“น็อต “ นรต.71 มือกลองรูปหล่อจาก ชมรมดนตรีสากล (ภัทรพงศ์ วิชัยดิษฐ์ )
“ตำรวจยุค 4.0 ต้องใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และ สื่อต่างๆให้เป็นประโยชน์กับการทำงานและให้องค์กรมากที่สุด”
ความฝันวัยเยาว์
โตขึ้นอยากเป็นอะไร? คำถามที่แม่เคยถามกับผม ด้วยความเป็นเด็กจึงยังไม่ได้คิดอะไรมากนัก แค่ชอบอะไร ก็อยากทำสิ่งนั้น ผมจึงบอกแม่ไปว่า อยากเป็นนักดนตรี เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกรัก และ หลงใหลในเสียงดนตรีตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยม เมื่อมีเวลาว่างจากการเรียนหนังสือ ผมจะไปเล่นดนตรีกับเพื่อนๆที่ห้องดนตรีอยู่เสมอ…แต่มาวันหนึ่ง แม่ได้แนะนำผมว่า อยากให้ผมไปเป็นทหาร หรือ ตำรวจ เพราะ เป็นอาชีพที่มั่นคง มีเกียรติยศ และ ศักดิ์ศรี แต่ผมก็ปฏิเสธแนวคิดนี้มาตลอด เพราะ รู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ เราอยากทำอาชีพจากสิ่งที่เรารักมากกว่า แต่แม่กลับได้ให้คำสอนที่ผมยังจำได้ขึ้นใจจนทุกวันนี้ที่ว่า “บางครั้งคนเราก็ไม่จำเป็นต้องประกอบอาชีพจากสิ่งที่เรารักที่สุดเสมอไป แต่เราสามารถทำสิ่งที่เรารักควบคู่กันไปกับเส้นทางที่เราต้องก้าวเดินได้” ซึ่ง ณ ตอนนั้นผมยังไม่ค่อยเข้าใจคำสอนของแม่สักเท่าไหร่นัก
ทำไมถึงอยากเป็นตำรวจ
จนเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ผมจึงลองเปิดใจเพื่อศึกษา เส้นทางของการเป็นทหาร ตำรวจ จนได้เข้าใจอะไรมากขึ้น ผมจึงเลือกที่จะเป็นตำรวจ เนื่องจากผมคิดว่า อาชีพตำรวจเป็นอาชีพได้จะได้ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ซึ่งประชาชนแต่ละคนก็ย่อมมีความแตกต่างกันไป ความท้าทายของอาชีพตำรวจ คือ จะทำอย่างไรเพื่อที่จะรับมือกับผู้คนในรูปแบบที่เหมาะสม ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้ศิลปะในการทำงานค่อนข้างมาก และ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ประชาชนทุกคนพึงพอใจในสิ่งที่เราทำ
พอเข้ามาเรียนแล้ว ตรงกับที่คิดไหม
การได้เข้ามาศึกษาในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ทำให้ผมได้เรียนรู้บทเรียนชีวิตหลายๆอย่างมากขึ้น ยอมรับว่าความคิดในวัยเด็กกับความเป็นจริงนั้นแตกต่างกันพอสมควร จากการได้มาพบเจอการทำงานจริงของอาชีพตำรวจ และ กรณีศึกษาต่างๆที่เราเห็นในสื่อแต่ละวัน ทำให้รู้ว่า หลายๆอย่างนั้นไม่ง่ายที่จะรับมือ ด้วยสภาพสังคม และ “ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมต้องตระหนักกับตัวเองอยู่เสมอว่า ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร สิ่งสำคัญนั้น อยู่ที่การปรับตัวให้เท่าทันโลก” การทำงานของตำรวจในวันนี้ จะใช้รูปแบบ หรือ วิธีการเดิมๆแบบสิบปีที่แล้วทั้งหมดไม่ได้ และ ไม่ว่าจะอยู่ในองค์กรใดก็ตาม ถ้าไม่รู้จักปรับตัวให้เท่าทันโลก คุณก็จะกลายเป็นคนล้าหลังทันที
คติพจน์ประจำใจ
“วันนี้เลวร้ายแล้ว พรุ่งนี้จะเลวร้ายยิ่งกว่า แต่วันมะรืนจะสวยงาม” ผมจำไว้เสมอเพื่อเตือนตัวเอง และคำสอนตำรวจที่ผมยึดมาเสมอคือ
“ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก” เพราะ ผมเชื่อว่าการเดินทางไปสู่ทุกๆความสำเร็จ ย่อมต้องพบเจอปัญหา และ ความยากลำบาก สิ่งสำคัญคืออย่าถอดใจยอมแพ้ไปเสียก่อนครับ
ตำรวจในอุดมคติต้องเป็นแบบไหน
ตำรวจในอุดมคติสำหรับผม ไม่ใช่ตำรวจที่ Perfect ไปซะทุกเรื่อง แต่ตำรวจในแบบของผม คือ ตำรวจที่รู้ว่า หน้าที่ของคุณ ณ ตอนนั้นคืออะไร แม้ว่าตำรวจแต่ละสายงาน แต่ละตำแหน่ง จะมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันออกไป แต่ตำรวจทุกคนนั้นย่อมเปรียบเสมือนฟันเฟืองน้อยใหญ่ขององค์กร
“ตราบใดที่นาฬิกายังต้องใช้ฟันเฟืองทุกตัวในการทำงานอย่างสมบูรณ์ ตำรวจทุกคนก็ควรภาคภูมิใจ และ ปฏิบัติหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมายอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้องค์กรสามารถเดินหน้าต่อไปได้”
คิดว่างานเรา ช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร
สังคมเราเกิดจากการที่ผู้คนมาใช้ชีวิตร่วมกันและมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ย่อมต้องเกิดปัญหาขึ้นเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตามสังคมย่อมต้องมีคนที่ต้องคอยควบคุม ดูแล และแก้ปัญหาเหล่านี้อยู่เสมอ ด้วยการดำเนินการตามขั้นตอน และ กระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งไม่ว่าจะผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรย่อมจะมีทั้งคนที่ถูกใจ และ ไม่ถูกใจ แต่อย่างน้อยๆการทำงานของตำรวจก็พอที่จะอำนวยความยุติธรรมที่ควรพึงมีในสังคม ซึ่งย่อมดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย ดังนั้น งานในหน้าที่ตำรวจนั้นผมคิดว่า เป็นงานที่ได้ช่วยเหลือสังคมในตัวเองอยู่แล้วครับ
ตำรวจ 4.0 คิดว่าต้องเป็นแบบไหน
ผมคิดว่าตำรวจ 4.0 ควรเป็นตำรวจที่ติดตามสถานการณ์ และ การเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่เสมอเพื่อที่จะได้รู้เท่าทัน และ สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ตำรวจยุค 4.0 ต้องใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และ สื่อต่างๆให้เป็นประโยชน์กับการทำงานและให้องค์กรมากที่สุดครับ
อยู่สังกัดชมรมอะไร เหตุใดถึงเลือกชมรมนี้ ชมรมนี้ดีอย่างไร
แน่นอนว่าผมไม่เคยลืมคำสอนของแม่ที่ว่า“บางครั้งคนเราก็ไม่จำเป็นต้องประกอบอาชีพจากสิ่งที่เรารักที่สุดเสมอไป แต่เราสามารถทำสิ่งที่เรารักควบคู่กันไปกับเส้นทางที่เราต้องก้าวเดินได้”
หนุ่มน้อยชมรมดนตรีสากล …เพราะดนตรีทำให้ผมมีความสุข
สาเหตุที่ผมเลือกชมรมนี้ เพราะ ผมเป็นคนรักในเสียงดนตรีครับ ดนตรีทำให้ผมได้เข้าใจอารมณ์ของผู้คนได้ดีขึ้น ทุกครั้งที่ผมเล่นดนตรี ผมจะไม่ชอบการท่องจำตัวโน้ต แต่ผมจะเล่นจากความอารมณ์ความรู้สึก และ เจตนารมณ์ที่แต่ละบทเพลงต้องการจะสื่อออกมามากกว่าครับ
การอยู่สังกัดชมรมดนตรีสากลทำให้ได้ออกแสดงงานดนตรีบ่อยๆ จึงทำให้ผมได้รับประสบการณ์ในการทำงานกับผู้คนมากขึ้น ซึ่งทำให้ผมเป็นคนกล้าแสดงออก กล้าคิด กล้าทำ กล้าแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และ ทำให้ผมได้เรียนรู้บทเรียนอันสำคัญว่า
“คนเราทุกคนย่อมมีความเก่ง และ ความถนัดที่แตกต่างกัน เราไม่สามารถบังคับให้คนร้อยคนเก่งในแบบเดียวกันได้ แต่เราสามารถใช้ความเก่งในแบบที่แต่ละคนเป็นเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายเดียวกันได้”
ผมจึงมีความภาคภูมิใจที่ผมและเพื่อนๆได้สร้างสรรค์ หลากหลายผลงานจากความสามารถทางดนตรีที่พวกเราถนัด เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับองค์กรได้อีกรูปแบบหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเสียงเล็กๆก็ตาม
ให้ฝากถึงคนที่อยากสอบเข้า รร.นรต.
สิ่งสำคัญ คือ อยากให้น้องๆศึกษาหาข้อมูลให้มากพอ และ ถามใจตัวเองว่าสิ่งที่น้องๆต้องการในชีวิตคืออะไร เพราะ จะไม่มีทางเลือกใดในชีวิตที่ผิด ถ้าสิ่งที่น้องเลือกนั้นได้ออกมาจากหัวใจของน้องเอง
ปิดท้ายฝากถึงประชาชนที่กำลังอ่านในตอนนี้
“อยากให้ทุกๆคนทำตามสิทธิ หน้าที่ที่ตนพึงมี และ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น สังคมของเราก็จะน่าอยู่ขึ้นครับ “
สุดท้ายฝากวงดนตรี Sampran Charity วงดนตรีการกุศล ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ที่เกิดจากแนวคิดดีๆของเลือดใหม่ตำรวจไทยที่อยากช่วยเหลือสังคมด้วยคะ