มีโอกาสจังหวะ ได้คุยกับเดอะบัว- พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.ภ.7 นักสืบคนดังที่จะโยกไปเป็นผบช.สตม.ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ เลยได้ถามถึงที่มาที่ไป ว่าเป็นเพราะเหตุใด บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ที่ใครก็รู้ว่าเดอะบัว เป็น 1 ในเพื่อนรัก นรต.36 ให้ความไว้วางใจ ขยับจากพื้นที่มาดูแลกองบัญชาการสำคัญนี้
ไม่คิดว่าจะมาอยู่ ตม.
ถ้าถามว่าทำไมถึงมาอยู่ ตม. คงพูดลำบาก ทำไมพี่แป๊ะ ถึงให้พี่มา คือพี่ก็ไม่รู้ไง ไม่เคยถามท่านเลยนะ ว่าทำไมถึงให้พี่มาอยู่ ตม. เพียงแต่ว่ามีข่าวจะไป ตม.แต่พี่ก็ยังคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ คิดว่ายังไงก็คงไม่ได้มาอยู่ แล้วก็ไม่เคยถามท่านด้วยนะ ว่าลูกพี่ผมจะเอาไง ก็เดี๋ยวค่อยว่ากัน นี่คือเรื่องจริง เพราะฉะนั้นผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่พี่ก็เคยเป็น ผกก.สืบสวน ตม.อยู่ปีหนึ่ง ตอนนั้น ก็ทำงานในหน้าที่ของเราในเรื่องของงานสืบสวน ติดตามจับกุม
มีความคิดให้ ตม.บูรณการกับท้องที่
แต่ถามว่าหน้างานหลัก มันแตกต่างจากงานกองบัญชาการภูธรภาคไหม พี่ว่ามันแตกต่างกันแทบจะเกือบสิ้นเชิง ในความรู้สึก คือถ้าถามว่ามันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมั้ย ต้องดูว่า ตม.ถูกแบ่งออกเป็นงานบริการ งานมั่นคง อันนี้คือหลัก งานบริการคือการบริการนักท่องเที่ยว และคนไทยของเราในการเข้า-ออก แล้วก็บริการต่างชาติที่จะเข้ามาท่องเที่ยว หรือจะมาทำงานหรืออะไรก็ตาม งานจะถูกแบ่งแบบนี้ แล้วก็ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะคนต่างชาติเป็นหลัก แต่ถ้าเรามองว่า มีพื้นที่ซึ่งรับผิดชอบอยู่แล้ว ก็ใช่ แต่ในความคิดพี่ ถ้าเราบูรณาการระหว่าง บช.ภาค หรือ ตม.ท้องที่เข้าไปช่วยเหลือ เอาเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินก่อน เอามาร่วมกัน ผมว่ามันจะดูดีขึ้น เช่น แก๊งคนร้ายที่เข้ามาลักทรัพย์ในเมืองไทย ยกตัวอย่าง ท้องที่มีความรู้เฉพาะเคส ใช้คำพูดง่ายๆ ว่า เขาจะมีเวลาติดตามเฉพาะเคสของเขามากกว่า เช่น แก๊งโคลัมเบีย ทึ่เกิดขึ้นในพื้นที่พี่ พื้นที่โพธิ์แก้ว เราพยายามสืบสวนติดตามจนจับกุมได้ แต่ในพื้นที่ของพี่ ไม่สามารถขยายผลไปว่า แก๊งนี้มันมีใครบ้าง อยู่ที่ไหน พักที่ไหน เพื่อนมันมีใคร เข้ามายังไง ใช้รถรากลุ่มไหน เข้าไปเชื่อมโยงยังไง
จากนี้ สืบสวน ตม.ต้องลงพื้นที่
พี่มองว่า เวลาในการทำงานน้อย ตรงกันข้ามกับ ตม.พอเกิดเหตุ ตม.ไม่ได้ลงมาทำเลย เพราะพื้นที่เกิดเหตุมันเป็นท้องที่ ตม.ไม่มีอำนาจในการสอบสวน แต่มีอำนาจในการสืบสวนได้ สนับสนุนได้ ถึงมองว่า ถ้า ตม.ได้บูรณาการกับท้องที่เกิดเหตุ เก็บข้อมูลแล้วขยายผล กลุ่มนี้ตอนเข้ามา มีเพื่อนชื่อนี้ แล้วพักอยู่ที่นี่ มีเมีย อยู่ที่นั่น มีคนสนิทที่นี่นะ เป็นหน้าที่ ตม.ที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่อง หรืออาจจะมีนักท่องเที่ยวถูกฆ่า จะรอการประสานงาน รอให้ทางท้องที่ ขอรับการสนับสนุน ช่วยเช็คบ้าง แต่ต่อไปนี้ ถ้าถามใจผม มันก็อาจจะหนักหน่อยสำหรับงานสืบสวน ตม. คงจะต้องลงไปเก็บข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเป็นคดีของต่างชาติ ต้องลงไปเลย ไม่ต้องรอให้เขาประสาน ถ้ารู้ต้องลงไปช่วยประสานข้อมูลซึ่งกันและกัน แล้วต้องฟอลโล่งานต่อ ต้องไปเอาข้อมูลมา ต้องเชื่อมโยงให้ได้ กลุ่มเขาอยู่ที่ไหน มากับใครบ้าง ต้องทำกันให้ได้อย่างนี้ อันนี้เรื่องของกรณีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนทั้งชาติ เป็นหน้างานที่ ตม.คงจะต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้น พี่จะไปเพิ่ม
งานบริการ ต้องทำการบ้าน
ส่วนเรื่องงานบริการ ก็จะเป็นเพียงห้วงๆที่จะมีปัญหาติดขัด เช่น ตม.6 แต่จะบอกว่า ตม.6 อย่างเดียว ก็ไม่ใช่ เท่าที่ได้สอบถามเบื้องต้น อย่างเช่น กรณีไฟล์ทมันดีเลย์ 3-4 ไฟล์ท 4-5 ไฟล์ท ผู้โดยสารลงมาปะทะกัน ถ้าไม่ได้เตรียมตัว หรือคิดไม่ถึงแล้วเตรียมตัวไม่ทัน ก็จะเกิดปัญหา แล้วอาจจะมองว่า ตม.ไม่ได้ดำเนินการ แต่ถ้าถามใจผม ถ้าเราได้ดูหน้างานพวกนี้ให้มากขึ้น เช่น แต่ละวัน ไฟล์ทลงปกติมั้ย แต่ละไฟล์ทมีผู้โดยสารเท่าไหร่ ทำการบ้าน เจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบตรงนั้นตรวจสอบว่าไฟล์ทไม่ได้ดีเลย์เป็นปกติ เรารองรับทันแน่นอน เพราะสถิตินั้นผมเชื่อมั่นว่าเขามีอยู่แล้ว เขาคำนวณได้อยู่แล้ว ไม่น่าจะผิดเพี้ยน เชื่อมั่นว่าเขาน่าจะมีเจ้าหน้าที่คอยดู อาจจะเป็นพวกระดับเหนือขึ้นมาว่าบุคคลนี้มีปัญหา ไม่ใช่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ยืนคุยอยู่ตรงนั้น ไอ้แถวก็ยืนรอต่อไป อาจจะมีการตัดตอนต่อมา เพื่อจะนั่งพูดคุยหรือซักถาม โดยให้หัวหน้าระดับซุปคอยดู ผมว่าน่าจะทำให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาว เทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะในเทศกาลของกลุ่มคนที่ใกล้เรา ต้องหูไวตาไว สดับตรับฟัง ประเทศนี้นะถ้าเขาหยุดยาว เขาจะมาเมืองไทย เราควรจะมีอะไรยังไงรองรับ อย่างวันชาติจีนที่ใกล้จะถึงกำหนดเร็ววันนี้ อาจจะมาเที่ยวในเมืองไทยเยอะขึ้น อาจจะมาในช่องทางไหนบ้าง ก็อาจจะให้พวกเราได้ดู ได้คิดกัน ผมดูแล้ว สนามบินหลักๆ น่าจะเป็นภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย ดอนเมือง สุวรรณภูมิ หลักๆ ก็มีอยู่แค่นี้ ที่นักท่องเที่ยวจะมากันเยอะ
ชมเปาะ ตม.มืออาชีพ
ส่วนเรื่องการก่อการร้าย คดีผู้ต้องหาสำคัญที่ทั่วโลกตามตัว ตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามีตัวเลขเท่าไหร่ แต่ไม่ค่อยหนักใจ เพราะเรื่องพวกนี้ ตม.เป็นมืออาชีพอยู่แล้ว ถ้ามีวอนนิ่งให้ช่วยกันติดตามอะไรต่างๆ เรื่องของการสืบหาตัวคน โดยเฉพาะคนต่างชาติ เขาก็ค่อนข้างคล่อง เพียงแต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าเทคโนโลยี เขาจะคล้ายกับกองสืบของ บช. หรือ บช.น.อะไรหรือไม่ เดี๋ยวคงจะต้องพูดคุยกัน ถ้ายังไม่มีก็อาจจะต้องเอาเข้าไปเสริมนิดๆหน่อยๆ ส่วนระบบ ไบโอเมทริก หรือเครื่องติดตามตรวจจับใบหน้า ที่ ผบช.สตม.คนเก่า จะนำเข้ามา ที่ทราบคือยังไม่เรียบร้อย น่าจะติดขัดเรื่องการส่งมอบ ก็จะดำเนินการต่อ
หน้างานใหม่ที่ท้าทาย
ตอนนี้ ผบ.ตร.ยังไม่ได้กำชับ จะให้ดำเนินการอะไร คงอีกไม่กี่วัน คงจะเรียกผมไปพูดคุย ว่าควรจะต้องดำเนินการในส่วนไหน แต่ตัวผมเอง ก็พยายามจะสดับตรับฟัง พยายามที่จะประสานกับหน่วยข้างเคียง เช่น การท่าฯ สุวรรณภูมิ อะไรพวกนี้ว่าตอนนี้เป็นยังไงกัน แล้วก็ถามพวกน้องๆทีมงาน เท่าที่ฟังๆ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ถ้าถามว่าท้าทายหรือไม่ มันก็เป็นงานที่เปรียบเสมือนหน้างานใหม่สำหรับผม แม้จะมองว่าเคยอยู่มา 1 ปี แต่ 1 ปีที่เคยอยู่ มันเป็นเรื่องของงานสืบสวนเป็นหลัก แต่ ณ เวลานี้ เป็นเรื่องของการบริหารเป็นหลัก ณ เวลานี้ หน้าที่ของผมก็อย่างที่บอก 1.เรื่องความมั่นคงจะทำอย่างไร ที่จะให้คนร้ายข้ามชาติจะดำเนินการยังไง ที่ไม่ให้คนร้ายเข้าหรือออกเมืองไทย ความมั่นคงนี่มันก็หลายอย่าง ผมถึงบอกว่ามันก็เป็นสิ่งที่ท้าทาย 2.งานบริการ ถามว่าหนักใจมั้ย ผมไม่หนักใจ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอันนี้ก็ยิ่งไม่หนักใจ ก็จะไปหนักใจในเรื่องความมั่นคง เพราะมีเรื่องของเทคโนโลยี ก็ต้องพูดตรงๆ บางทีเราใช้แต่คน ถ้าเทคโนโลยีไม่พร้อม มันก็ไม่สามารถตามกันทัน
เทคโนโลยี่ที่มีดีหรือยัง
บางทีเทคโนโลยีหลายๆ อย่าง ต้องนำมาประกอบกัน ถามว่าไบโอเมทริก สำคัญมั้ย ผมก็มองว่าสำคัญ เพราะถ้าเขาปลอมชื่อเข้ามา หรือเข้ามาโดยถูกต้องแล้วปลอมชื่อ เราเห็นแต่กล้องวงจรปิดตามที่ต่างๆ แต่เราไม่รู้ชื่อ บางทีถ้ามันมีเครื่องมือที่ทันสมัย ก็จะตรวจค้นได้เร็ว หรือว่าผ่านเข้ามาแล้ว ไม่สามารถเก็บรูปหรือถ่ายภาพไว้ได้เลย เราจะหาอะไร ถามว่าเรามีเครื่องมือในการจัดเก็บดีหรือยัง ในฐานะที่ผมทำงานสืบสวน เมื่อเกิดเหตุในพื้นที่ ก็ต้องไล่ดูกล้องวงจรปิด ต้องไล่ถามพยานเพื่อสเก็ตช์ภาพ ถ้าไม่เห็นกล้อง ก็ต้องสเก็ตช์ภาพ แล้วไปเปรียบเทียบกับคนที่เดินทางเข้ามา แต่ถ้าเรามีระบบเทียบเคียงหน้าได้เลย เอาจากกล้องนี้มาแล้วเสียบดูกับเครื่อง ไปชนกับเครื่องของ ตม.ว่าโครงหน้าอย่างนี้ เหลี่ยมอย่างนี้ คางอย่างนี้นะ หน้าผากอย่างนี้ ใบหูอย่างนี้ ถ้ามันออกมาผิดเพี้ยนน้อย 80-90 % อย่างนี้เรามีแนวทางในการเดินแล้ว ว่านายนี่ เข้ามาในเมืองไทยเมื่อเดือนที่แล้ว ไปพักที่ไหน ยังพอได้ตาม แต่ถ้าไม่มีอะไรเลย ไม่รู้จะไปตามยังไงนะ
คิดกำราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เรื่องสืบสวนของ ตม.อย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างคอลเซ็นเตอร์ที่ ตั้งอยู่ที่จีน แล้วโทร.กลับมาหลอกที่ไทย ให้คนไทยจ่ายตังค์ ตรงนี้ ผมว่าสำคัญ ถ้าเรารู้ คงต้องประสานกับพื้นที่ แล้วส่งรายละเอียดทั้งหมดไปที่จีนให้เขาช่วยเราบ้าง เพราะคนไทยเสียหายเต็มๆ ตม.ก็มีหน้าที่ประสาน ผมมีความคิดที่จะทำ ถึงแม้เราไม่ใช่ท้องที่ ไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ในการสอบสวน แต่ก็อย่างที่บอก คงต้องประสานกับพื้นที่ จะให้ ตม.เราทำยังไง จะได้ประสาน หรือประสานกับ ตท.ในการช่วย จริงๆ ตร.เราก็มีหลายหน่วยงาน ตอนนี้ ท่องเที่ยวก็ตั้งเป็นกองบัญชาการ ผมมั่นใจ มันน่าจะดีขึ้นมาก ถ้าเราช่วยงานกันอย่างจริงจัง ท่องเที่ยว หน้างาน ก็คือบริการ คล้ายกับ ตม.ถ้าถามความคิดผม ถ้าเราประสานช่วยซึ่งกันและกัน มันจะเป็นมือไม้ให้คนไทยได้พอสมควร
เน้นทุกงานไม่ใช่แต่งานสืบสวน
เท่าที่ผมสอบถาม เราไม่ได้จับเขาฉ้อโกง เราจับแค่โอเวอร์สเตย์บ้าง เข้าเมืองไทยไม่ถูกต้องบ้าง มาไม่มีอาชีพบ้าง ใช้มาตรา 12 เพื่อผลักดันกลับไปตามคำร้องของเขา ทีนี้ ถ้าเราทำของเราบ้าง แล้วให้เขาดำเนินการ ว่าอันนี้คือความผิดในฐานใด ให้เขาส่งให้เราบ้าง ไม่ทราบว่ามันจะยุ่งยากมากน้อยแค่ไหน แต่คงต้องประสานกัน กำลังคิดจะทำ อยากให้เป็นอย่างนั้น แล้วก็อยากให้ระบบงาน เดี๋ยวจะมองว่าผมโตมาจากงานสืบสวน แล้วจะมุ่งเน้นแต่งานสืบสวน คือต้องบอกตรงๆ ว่า ทุกงานแหละ ผมเน้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือถ้างานเรายังไม่มีระบบ ยังไม่มีข้อมูล ผมว่ามันเหนื่อย อย่างเช่น ผมถามว่า ผมไม่รู้พัทยามีกลุ่มคนกี่ชาติ ที่เข้ามา แล้วชาติไหนบ้างที่ก่อเหตุ แล้วกลุ่มเขาเป็นยังไง เขาทำอะไรยังไง ตม.เรารู้มั้ย สืบสวนเรารู้มั้ย หรือบุคคลที่มีหน้าที่รู้มั้ย เช่น คนนี้เยอรมัน แต่มาอยู่เมืองไทยนาน มีแฟนคนไทย แต่ถามว่าเขาทำกินอะไร เรารู้หรือเปล่า มารู้อีกที ตอนเขาถูกจับ พอจับแล้ว รู้มั้ยว่ากลุ่มเขามีใคร เชื่อมโยงใคร
อยากให้ขยันเก็บข้อมูลบุคคล
คือผมบอกให้ว่า เรายังไม่ได้มีการสืบสวน หรือสืบสวนก่อนหรือหลังเกิดเหตุ ถ้าถามความคิดผมนะ เราไม่ได้มีการเก็บข้อมูลของบุคคลก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ คือเวลานี้ผมไม่ทราบนะ เขาอาจจะมีอยู่บ้างแล้ว ผมก็อาจจะไปคุยให้เขาขยับมากขึ้น เก็บข้อมูลมากขึ้น ทุกที่ในเมืองท่องเที่ยว พยายามทำฐานข้อมูลให้มากขึ้น จะอาศัยแต่พื้นที่ึ่อย่างเดียว บางทีหน้างานเขาเยอะ พื้นที่บางทีเขาก็เยอะแยะ ทั้งต้องออกตรวจ สายสืบเขาบางที พอคดีเกิดขึ้น ผมอยู่พื้นที่ ผมรู้เลยว่า ถ้าเราทำงานกันอย่างจริงจัง บางวัน เดินเก็บกล้องอย่างเดียว แล้วมาดู ไม่ได้หลับได้นอน ถ้ามีคดีเกิดขึ้น แต่ละเคส ผมมองว่า จะให้เขาทำทุกอย่างมันไม่ได้ ตม.ควรจะเป็นผู้สนับสนุน แล้วต้องสนับสนุนให้ได้เป็นอย่างดีด้วย ไม่ใช่ได้แต่บอกว่า มีอะไรให้ผมช่วย บอกเลยนะ แต่พอเขาบอกมา เราไม่มีอะไรในมือเลยอย่างนี้ ก็แย่ อย่างที่ผมบอกว่า ตม.เราทำได้มั้ย แล้วเราเก็บได้ข้อมูลต่างๆ ผมไม่ได้บอกว่าทำวันนี้ อีก 4-5 วัน ต้องจับ แต่หมายความว่า เราต้องพยายามทำ เพราะมันมีประโยชน์แน่นอน ต้องเก็บข้อมูลของเราไปเรื่อยๆ ก็ต้องขยันกันอีกนิดนี่คือสิ่งที่พี่พยายามจะทำ
เหนื่อยนิดหนึ่ง แต่มันคุ้มค่า
ผมมองว่า ถ้าเราเหนื่อยขึ้น ทำงานมากขึ้นหน่อย ต้องใช้คำพูดอย่างนี้ มันต้องป้องกันก่อนเกิดเหตุ ใครที่เข้ามาอยู่ในเมืองไทย ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ถึงแม้จะอ้างว่า จดทะเบียนกับคนไทย ก็ต้องดูได้ว่า เขาจดกันจริงมั้ย อยู่กันจริงมั้ย มีอะไรที่ผิดปกติมั้ย ถ้าเรามองว่า เขาเป็นกลุ่มที่อาจจะมาก่ออาชญากรรมในเมืองไทย ผมก็ว่ามันก็ไม่ได้ยุ่งยาก มันก็มีการขอถอนได้ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไร เราก็ไม่มีสิทธิ์รู้เลย หรือถ้าเราไม่ได้ทำ อยู่ดีๆ เราไปขอถอน มันก็ไม่ได้อีก เพราะฉะนั้นทำอะไร ต้องมีหลักการ เขาประกอบอาชีพจริงมั้ย ตามที่เขายื่นเข้ามาในเมืองไทย แต่ถ้าเขาเข้ามาเป็นนักท่องเที่ยว เขาต้องการอะไรเดินทางออกไป แล้วกลับเข้ามา เขามาทำอะไร เงินทองตอนที่เขาแจ้งไว้ มีเท่าไหร่ คือถ้าเราดูกันให้ละเอียด คอยเฝ้ามองดู ผมว่ามันเป็นการเพิ่มงาน แต่มันอาจเป็นสิ่งที่คุ้มค่าในอนาคต ดีกว่าไม่ทำ เพราะถ้าโดนเข้าไปหลายๆ คน เข้า มันก็อาจจะไม่กล้าก็ได้ มองว่าเราเหนื่อยนิดหนึ่ง แต่ว่ามันคุ้มค่า แล้วพอถ้ามันสำเร็จ ผมว่ามันก็ภูมิใจนะ
กากีกลาย 27/9/60