อาชญา (ลง) กลอน
โดย…ธนก บังผล
หลังมีข่าวดีพบ 13 ชีวิตหมูป่าอะคาเดมี่ ที่ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เคราะห์ก็มาซ้ำนำข่าวร้ายตามมาติดๆ 3 เรื่องใหญ่
โดยเฉพาะการเสียชีวิตของ จ.อ.สมาน กุนัน นักทำลายใต้น้ำจู่โจมนอกราชการ (นทต.จู่โจม รุ่น 30) อายุ 38 ปี อดีตหน่วยซีล ซึ่งเข้าไปช่วยเหลือทั้ง 13 คนในถ้ำหลวง
จ.อ.สมาน ทำงานในตำแหน่งงานเจ้าหน้าที่ตระเวนระงับเหตุ ฝ่าย รปภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บ.ท่าอากาศยานไทย
เข้าปฏิบัติภารกิจในถ้ำหลวง เอาขวดอากาศไปวางตามรายทาง โดยช่วงดึกของวันที่ 5 ก.ค.กำลังกลับมา เกิดหมดสติ คู่บัดดี้พยายามปฐมพยาบาล แต่ไม่รู้สึกตัว จึงนำกลับมาที่โถง 3 ปฐมพยาบาลต่อซึ่งในขณะนั้น จ.อ.สมาน ก็ยังไม่รู้สึกตัวจึงนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิตตามข่าว
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่สะเทือนใจคนทั้งโลกที่เฝ้าจับตารอคอยว่า ทั้ง 13 คนจะออกมาจากถ้ำหลวงได้เมื่อไหร่ ซึ่งหน่วยซีลของไทยก็ได้รับการชื่นชมว่าเป็น “ฮีโร่” ในปฏิบัติการครั้งนี้
เหตุร้ายที่ไม่มีใครคาดคิดที่เกิดขึ้นคราวนี้ นอกจากจะกระทบกระเทือนกับขวัญและกำลังใจของครอบครัวผู้ประสบภัยโดยตรงแล้ว
ยังเป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนให้เห็นว่าปฏิบัติการช่วย13 ชีวิตติดถ้ำหลวง ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่โค้ชคีย์บอร์ดจะมานั่งจินตนาการแนะนำแบบไม่รู้ไม่เห็นหน้างานว่ามีความยากลำบากอย่างไร
อย่างไรก็ตาม นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงความเสียพระทัย ที่มี เจ้าหน้าที่หน่วยซีล เสียชีวิต โดยทรงมีรับสั่งให้ประกอบพิธีศพอย่างสมเกียรติ ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเย็นของวันที่ 6 ก.ค.
โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายจะร่วมกับทหารประกอบพิธี จะนำศพขึ้นเครื่องบินของกองทัพเรือไปยังฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อประกอบพิธีหลวง
นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงรับสั่งให้ดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต อย่างดีที่สุด ทั้งนี้ญาติผู้เสียชีวิตขอนำศพไปประกอบพิธียังภูมิลำเนา จ.ร้อยเอ็ด
บ.ท่าอากาศยานไทย ซึ่งถือว่าเป็นต้นสังกัดของ จ.อ.สมาน ก็จะช่วยเหลือด้วยการมอบเงินให้กับครอบครัว 1 ล้านบาท
ในขณะที่ทางกองทัพเรือก็กำลังพิจารณาขอพระราชทานยศเป็นกรณีพิเศษด้วยเช่นกัน
ข่าวร้ายต่อมาคือ อากาศยาน บ.ท.17 (CESSNA-182) ของ กองกำลังนเรศวร ทำการบินขึ้นจากท่าอากาศยาน จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีนักบิน 2 นาย พร้อมผู้โดยสาร 2 นาย ร่วมทำการลาดตระเวนทางอากาศ และได้หายไปจากจอเรดาร์ของหอบังคับการบิน ท่าอากาศยาน จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อเวลา 13.30 น. ของวันที่ 5 ก.ค.
พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาค 3 กล่าวว่า พบเครื่องบิน U17 ที่อยู่ตกบ้านห้วยผึ้ง ต.ห้วยผา อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งหากจากชายแดนประมาณ 4 กม. แต่ยังไม่ทราบชะตากรรมนักบินและทหาร และได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ
ล่าสุด รายงานข่าวระบุว่าในจุดที่เครื่องบินตกอยู่ลึกเข้าไปในป่าห่างจากหมู่บ้าน 2 กิโลเมตร พบผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บกระดูกหักอีก 1 ราย คือ จ่าสิบเอก นัฐชนันท์ ได้ลำเลียงไปส่งที่ โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนศพผู้เสียชีวิตนั้น ได้มีการลำเลียงกลับมาตั้งแต่ในช่วงเช้าวันที่ 6 ก.ค.แล้ว
ข่าวร้ายสุดท้ายของสัปดาห์นี้ คือเรือนักท่องเที่ยวล่ม ที่บริเวณทะเล จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวและลูกเรือลอยคอ 138 ราย เวลาต่อมา เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือได้ขึ้นมาได้บางส่วน และยังออกค้นหาผู้สูญหายนั้น
ช่วงบ่ายวันที่ 6 ก.ค. เจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มลอยไปติดอยู่บริเวณเกาะแล้ว 15 ราย เหลือสูญหายอีก 40 ราย
เจ้าหน้าที่ยังคงระดมค้นหาผู้สูญหายที่เหลือในทะเล นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกับกองทัพเรือนำเรือหลวงหัวหิน โดยพบศพผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงศพทั้งหมดส่งตรวจชันสูตรตามขั้นตอน พร้อมยังระดมค้นหาผู้สูญหายที่เหลืออย่างไม่ลดละ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบซากเรือฟีนิกซ์จมอยู่ก้นทะเล พร้อมพบร่างผู้เสียชีวิตอีก 26 ศพ ทำให้ตอนนี้พบผู้เสียชีวิตแล้ว 40 ศพ
ทั้ง 3 ข่าวนับเป็นความสูญเสียที่โหมกระหน่ำกลบข่าวดีในประเทศไทยไปจนเกือบหมดสิ้น
และในช่วงเวลาเช่นนี้ “ความสามัคคี” เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศก้าวผ่านความโศกเศร้าเสียใจ แสดงให้คนทั้งโลกเห็นว่าคนไทยนอกจากจะเป็นมิตรด้วย “ยิ้มสยาม” แล้ว เรายังจับมือฝ่าฟันเหตุการณ์ร้ายๆไปได้ด้วยความเข้มแข็ง
หาใช่นั่งอยู่หลังคีย์บอร์ดก่นด่ากันไปมา เสพติดดราม่ามากๆ ระวัง พ.ร.บ.คอมพ์ ไว้ด้วยก็ดีนะครับ