคนโง่”  วลีจุดประกายขยายความจนเกิดกระแสขัดแย้งด้านความคิดความเชื่อ ไม่เพียงเฉพาะคู่กรณี “แพรรี่ vs หมอลักษณ์” เท่านั้น

    ​คนหลายกลุ่ม หลายสถานะ คละเคล้าพร้อมที่จะปะทะโต้แย้งกันในทันที ไม่ว่าจะสนับสนุนข้างไหนก็ตาม

    ​ตอนนี้ ความอ่อนไหวในหมู่สังคมไทย มันเปราะบางเหมือนฟาง พร้อมที่จะลุกไหม้ลามทุ่งอย่างไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ว่า มันจะดีหรือเลวร้ายแต่อย่างใด

    คนที่พร้อมจะเชื่อ ศรัทธา ชื่นชอบ หลงรัก ใน “สิ่งหนึ่ง” จะมีความรู้สึกต่อต้านและพร้อมที่จะชน เอากันให้แหลกไปข้าง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันจะลงเอยด้วยความเสียหายมากน้อยแค่ไหน

    ​ขณะที่อีกฝ่ายก็พร้อมจะต่อกรท้าทาย ทำลายความเชื่อ ยึดมั่น ศรัทธาของอีกฝ่ายให้จงได้ ทว่าด้วยถ้อยคำวลีบางอย่าง มันกลายเป็นกันยั่วโทสะเกินไป ขาดการยับยั้งและคำนึงถึงเสรีภาพสิทธิส่วนบุคคลของอีกฝ่าย

    ​เรื่องของเรื่องจึงกลายเป็น “เรื่อง”ขึ้นมานั่นเอง หากจะเอาสาระอะไร ประโยชน์โภชน์ผลกับสังคมไทย ก็คงไม่มีอะไรเป็นแก่นแกนสักเท่าใด นอกจากเป็นคอนเทนต์ใหม่ให้คนมีหัวข้อมานั่งถกนั่งสนทนากันในวันๆ หนึ่งเท่านั้น

    ​การโคจรมาปะทะกันของแพรรี่กับหมอลักษณ์ ในเรื่อง “ปีชง” มันต้องมีการแก้ปีชงอะไรนั้น มันก็เป็นระบบความเชื่อของทั้งสองฝ่าย ที่มีต้นทางมาจากศาสนาพุทธและศาสตร์แห่งดวงดาว

    ​แพรรี่ผ่านการครองจีวรมาคร่ำหวอดยึดมั่นในหลักพุทธที่มาจากการปฏิบัติธรรมอย่างถึงแก่น ส่วนหมอลักษณ์ศึกษาศาสตร์ฤกษ์การโคจรของดวงดาวที่มีมาอย่างยาวนานเช่นกัน

    ​มันจึงนับว่าเป็นความเชื่อหรือความศรัทธาของทั้งคู่ ที่ต่างยึดมั่นอย่างเต็มเปี่ยม ความคิดความเชื่อทั้งสองฝ่ายจึงอยู่บนเส้นขนานกันไปอย่างนี้ตลอด ไม่มีทางบรรจบกันได้

    ​ถ้ามาจับเข่าคุยกัน มันก็จะกลายเป็นทะเลาะวิวาทไม่สิ้นสุด

    อย่างกรณี “บั้งไฟพระยานาค” ในลำน้ำโขงที่หนองคาย คนที่เชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของคืน 15 ค่ำเดือน 12 ก็เชื่อกันไป

    ส่วนคนที่ยืนยันว่าเป็นฝีมือคนทำก็ตามพิสูจน์กันทุกปี ปีหน้าปีโน้นก็จะวนกลับมาอีกเป็นเรื่องเป็นราวเป็นข่าวอย่างเป็นระบบของสื่อไปแล้ว

    ​ฉะนั้น เล่นกับความเชื่อความศรัทธา มันเล่นได้ไม่มีวันหมดยุคสมัยเลยจริงๆ จนวาทกรรม “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” หรือ “เชื่อในสิ่งที่เฮ็ เฮ็ในสิ่งเชื่อ” จะยืนยงคงกระพันมาถึงทุกวันนี้ได้ยังไง

    ​แม้ว่าเทคโนโลยีจะล้ำเลิศไปมากแค่ไหน เอไอคิดแทนมนุษย์ได้หมดจด ถามอะไรตอบได้หมด  

    แต่เอไอก็ยังไม่สามารถทำลายความเชื่อมั่น ศรัทธาของคนได้เลยจริงๆ พับผ่า!

    “ความเชื่อ”มากๆ อย่างไม่มีเหตุผลไม่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง มันก็ไม่ต่างจาก “ความงมงาย”ที่มีเส้นด้ายเยื่อบางแบ่งคั่นเท่านั้นเอง เพราะคนล้วนเปราะบางไหวหวั่นขลาดกลัวและยำเกรงกับวันข้างหน้าอนาคตที่จะมาถึง

    จึงต้องสร้างทั้ง “ศรัทธา”และ”งมงาย”ขึ้นมาประโลมใจประโลมชีวิต

    ดอนรัญจวน11/1/67

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments