Friday, April 19, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวันลุยร้านค้าของเก่ายึดปืนใหญ่โบราณ7กระบอก

    ลุยร้านค้าของเก่ายึดปืนใหญ่โบราณ7กระบอก

    วันที่ 16 ก.ย.64  พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.จักรี กันธิยะ, พ.ต.ท.เจตนิพัทธ์ ศิริวัฒน์, พ.ต.ต.ทัตพร เลขะวัฒนพงษ์ สว.กก1.บก.ป.

    นำกำลังเข้าตรวจค้น ร้านค้าที่มีการจำหน่าย และเก็บรักษาโบราณวัตถุ 3 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ 2 จุด และพื้นที่ จ.นนทบุรี 1 จุด

    สืบเนื่องจาก เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 ตำรวจกองปราบปรามรับแจ้งจากเพจเฟซบุ๊ก“กองปราบปราม”

    ให้ช่วยตรวจสอบเพจเฟซบุ๊ก ที่ขายสินค้าประเภทโบราณวัตถุลักษณะคล้ายปืนใหญ่ผ่านช่องทางออนไลน์

    มีการประกาศขายกันอย่างโจ่งแจ้ง ปรากฏข้อความชวนเชื่อให้ผู้คนทั่วไปเกิดความสนใจและมีการจำหน่ายในราคาที่ค่อนข้างสูง

    เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก. 1 บก.ป. สืบสวนจนทราบว่า ร้านดังกล่าวมีการประกาศขายโบราณวัตถุจริง เปิดร้านจำหน่ายสินค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เก็บรักษาสินค้าไว้ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ จ.นนทบุรี

    ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุญาตศาลออกหมายค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้อง 3 แห่ง เพื่อตรวจสอบ

    จุดที่ไปตรวจค้นเป็นร้านขายของเก่าถนนบรมราชชนนี แขวงและเขตตลิ่งชัน มีนายยืนยง อายุ 60 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของสถานที่พาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจค้น

    พบโบราณวัตถุลักษณะคล้ายปืนใหญ่ทั้งสิ้น 7 กระบอก และสินค้าประเภทอื่นๆ อีกด้วย

    สอบสวนนายยืนยงรับว่าเป็นผู้ครอบครองปืนใหญ่ของกลางทั้งหมด ได้ติดต่อซื้อมาจากคนรู้จัก ก่อนนำเข้ามาจากต่างประเทศ

    กำหนดราคาตามขนาด กระบอกเล็กขายในราคาประมาณ 50,000 – 100,000 บาทกระบอกใหญ่ขายในราคา 100,000 – 200,000 บาท เปิดมานานกว่า 8 ปี

    ส่วนกรณีที่พบโบราณวัตถุลักษณะคล้ายปืนใหญ่ปรากฏอยู่ในโซเชียลมีเดียนั้น เป็นบุคคลอื่นที่ช่วยโปรโมทขายสินค้าทางออนไลน์ให้

    ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า โบราณวัตถุลักษณะคล้ายปืนใหญ่ทั้งหมด เป็นวัตถุที่ทำเทียม เลียนแบบขึ้นมา

    จากนี้เจ้าหน้าที่จะนำไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันอีกครั้ง

    นอกจากปืนใหญ่ยังตรวจสอบพบว่าร้านค้าดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาตทำการค้าตามกฎหมาย

    เบื้องต้นพฤติการณ์ของนายยืนยง เข้าข่ายความผิดตาม พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 19

    ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัวนายยืนยง ส่งพนักงานสอบสวน กก.1.บก.ป.ดำเนินคดี

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments