ไม่น่าเช่ือนะครับว่าตั้งแต่ลูกชายเล่นเทนนิสมาถึงตอนนี้ก็ร่วม 10 ปีเข้าไปแล้ว นึกย้อนเวลาเร่ิมจับแร็กเกตครั้งแรกช่วง 7 ขวบทีไร หัวอกคนเป็นพ่อก็อดที่จะภูมิใจลึกๆไม่ได้ ….เออนี่ลูกเรามาไกลกว่าที่เราคิดเลยนะเนี่ย แต่บันไดของความสำเร็จยังมีให้ก้าวเดินอีกหลายขั้นนัก หนทางยังอยู่อีกยาวไกลครับ
ช่วงนี้ผมเลยไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นเพราะถ้ามัวหลงระเริงอยู่กับความสำเร็จในอดีตมันไม่ได้ช่วยให้เราพัฒนาตัวเองไปสู่จุดหมายที่ตั้งเป้าไว้ สู้เอาเวลาไปสะสางอุปสรรคที่ขวางอยู่ตรงหน้าดีกว่า และตอนนี้ก็ถึงจังหวะที่ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่เกี่ยวกับอนาคตบนเส้นทางลูกสักหลาดของลูกอีกครั้ง เนืองจากลูกใกล้จบ ม.6 ในปีการศึกษา 2561 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้ว
ตอนจบม.3 โรงเรียนช่ือดังแห่งหนึ่งผมตัดสินใจให้ลูกไปเรียนม.4 โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี ทั้งๆที่มีโอกาสเข้าเรียนต่อสถาบันอันดับต้นๆของประเทศ แต่ที่เลือกโรงเรียนกีฬาก็เพราะสนับสนุนให้โอกาสเราได้อยู่กับเทนนิสมากขึ้นเดื้อจะได้มีเวลาในการฝึกซ้อมและตระเวนแข่งขันล่าแต้มไอทีเอฟจูเนียร์และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในต่างประเทศ ที่สำคัญลุกอย่างเล่นเทนนิส
มีผู้ปกครองหลายท่านก็ยึดแนวทางเดียวกับลูกชายผม ด้วยเหตุผลเพราะสถาบันการศึกษาในบ้านเราไม่เอื้ออำนวยให้นักกีฬาที่มีเป้าหมายเล่นอาชีพสักเท่าไหร่ แต่ก็มีอีกหลายครอบครัวที่ตั้งเป้าเล่นกีฬา เพื่อเป็นช่องทางในการศึกษาต่อทั้งในและต่างประเทศ หากเปรียบเป็นตัวเลขกลมๆ นักเทนนิสเยาวชนไทยส่วนมากจะใช้แนวทางนี้ เนื่องจากมีโอกาสประสบความเร็จมากกว่า
การเล่นอาชีพมันยากส์มากๆ เห็นได้จากกว่า 10 ปีก็ยังไม่มีใครประสบความเร็จเลยสักคนนับแต่หมดยุคของซุปเปอร์บอล หรือส้ินยุคพี่แทมมี่ แม้ปัจจุบันมีนักเทนนิสหญิงของเราบางคนพอจะมีโอกาส แต่ก็ยังห่างชั้นกับพี่แทมมี่ครับ แต่ไม่ว่าใครจะตัดสินใจเลือกเส้นทางไหน เมื่อเลือกแล้วก็อย่าไปคิดเสียดาย หรือโทษตัวเองว่าคิดผิด เพราะจริงๆแล้วกีฬาทุกชนิด ไม่ใช่เฉพาะเทนนิสได้ให้อะไรลูกเรามากการเล่นกีฬา
ส่วนครอบครัวผมเลือกและตัดสินใจแล้วครับว่า เมื่อลูกอยากเล่นเทนนิสอาชีพก็จะส่งเสริมและสนับสนุนทุกรูปแบบ แม้จะมีปัจจัยอื่นเป็นตัวแปรให้ฉุกคิดอยู่บ้าง แต่เป้าหมายยังเหมือนเดิมครับ การเลือกเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำในบ้านเราโอกาสเล่นเทนนิสอาชีพก็ลดน้อยลง และอาจต้องเลิกเล่นในที่สุด เพราะเทนนิสไม่เหมือนกับกีฬาชนิดอื่นๆ ที่สามารถซ้อมหลังเลิกเรียนได้ แต่เทนนิสต้องมีเวลาทุ่มเทเกินร้อยครับ
แต่ถึงจะมีเวลาก็ไม่ได้การันตีว่าจะประสบความสำเร็จ เพราะยังมีองค์ประกอบอื่นอีกมากที่เป็นตัวแปร เช่นโค้ชและคู่ฝึกซ้อมที่ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ย่ิงหย่อนไปกว่ากัน อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าบ้านเรายังขาดความเป็นมืออาชีพในการปลุกปั้นนักหวดอาชีพ
มีคำแนะนำจากอดีตนักเทนนิสชั้นนำบอกกับลูกชายว่า หลังจบม.6 มีทางเลือกอยู่ 3 ทางก็คืออย่างแรกหยุดเรียนแล้วมามุ่งมันเอาจริงเอาจังกับเทนนิส แนวทางที่สองเลือกเรียนมหาวิทยาลัยที่สนันสนุนกีฬาไม่เข้มงวดจนเกินไป เรียนไปด้วยเล่นเทนนิสไปด้วย แต่ทั้งสองแนวทางข้างต้นก็มีสภาพแวดล้อมในการฝึกซ้อมไม่ต่างกัน โค้ชคนเดิมคู่ซ้อมก็ยังเดิมๆ
แนวทางที่สามขอทุนไปเรียนอเมริกาได้เรียนได้ซ้อมในมีรูปแบบที่มีมาตรฐานกว่าบ้านเราเรียนจบอยากเทิร์นโปรก็สามารถทำได้ ไม่สาย เพราะเดี๋ยวนี้นักเทนนิสหลายคนก็เร่ิมมีช่ือเสียงตอนอายุเฉลี่ยอายุกว่า 20 ปีขึ้นไป แต่มันไม่ง่ายนะครับ เพราะการได้ทุนเรียนต่างประเทศ นอกจากต้องฝีมือพอตัวแล้ว ภาษาอังกฤษต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
ตรงนี้ผมเช่ือว่าพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไร หากสอบผ่านและเล่นเทนนิสได้ดีระดับหนึ่งก็มีสิทธิ์ครับ ทั้งหมดคือโอกาสที่เทนนิสให้ส่ิงดีๆกับพวกเรา ส่วนใครจะเลือกทางไหนก็ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของแต่ละคนครับ
————————————-
– เดอะวินเนอร์