รองผู้การกองปราบตัดใจ จับเพื่อนอดีตตำรวจ นรต.รุ่นเดียวกัน หลังก่อเหตุฉ้อโกงหลายคดี ทั้งแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นและวิ่งเต้นโยกย้าย เผยพัวพันยาเสพติดถูกออกจากราชการเมื่อปี46 ยืมเงินรุ่นมาวิ่งคดีแล้วไม่ยอมคืน จนเพื่อนๆเอือมระอาตัดขาดจากรุ่น
เวลา 16.30 น. วันที่ 8 พ.ค. ที พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 .บก.ป. พ.ต.อ. แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่กก.3. และ 4 .บก.ป. จับกุมนายธนากร เดชศรีมงคลกุล อายุ 49 ปี อดีตนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่น 45
ตามหมายศาลจังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ 23 เม.ย. 2561 ฐานความผิด แสดงตนเป็นผู้อื่น จับได้ที่ริมถนนมิตรภาพสายเก่า ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
และจับนายชาญชัย มุขแก้ว อายุ 55ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับฐานผิดร่วมกันฉ้อโกง จับได้ที่บ้านเลขที่10/23 จ.สมุทรปราการ
พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก น.ส.ภิญญดา ฟุ้งรักษา ได้ร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปรามขอให้โอนคดีฉ้อโกงจาก สภ.ปากเกร็ด นนทบุรี มาให้กองปราบปรามทำ หลังถูกผู้ต้องหาทั้งสองรายหลอกลวงว่า สามารถรื้อฟื้นคดีฆ่าผู้อื่นของสามีที่ถูกดำเนินคดีอยู่ได้ โดยมีค่าดำเนินการจำนวน 2 แสนบาท
ผู้เสียหายได้หลงเชื่อโอนเงินให้ตามจำนวนที่ตกลง เหตุเกิดเมื่อปี 2559 กระทั่งต่อมาพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายไม่ได้รื้อคดีให้ตามที่กล่าวอ้าง จึงได้มาแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงที่สภ.ปากเกร็ด โดยพนักงานสอบสวนสภ.ปากเกร็ด ได้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองรายไว้ ก่อนจับกุมได้ทั้งคู่
อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ขัดแย้งกับแนวทางการสืบสวนที่พบว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนมักอ้างตัวรู้จักกับประธานศาลฏีกา และข้าราชการระดับสูงในแวดวงตุลาการ รวมทั้งอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สามารถวิ่งคดีความได้ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการหลอกว่าสามารถวิ่งเต้นตำแหน่งรองผกก.-สารวัตร เหยื่อรายล่าสุดเป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. ในรุ่นนรต47 เป็นต้น
เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.ปากเกร็ด ดำเนินคดี
มีรายงานว่าจากการตรวจสอบประวัตินายธนากร พบว่ามีหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่59/2560 ลงวันที่ 3 มิ.ย. ในฐานความผิดฉ้อโกงทรัพย์ ติดตัว
สำหรับนายธนากร เป็นอดีตนายร้อยตำรวจสามพรานรุ่น 45 รุ่นเดียวกับพ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบก.ป. ผู้สั่งการจับกุม และถูกให้ออกจากราชการปี 2546 สาเหตุมาจากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์จากคดียาเสพติด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองสว.สส.สภ.เมืองนครราชสีมา
จากนั้นได้วิ่งเต้นคดีความโดยนายธนากรนำเงินนรต.รุ่น 45 ไปใช้ในการวิ่งเต้นคดี โดยอ้างกับเพื่อนในรุ่นว่าเดือดร้อน เป็นสาเหตุให้เกิดการไม่นับรุ่นกันในเวลาต่อมา
ส่วนนายชาญชัยเคยถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมในคดีลักษณะเดียวกันเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2559 และยังมีหมายจับติดตัวกว่า 10 หมายจับด้วย รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายเคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าว มาตั้งแต่ปี 2554 – 25561 มีมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 40 ล้านบาท
