คอลัมน์ อาชญา (ลง) กลอน
โดย…ธนก บังผล
ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการบุกตรวจค้น จับกุม ในคดีเงินทอนวัด นี่ถือเป็นปรากฏการณ์ทำงานที่นานๆทีจะเห็น
เริ่มต้นจากหมายที่ยิ่งกว่า ว.5 ซึ่งทางตำรวจกองปราบแจ้งกับผู้สื่อข่าวในค่ำวันหนึ่ง ขอย้ำว่าค่ำมากๆ ถึงขนาดที่ว่าผู้สื่อข่าวบางคนต้องนอนกองปราบเฝ้า บางคนมาถึงกองปราบ ตี 3 ครึ่ง เพื่อติดสอยห้อยตามร่วมเดินทางไปทำข่าว
ว.5 ระดับนี้ จุดประสงค์คือไม่ต้องการให้งานข่าวรั่วไหล เช้าตรู่วันที่ 24 พ.ค. จึงได้ฤกษ์งามยามดีบุกเข้าไปยังวัด
รายงานข่าวระบุว่า จากการตรวจค้นไม่พบพระพรหมสิทธิ(ธงชัย สุขโข) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และเจ้าคณะสิบ แต่สามารถจับกุมพระผู้ช่วยเจ้าอาวาสได้ 2 ราย คือ พระศรีคุณาภร หรือ พระมหาบุณรทวี คำมา และ พระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี และ จับกุมฆราวาสได้ 4 คน
สำหรับพระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือ เจ้าคุณเทอด หนึ่งในพระที่ถูกออกหมายจับนั้น พักรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลในกรุงเทพ
เท่านั้นยังไม่พอ จากการตรวจค้นปรากฏว่าตำรวจได้พบกับประตูเล็กๆข้างวัดลักษณะคล้ายประตูลับ ซึ่งได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาหลักฐานต่อไป
ถ้าคิดว่านี่ลับแล้ว…ยังครับ ตำรวจยังมีวิธีลวงแบบสับขาหลอกให้ผู้สื่อข่าว อึ้ง ทึ่ง เสียว นั่นคือ เมื่อนำตัวพระระดับชั้นผู้ใหญ่มาทำการสอบปากคำ
โดยวันที่ 31 พ.ค. พระสังคม สังฆะพัฒน์ หรือ อดีตพระราชอุปเสณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกกับตำรวจกองปราบเพื่อต่อสู้คดีร่วมกันฟอกเงิน กรณีที่ร่วมกันทุจริตเงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่ให้กับวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เมื่อปี 2557
เมื่อเจ้าคุณสังคม เดินทางมาถึงที่กองบังคับการปราบปราม ก็ได้ใช้ประตูด้านข้างของกองปราบปราม ขึ้นไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวนบริเวณด้านบน โดยหลบสื่อมวลชนเข้าไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบก็ได้นำกำลังมาดูแลบริเวณประตูทางขึ้นด้านหน้า ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องผ่านเข้าไปในพื้นที่
แม้กระทั่งตอนออกจากกองปราบ ก็มีการใช้ประตูข้าง เหมือนอย่างที่วัดสระเกศฯมีเป๊ะ (ฮา) เรียกได้ว่าลวงให้กองทัพนักข่าวนับ 100 ชีวิต ต้องว้าเหว่พลาดเป้าไปโดยปริยาย
ในระหว่างที่คดีนี้กำลังร้อน แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน คดีเงินทอนวัด ยังระบุด้วยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มทำงาน นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้เข้มงวดคดีนี้เป็นอย่างมาก และจะต้องดำเนินการไปตามกฎหมายทุกขั้นตอน
โดยเฉพาะข้อมูลสำคัญๆ ซึ่งมีคำสั่งห้ามแพร่งพรายให้บุคคลภายนอกได้รับทราบโดยเด็ดขาด
สาเหตุก็เพราะคดีนี้มีความเชื่อมโยงกับบุคคล และกลุ่มบุคคลค่อนข้างเยอะ จึงเกรงว่าหากข้อมูลรั่วไหลออกไป อาจทำให้ผู้ต้องหาไหวตัวหลบหนี และโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สิน
ถ้าจะตีความกันแบบตรงไปตรงมา บุคคลภายนอกที่ว่านั้นก็คือ…นักข่าว นั่นเอง
และเพราะเกรงว่าข่าวจะรั่วไหล พออดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ศารามวรวิหาร ผู้ต้องหาตามหมายจับฐานร่วมกันฟอกเงิน คดีทุจริตเงินทอนวัด ถูก ตม.ที่ประเทศเยอรมนี จับกุมตัวได้
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ก็รีบเดินทางไปรับตัวที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ตทันที
มีการเตรียมนำตัวอดีตพระพรหมเมธี ออกเดินทางจากท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต เวลา 14.45 น. ของวันที่ 6 มิ.ย. ด้วยเที่ยวบิน TG 921 และถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 06.25 ของวันที่ 7 มิ.ย.
แต่ด้วยเพราะ ลับ ลวง มากไปหน่อยหรืออย่างไรไม่ทราบได้ ท่าน ผบ.ตร.คงลืมกระบวนการ “ส่งผู้ร้ายข้ามแดน” ที่ไม่ใช่ว่าทางประเทศเยอรมันจับได้แล้วเราจะไปรับตัวกลับได้ทันที
อย่างนั้นคงจับ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับมาไทยได้ตั้งแต่ปีมะโว้แล้วสิครับ ทุกอย่างมันมีขั้นตอน
และตามคาด ท่าน ผบ.ตร. กลับมาถือแห้วมากระบุงใหญ่ เหมือนไปเที่ยวแฟรงก์เฟิร์ตชมสนามบินแล้วกลับ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไม่ใช่ว่าทางตำรวจได้ทำอะไรผิดไปนะครับ ผมกลับชื่นชมวิธีการทำงานแบบนี้มากกว่าที่ผ่านมา ที่ออกมาให้ข่าวกันเละ จนธัมมชโยหนีออกนอกประเทศไปได้แบบสบายๆ (ตอนนี้คงทราบแล้วใช่มั้ยครับว่าธัมมชโยอยู่ประเทศอะไร)
แต่วิธีการทำงานแบบ ว.5 ต้องรัดกุมครับ แม้จะชื่นชม ลับดี ลวงเยี่ยม แต่กลับมาพังตรงตอนไปเยอรมันนี่ละครับ ที่เราเรียกกันว่า “พลาด”
แต่พลาดแล้วก็คงเป็นบทเรียนที่ดีครับ อย่างน้อยก็ให้ความรู้กับสื่อมวลชนเช่นกันว่า วิธีและกระบวนการทำงาน “ส่งผู้ร้ายข้ามแดน”นั้น ไม่ง่าย