Friday, May 3, 2024
More
    Homeปร์วีร์ บันทึกท่องเที่ยวแอ่ว ‘น่าน’ ปลายฝนต้นหนาว ‘ให้ท้องฟ้าโอบกอดเรา’

    แอ่ว ‘น่าน’ ปลายฝนต้นหนาว ‘ให้ท้องฟ้าโอบกอดเรา’

    ปลายฝนต้นหนาวนี้ พาไปสัมผัสธรรมชาติท่ามกลางขุนเขา อากาศเย็นสบาย ในคอนเซ็ปต์ให้ท้องฟ้าโอบกอดเรา ที่จ.น่าน

    4 วัน 3 คืน ไปไหนกันดี ?

    โปรแกรมวันแรก เช็กอินถิ่นน่าน ตอนบ่ายแก่ๆ เราพากันไปไหว้พระเสริมสิริมงคล ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวน่าน ก่อนเดินทางเข้าที่พัก


    วันนี้เราเลือกที่พัก
    ริมแม่น้ำน่าน ที่อุดมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ เพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายและสูดออกซิเจนกันให้เต็มปอด

    นี่ขนาดยังไม่ได้ขึ้นดอยก็ฟินแล้ว ถ้าขึ้นดอยจะดีย์ขนาดไหน คืนนี้เรานอนหลับลึกเต็มอิ่มด้วยออกซิเจนที่รายล้อมอยู่รอบตัว เพื่อต้อนรับเช้าอันสดใส

    วันที่สอง หลังทานอาหารเช้ากันอิ่มหมีพีมัน วันนี้มีโปรแกรมขึ้นดอยแล้ว เช็กเอาท์ออกจากที่พัก เดินทางต่อไป ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ (บ้านผาเก๊าะน้ำกูน) อ.ปัว ที่นี่เป็นร้านอาหารที่ให้เราซ้อมขับรถขึ้นเขาเบาๆ แม้ทางไม่ชันมาก แต่ทางเข้าค่อนข้างแคบ แนะนำให้หาคนขับมีกิลการขับพอสมควร มือใหม่ควรเป็นผู้โดยสารไปก่อน

    มาถึงร้านฟีลธรรมชาติกลางไร่สวน ทุ่งนา มีโต๊ะกินข้าวที่อยู่กลางสวนเพิ่มบรรยากาศให้ยิ่งเจริญอาหาร

    เมนูห้ามพลาด คือเมนูที่มีเห็ดเป็นส่วนประกอบตามชื่อสถานที่ อย่าง พิซซ่าเห็ด เห็ดหอมอบซีอิ๊ว ยำเห็ดสามสหาย ฯลฯ

    พิซซ่าเห็ด พนักงานที่ร้านบอกว่าขายดีมาก ช่วงวันหยุดยาวยอดขายเกือบ 300 ถาดต่อวัน ด้านรสชาติคือสุดทุกทาง พอเป็นเมนูอิตาเลียนอย่างพิซซ่า แป้งบางกรอบ ชีสเยิ้ม โปะด้วยเห็ด อร่อยมาก ส่วนเมนูอาหารไทย จัดว่าแซบ เปรี้ยว เผ็ด จัดจ้านครบรสจริงๆ

    จากนั้นเราพากันขับรถขึ้นเขา เส้นทางเป็นถนนลัดเลาะริมเขา แม้จะเป็นทางคดเคี้ยว ทางลาดชัน ตลอดสาย แต่ขอชื่นชมว่า พื้นผิวถนนเส้นนี้เป็นทางเรียบ ทำให้ขับไม่ยาก ค่อยๆขับลัดเลาะชมวิวภูเขาสวยๆไปด้วย

    เป้าหมายต่อไปของเราคือ ดอยสกาด จากฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำมุ่งหน้าดอยสกาด ใช้เวลาขับรถไม่ถึง 1 ชม.

    มาถึงดอยสกาด จุดแรกที่เราเช็กอิน คือ ม่อนสกาดคาเฟ่&ฟาร์มสเตย์ นั่งพักจิบชาเบาๆ ชมวิวเขาสวยเกินบรรยาย สวยจนใจฟู ถ่ายรูปก็สวย มองด้วยตาเปล่ายิ่งสวยกว่า เราถ่ายรูปโพสต์เฟซบุ๊กให้เพื่อนๆได้ตื่นตากันสักนิด ก่อนนั่งพักดื่มด่ำบรรยากาศกันยาวๆ และเข้าที่พักใกล้ๆกัน


    เย็นนี้เราโชคดีมาก ที่ได้เห็นรุ้งกินน้ำบนดอย เหมือนมา celebrate ขอให้ทุกคนได้พักผ่อนอย่างมีความสุข เป็นรุ้งกินน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย

    และแน่นอนอาหารเย็นวันนี้คือ ขันโตก แบบจ๋าวเหนือนะเจ๊า กับ หมูกระทะ เมนูต้อนรับอากาศเย็นฉ่ำๆ กินอิ่มแล้วก็นอนพักผ่อน ให้ท้องฟ้าโอบกอดเรา


    ตื่นเช้ารับอรุณอากาศสดใส มื้อเช้าเรานั่งทานข้าวต้ม ณ ความสูงประมาณ 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล เหมือนมาอยู่อีกโลก ที่สวยงาม เงียบสงบ และปราศจากความซับซ้อนวุ่นวาย

    หลังอิ่มท้องกันแล้ว เราก็มองหาร้านคาแฟ่สวยๆนั่งจิบกาแฟยามเช้า ปักหมุด ร้านบ้านจักษ์กะพัฒน์ คาเฟ่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง คล้ายบ้านไม้เก่า ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้านสกาด บนเนินเขาสูง มองเห็นวิวภูเขาและบ้านเรือนของชาวบ้านตามไหล่เขา


    ที่นี่ถ่ายรูปสวยเกินบรรยาย อากาศดี เงียบสงบ กาแฟหอมรสชาติเข้มข้น เรานั่งเอ้อระเหยอยู่นาน ชนิดไม่สนใจเข็มนาฬิกาเลย

    สำหรับ โปรแกรมเที่ยววันนี้ บอกเลยว่าสุดจริง เพราะเราจะขับรถไปทางถนนลอยฟ้า ถนนที่สวยที่สุดในประเทศไทย สัมผัสเส้นทางสวยๆ และธรรมชาติเขียวขจีตลอดทาง เพื่อไปที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา

    เป้าหมายคือ จุดชมวิวอุทยานแห่งชาติดอยภูคา 1715 จุดชมวิวที่มองเห็นวิวภูเขาสูงได้เด่นชัด โดยตัวเลข 1715 ไม่ได้เป็นจุดสูงสุดของดอยภูคา แต่เป็นจุดสูงสุดของถนนหลวงสาย 1256 (ปัว-บ่อเกลือ) นั่นเอง


    เส้นทางจากถนนลอยฟ้า มุ่งหน้า จุดชมวิวอุทยานแห่งชาติดอยภูคา 1715 เป็นทางขึ้นภูเขาสูง และคดเคี้ยวหลายช่วง หลายคนอาจเมารถได้ เราก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ออกสตาร์ตแล้ว ต้องไปให้ถึง และแล้วมิชชั่นก็คอมพลีท เย่!

    จากนั้นก็พากันลัดเลาะริมเขาไปหมู่บ้านสะปัน อ.บ่อเกลือ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง โอบล้อมด้วยนาข้าว แม่น้ำลำธาร และขุนเขา แหล่งโอโซนชั้นดี เรานั่งจิบกาแฟเบาๆที่ร้านหยุดเวลา คาเฟ่ ร้านคาเฟ่จากมุมสูง มองเห็นวิวหมู่บ้าน แปลงนา และภูเขา ที่นี่มีมุมมหาชนที่ใครๆมาถึงก็ต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย

    หลังเก็บเกี่ยวความสุขที่สะปันกันเต็มอิ่ม เราเดินทางต่อไปที่จุดซึ่งเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ ที่บ้านเปียงซ้อ อ.เฉลิมพระเกียรติ

    ที่นี่ใครๆก็บอกว่าสวยมาก(ก.ล้านตัว) ถ้าจังหวะดีๆจะได้เห็นทะเลหมอก แต่ทางขึ้นเขาค่อนข้างลุย เป็นหลุมบ่อ รถยนต์อาจติดหล่มได้ เราจึงเช่ารถโฟลวิลขึ้นไป


    ทางขึ้นบ้านเปียงซ้อ ลุยจริง ได้ฟีล adventure มีทั้งสะพานทรุดกำลังซ่อมแซม ต้องใช้ทางเบี่ยง ถนนขึ้นเขามี 3 แบบเชื่อมต่อกัน ทั้งทางลูกรัง ลาดยาง และทางปูน โดย 90% เป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทาง สำหรับคนที่รักรถยนต์แนะนำให้เช่ารถขึ้นไปดีที่สุดค่ะ เราจอดรถที่โรงเรียนบ้านเวร แล้วเช่ารถขึ้นไป ที่ เปียงซ้อโฮมสเตย์

    จากโรงเรียนบ้านเวร ถึง เปียงซ้อโฮมสเตย์ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็ถึงที่หมาย ที่นี่วิวสวย10/10 อากาศเย็นฉ่ำ มีความส่วนตัว เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เราชอบมาก เสียดายตรงที่มาครั้งนี้ไม่มีโอกาสได้เห็นทะเลหมอก

    แต่แค่ได้นั่งชิลๆดูวิวภูเขา ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาให้ ก็คุ้มมากแล้ว คืนนี้นอนที่นี่นะ ไม่ไปไหนแล้ว

    รุ่งเช้าวันที่สี่ เราตื่นกันแต่เช้า ทานข้าวต้มที่โฮมสเตย์ยกสำรับมาให้ถึงหน้าห้องพัก ละเลียดจิบกาแฟยามเช้าบนภูเขามีท้องฟ้าคอยโอบกอด อารมณ์เริ่มอาลัยอาวรณ์ ในใจคิดว่าต้องหาเวลากลับมาอีกครั้งให้ได้

    จาก บ้านเปียงซ้อ ก่อนโบกมือลาเมืองน่าน จุดที่ห้ามพลาด คือ ถนนหมายเลข 3 จุดเช็กอินถ่ายรูปสุดฮิต เป็นมุมมหาชน ที่ใครมาแล้วไม่ได้เช็กอินถือว่ามาไม่ถึงน่าน

    และก่อนกลับ เราแวะไหว้พระและชมจิตรกรรมฝาผนังสวยงามที่วัดภูมินทร์ อ.เมือง ที่นี่มีภาพสัญลักษณ์ของเมืองน่านอยู่ด้วย คือ ภาพปู่ม่านย่าม่าน หรือ กระซิบรัก ผลงานของหนานบัวผัน จิตรกรพื้นถิ่นเชื้อสายไทลื้อ

    จบทริปเมืองน่านแบบอิ่มเอม ไปกับความงดงามของธรรมชาติ สายน้ำ ท้องฟ้า และขุนเขา สุดแสนประทับใจ มิรู้ลืม!

    ปร์วีร์11/11/66

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments