ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ร่วม อย.จับหมอจีน บุกทลายสถานที่ลักลอบผลิต และขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรเถื่อน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 เม.ย.66 ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)
พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ.
ร่วมแถลงผลจับกุมนายเถียน จวิ้น เฉียง อายุ 45 ปี ชาวจีน ตั้งตัวเป็นหมอสมุนไพรจีนเถื่อน พร้อมของกลางเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน กว่า 60,000 แคปซูล และเครื่องจักรสำหรับผลิตสมุนไพรจีน มูลค่ากว่า 800,000 บาท
พล.ต.ต.อนันต์ เปิดเผยว่า ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.ตรวจสอบพบเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “หมอเถียรแพทย์แผนจีน” มีการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนทั้งชนิดแคปซูลและน้ำสมุนไพรจีน ในลักษณะกล่าวถึงสรรพคุณการรักษาที่เกินจริง โดยมีการกล่างอ้างว่า ยาสมุนไพรขนานเดียวสามารถรักษาอาการต่างๆได้ครอบจักรวาล
เช่น สามารถปรับสมดุลร่างกาย รักษาเรื่องการนอนไม่หลับ คอแห้ง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ตาแห้ง เวียนหัว ไมเกรน กรดไหลย้อน ขับถ่ายไม่ดี ชาปลายมือปลายเท้า ออฟฟิตซินโดรม ปวดหลัง ปวดคอ บำรุงตับและสรรพคุณอีกหลายประการ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวพบว่า ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในเพจเฟซบุ๊กนั้น ไม่มีการขออนุญาตในการผลิตและขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนกระทั่งทราบว่ามีแหล่งจำหน่าย และผลิตสมุนไพรอยู่ที่พื้นที่เขตประเวศ กรุงเทพฯ
พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวว่า จากการเข้าร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจค้นสถานที่ดังกล่าวพบผลิตภัณฑ์สมุนไพรชนิดแคปซูล จำนวน 1,000 กระปุก (60,000 แคปซูล), ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนชนิดน้ำบรรจุถุง รอการจำหน่าย กว่า 700 ถุง, อุปกรณ์การผลิตยาสมุนไพร, หม้อต้มน้ำสมุนไพรอัตโนมัติ 12 เครื่อง, เครื่องบรรจุยาชนิดแคปซูล จำนวน 1 เครื่อง และพยานหลักฐานอื่นๆ
สอบสวนนายเถียน จวิ้น เฉียง ให้การรับสารภาพว่า เรียนจบแพทย์แผนจีนมาจากประเทศจีน จากนั้นได้ขอใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ แพทย์แผนจีน (ใช้ชื่อว่าหมอเถียร) เนื่องจากมีความรู้เรื่องสมุนไพรจีน จึงได้ผลิตสมุนไพรบรรจุด้วยตนเอง โดยไม่ได้ขออนุญาตผลิตและขายแต่อย่างใด และเปิดจำหน่ายมาแล้วมากว่า 1 ปี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา“ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ“ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.4.บก.ปตบ.ดำเนินคดีต่อไป