สายัณห์สวัสดีในอาทิตย์แห่งการเลือกตั้งเป็นไฟ
นอกจากอากาศประเทศไทยที่ร้อนเหมือนอยู่ติดพระอาทิตย์ทุกวันแล้ว วันนี้เรายังมีหมวดเพิร์ล ร.ต.ท.พีรวัส เหมนแก้ว ตำแหน่ง นว.(สบ 1) ผบก.รน. หนุ่มไฟแรงดั่งแสงพระอาทิตย์ที่มีอุดมการณ์มุ่งมั่น
สัมภาษณ์ไปก็ได้แต่ปรบมือให้กับความคิดที่ไม่ว่าจะด้านไหน หมวดเพิร์ลก็ตอบได้ตรงประเด็น ชัด ชัด
เริ่มจากเส้นทางสมัยม.ต้น เด็กใต้อย่างหมวดเพิร์ลคนนี้ ก็จับพลัดจับผลูไปติวพิเศษเข้าสอบโรงเรียนเตรียมทหารกับเพื่อนๆ ติดเตรียมทหารรุ่น57 ทั้ง4เหล่า เจ้าตัวเลือกลงทหารเรือ เหล่าตำรวจน้ำ
พอเข้าไปเรียนจริงก็ต้องปรับตัวกันสักหน่อย ด้วยความที่อยู่บ้านมีคุณแม่คอยดูแล พออยู่คนเดียวชีวิตก็ต้องปรับรูทีนมากขึ้น ดูแลตัวเองตื่นเช้าสร้างวินัย
หมวดเพิร์ลบอกว่า ภายใต้รั้วโรงเรียนทำให้มีระเบียบวินัยมากขึ้นมาก หลังพ้นรั้วจักรดาว โรงเรียนเตรียมทหาร ถึงเวลาแยกย้ายขึ้นเหล่าไปเรียนที่โรงเรียนนายเรือรุ่น114
ถามว่าการเรียนตำรวจน้ำ เป็นอย่างไร ตอบชัดเลยว่า
การเป็นตำรวจน้ำนั้นเหมือนทหารเรือทุกอย่าง ไม่ว่าจะการเดินเรือ การช่วยเหลือชีวิตทางน้ำ ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับเรือ หากเกิดเหตุยิ่งมีความรู้พื้นฐานมากก็จะยิ่งช่วยเหลือชีวิตประชาชนทางน้ำได้
ไม่เท่านั้น หมวดเพิร์ลยังเลือกเรียนกฎหมายเพิ่มเติม เพื่อเตรียมความพร้อมการทำงานอย่างเต็มที่
หากถามว่าตำรวจน้ำ คืออะไร มีไว้ทำไม
ต้องอย่าลืมว่าไม่ใช่แค่ภัยบนบกที่จะสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน แต่ยังมีกลุ่มประชาชนอีกหลายคนที่ทำงานอยู่ทางน้ำ ตำรวจน้ำจะคอยรับผิดชอบตั้งแต่ชายฝั่งนับไปสิบไมล์ทางทะเล ที่มีทั้งการเดินเรือทางประมง
อย่างกรณีมีเหตุลูกเรือหัวใจวายเฉียบพลันก็ต้องรีบเข้าไปดูแล รวมไปถึงปกป้องการกระทำความผิด การลักลอบนำของผิดกฎหมายอาญา ค้าน้ำมันเถื่อน ตำรวจน้ำเองก็ได้เดินหน้าปราบปรามอยู่ตลอด
ถามถึงความภูมิใจในการทำงาน หมวดเพิร์ลย้อนให้ฟังด้วยน้ำเสียงภูมิใจว่า
ตำแหน่งแรกที่ได้บรรจุ คือ รองสารวัตรตำรวจน้ำ ที่สตูล 2 ปี ต้องไปออกตรวจทุกสัปดาห์คอยดูสถานการณ์ทางน้ำช่วงแรกๆ ที่ได้ลาดตระเวนยังไม่มีประสบการณ์มาก
มีครั้งหนึ่งที่ได้จับเคสยาไอซ์พันกว่ากิโล ตอนนั้นตนเองเป็นรั้วหน้าไปกับทีม ความลำบากคือ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
แล้วจะทำไงละให้การปฎิบัติครั้งนี้สำเร็จโดยลูกน้องในทีมไม่ความปลอดภัย ถือว่าท้าทายพอสมควร
หมวดเพิร์ลต้องจัดระบบความคิด ทั้งลาดตระเวน ทั้งสร้างความมั่นใจในทีม ผลลัพธ์ก็คือ จับได้สำเร็จ
จะบอกว่าผลงานครั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้หมวดเพิร์ลที่อาศัยการพูดลงไปคลุกคลีกับชาวบ้าน ใช้วิธีการสื่อสารกับเขาเพราะหมวดเพิร์ลบอกกับเราว่า
ตำรวจมีอยู่สองแบบ อยู่ที่เลือกจะเป็น หนึ่งให้เค้าเกลียด หรือสองให้เค้ารัก
ถ้าเราอยากเติบโตบนเส้นทางการทำงานอยากเป็นที่รักและไว้ใจ เราต้องใช้วิธีสื่อสารชาวบ้าน
หมวดเพิร์ลไม่รอช้า แรกๆที่มาถึงก็เดินไปแนะนำตัวกับชาวบ้าน พูดคุยสารทุกข์สุขดิบเพื่อให้เค้าไว้วางใจ โดยสมัยนั้นมีนโยบายของพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ให้ปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด เลยทำป้ายไวนิลแปะรณรงค์ เตือนสติผู้คน
ว่างๆเช้าๆก็ไปนั่งกินน้ำชากับชาวบ้าน เพื่อสารสัมพันธ์กัน ซึ่งเคสที่จับยาไอซ์ได้ก็เกิดจากชาวบ้านมาแจ้ง ตรงนี้หมวดเพิร์ลย้ำเลยว่า
“จริงๆแล้ว ประชาชนต้องการพึ่งตำรวจ แต่หน้าที่ของเรานี่ล่ะที่จะทำอย่างไรให้เค้ามั่นใจว่าเราเป็นตำรวจน้ำดีจริง”
พอมาถึงปัจจุบันได้รับความไว้วางใจให้มาเป็นนายเวร เรียกได้ว่าสายบู๊เปลี่ยนเป็นสายบริหารจัดการ หากถามว่าความรู้สึกต่อการทำงานปรับเปลี่ยนไปบ้างมั้ย หมวดเพิร์ลตอบชัดว่า
ไม่ว่าจะทำหน้าที่ในสายไหน ภายใต้การรับราชการตำรวจแล้ว เราต้องทำให้ดีที่สุด สู้ไปกับโอกาสที่ได้รับทุกครั้ง ยิ่งการได้เข้าทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกได้ว่าเปิดโลกมาก
หมวดเพิร์ลได้เห็นว่ายังมีตำรวจไทยเก่งและมีฝีมืออยู่จริง ยิ่งทำให้รู้สึกโชคดีที่ได้รับโอกาส โดยเฉพาะการมีแบบอย่างที่ดี มีผู้บังคับบัญชาที่ถืออุดมคติเดียวกัน คือ การไม่เอาเปรียบลูกน้อง
หมวดเพิร์ลบอกกับเราว่า สิ่งที่เขายึดถือมีอยู่สามอย่างนั่นคือ
“ซื่อสัตย์กับตนเอง ลูกน้องและประชาชน”
แน่นอนว่าเพราะมีแบบอย่างที่แสดงให้หมวดเพิร์ลศรัทธาและยึดมั่นกับความซื่อสัตย์นี้ได้ นั่นคือ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช และ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ เพราะท่านทั้งสองคนคือคนที่แสดงให้เห็นชัดถึงอุดมการณ์เดียวกัน
นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้หมวดเพิร์ลมีกำลังใจทำงานต่อ ทำแล้วต่อให้เหนื่อย แต่กลับมีความสุข มีพลังในการทำต่อ
เป็นคนที่มีความคิดดีแบบนี้ แน่ละว่าภายใต้การทำงานต้องมีความเครียดกันบ้าง หนวดเพิร์ลก็จะระบายความเครียดด้วยการออกกำลังกายบ่อยครั้ง ว่างบ้างก็ดูฟุตบอล ซึ่งหมวดเพิร์ลบอกว่า
“สุขภาพจิตที่ดีต้องมาจากสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง”
แหมเอาไปสิบกระโหลก เพราะนอกจากการออกกำลังกายจะทำให้แข็งแรงเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยให้หลับดี ขจัดเครียดได้ เห็นอย่างนี้ก็ขยันสร้างมิชชั่นให้ตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะลงแข่งขันวิ่งเพื่อให้มีวินัยในการดูแลร่างกายตัวเองมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นคนที่สร้างวินัยโดยการมีเป้าหมายชัดเจนนี้เอง
ทิ้งท้ายไว้สักหน่อย ซึ่งจะข้ามหรือตัดตอนไม่ได้เพราะสิ่งที่หมวดเพิร์ลสัมภาษณ์กับเราวันนี้ น่าประทับใจมาก หมวดเพิร์ลทิ้งทายกับเราว่า
ทุกวันนี้ความอยากได้ อยากมีของคนเรามันไม่มีไม่สิ้นสุดจนไปถึงขั้นผลประโยชน์บนอาชีพของตน คำเดียวในใจที่คอยยึดถือนั้นคือคำว่า “พอ”
ความสุขอยู่ตรงไหนใช้ตรงนั้น ทะเยอะทะยานได้แต่ต้องไม่โลภ พอถึงเวลาที่เราสะสมความดีไปเรื่อยๆ สักวันจะเป็นวันของเรา
หมวดเพิร์ลบอกตบท้ายว่า
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดคือ พระในบ้าน อย่าลืมโทรหาพ่อแม่อาทิตย์ละสามครั้งให้พ่อแม่มีกำลังใจ เพราะไม่มีใครรักและห่วงใยเราได้เท่าคนในครอบ ครัว
“ศุพิต พ.” บันทึก14/5/66