ใกล้เที่ยงวันที่1ตุลาคมพุทธศักราช 2518
พันตำรวจเอกชลอ เกิดเทศ เข้าไปรายงานตัวผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 9 จังหวัดนครสวรรค์ พลตำรวจตรีบุณจิตต์ พันธุมจินดา ตามคำสั่งกรมตำรวจ
หลังจากนั้นเขาเดินทางกลับมาที่บ้านพักใน กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก โดยให้พลวิทยุสั่งการไปยังหัวหน้าตำรวจทุกสถานีในพื้นที่ 9 แห่ง มาประชุมเพื่อรับฟังสถานการณ์ และมอบนโยบาย ที่ห้องประชุมกองกำกับในวันรุ่งขึ้น
9แห่งที่ว่า มี 8 อำเภอ และ1 กิ่งอำเภอ ประกอบด้วย อำเภอแม่สอด ท่าสองยาง อุ้มผาง แม่ระมาด เมือง วังเจ้า สามเงา บ้านตาก กิ่งอำเภอพบพระ
ชลอสั่งทำป้ายขนาดใหญ่ติดไว้ที่หน้าห้องประชุมกองกำกับไว้ในการประชุมพรุ่งนี้
“ตำรวจดีต้องมีคุณธรรม”
จากนั้น ชลอ เข้ามานั่งพักผ่อนในห้องรับแขกที่ถูกจัดรอต้อนรับอย่างเรียบร้อย
เขาเอนหลังนั่งพิงโซฟานุ่ม ปล่อยใจลอยไปชั่วขณะ
ภวังค์นั้น ชายหนุ่มตั้งใจ จะพา พันโทแช่ม และนางทองคำ พ่อ และแม่ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในบ้านพักที่อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี หลังผู้เป็นพ่อเกษียณอายุราชการ ขึ้นมาอยู่ด้วยกันที่จังหวัดตาก เพราะเขาจะได้หมดห่วง ได้ทำงานอย่างเต็มที่
รวมทั้งลูกๆของเขา 3คน กุ้ง ปู ปลา โดยให้“ใหญ่-สุรางค์ พลทรัพย์” สาวน้อยอยุธยา ซึ่งเรียนจบพาณิชย์พระนครมาหมาดๆ ถูกเขาเอ่ยปากให้ขึ้นมาดูแลลูกๆเขา และตัวเขาเองที่จังหวัดตากด้วย
————————————————
เช้าวันที่ 2 ตุลาคมพุทธศักราช 2518
ที่ห้องประชุมกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก คลาคล่ำไปด้วยหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรทุกสถานีในจังหวัดตาก เพื่อมารายงานสถานการณ์ โดยเฉพาะเรื่องของความมั่นคง
“ทำความเคารพ ผู้กำกับการ ตำรวจภูธรจังหวัดตาก…”
พันตำรวจโทประเสริฐ บูรณนัฎ รองผู้กำกับการ ตำรวจภูธรจังหวัดตาก นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 6 ที่กำลังนั่งคุยอยู่กับ พันตำรวจโทไชยณรงค์ พูลสวัสดิ์ เพื่อนนักเรียนสามพรานรุ่นเดียวกัน กับบรรดานายตำรวจระดับลดหลั่นลงมา ลุกขึ้นยืนตรง สั่งทำความเคารพผู้บังคับบัญชาคนใหม่ นายตำรวจรุ่นน้องที่ห่างกันถึง 9 รุ่น อย่างดังฟังชัด
ชลอยกมือไหว้ผู้ใต้บังคับบัญชารุ่นพี่ทั้ง 2 คนที่ห่างกันเกือบ 10 รุ่น ก่อนเดินไปที่โต๊ะประชุม บอกให้ทุกคนนั่งลง ทำตัวตามสบาย พร้อมกล่าวบอกถึงนโยบายการทำงานของเขา
“ขอบคุณครับ… พี่ประเสริฐ พี่ไชยณรงค์ และเพื่อนข้าราชการตำรวจจังหวัดตาก ที่มาหารือกันในวันนี้ สำหรับนโยบายทำงานของผม ไม่มีมีอะไรมาก อย่างที่ทุกคนเห็นหน้าห้องประชุมก่อนเข้ามาเมื่อสักครู่นี้
พันตำรวจเอกชลอ ให้นโยบายการทำงานด้วยความเป็นกันเองอย่างรวดเร็วตามสไตล์ ก่อนให้พันตำรวจโทประเสริฐ นายตำรวจรุ่นพี่ บรีฟสถานการณ์ความมั่นคงในจังหวัดก่อนเป็นอันดับแรก
พันตำรวจโทประเสริฐ เดินไปที่หน้าห้องประชุม ซึ่งมีแผนที่จังหวัด แผนที่ทางยุทธศาสตร์ และเอกสารประกอบการประชุมขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้ากระดาน
“หลังจากกองกำลังติดอาวุธคอมมิวนิสต์ ได้จู่โจมตีเจ้าหน้าที่รัฐบาลเป็นครั้งแรกที่บ้านนาบัว ตำบลเรณูนคร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พุทธศักราช 2508
รองผู้กำกับตำรวจภูธรจังหวัดตาก เริ่มกล่าวรายงานสถานการณ์ภายในห้องประชุม
“ขณะที่ภาคเหนือของเรา กลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ได้เปิดการต่อสู้ด้วยอาวุธครั้งแรกกับเจ้าหน้าที่จังหวัดเชียงราย ตำบลนาไร่หลวง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2510 มีฐานที่มั่นในพื้นที่จังหวัดเชียงราย น่าน ตาก และรอยต่อ 3 จังหวัด ระหว่าง จังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย…….”
พันตำรวจโทประเสริฐ รายงานสถานการณ์ต่อ ชนิดไม่เหลือบตาดูโผ แสดงให้เห็นความเข้าใจในสถานการณ์เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
“พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ประกาศจัดตั้งกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย (ทปท.) กระจายฐานที่มั่นดำเนินการก่อการร้ายไปทั่วทุกภาค เรียกว่าสงครามประชาชนหรือสงครามปฏิวัติ ดำเนินยุทธศาสตร์ ป่าล้อมบ้าน บ้านล้อมเมือง เพื่อยึดครองประเทศด้วยกำลังอาวุธ และล้มล้างระบบการปกครองปัจจุบันด้วยวิธีการรุนแรง…..”
ส่วนผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในจังหวัดตาก พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ได้จัดตั้ง สำนักดอยหลวง หรือ สำนัก ผกค. ขึ้นที่ บ้านธงชัย อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตั้งแต่ปลายปี พุทธศักราช 2506 โดยอาศัยชาวเขาเผ่าม้ง หรือแม้ว เป็นกองกำลังติดอาวุธ
พุทธศักราช 2513 ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์กลุ่มนี้ ได้รับการจัดตั้งเป็นกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย จังหวัดตาก มีภารกิจหลักคือ ขัดขวางการสร้างเส้นทางสายแม่สอด-อุ้มผาง
พุทธศักราช 2515 ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เขตตาก ได้จัดตั้งสำนักบัญชาของผู้นำขึ้น และแบ่งเขตงานออกเป็น 2 เขตงาน คือ เขต1เรียกว่า สำนัก 10 อยู่ที่ บ้านธงชัย และเขต2 เรียกว่า สำนัก 80 อยู่ที่ บ้านแม้วแม่ละเมา
พุทธศักราช 2516 ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เขตตาก ยกฐานะเขตงานดังกล่าวเป็นพื้นที่ปฏิบัติงานเขต 89 โดยมีเขตงานย่อยรวม3 เขต ดังนี้
เขต 89/1 คลุมพี้นที่ อำเภอแม่สอด อำเภอเมืองตาก และกิ่งอำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร
เขต 89/2คลุมพื้นที่ กิ่งอำเภอพบพระ และ อำเภออุ้มผาง ตอนบน
เขต 89/3 คลุมพื้นที่ อำเภออุ้มผาง ตอนใต้ทั้งหมด ทั้ง 3 เขตงานย่อยดังกล่าว ขึ้นตรงต่อสำนักเขต89 ซึ่งมีสำนักงานกลางอยู่ที่ บ้านแม้วแม่ละเมา
พันตำรวจโทประเสริฐกล่าวต่อ
“ในห้วงปี พุทธศักราช 2517-ปัจจุบัน ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เขตตาก มีกำลังติดอาวุธเข็มแข็งมาก
สำหรับงานด้านยุทธการ ฝ่ายเราประสานสนธิกำลังกับ หน่วยงานทหาร และกองกำกับการตำรวจตระเวณชายแดน เขต 6 ค่ายพระเจ้าตากสิน มีเฮลิคอปเตอร์จากกองบินตำรวจใช้งาน 1 ตัว ทั้งหมดคือสถานการณ์ความมั่นคงในจังหวัดตาก ครับผม…….”
พันตำรวจโทประเสริฐ บรีฟสถานการณ์อย่างคร่าวๆ แต่ได้ใจความอย่างที่สุด
——————————————————-
ในเรื่องของการมอบหมายงาน ไม่่าจะเป็นงานธุรการ งานในจังหวัด รวมทั้งงานสืบสวนปราบปราม ชลอต้องยกมือไหว้วาน เฮียประเสริฐ และเฮียไชยณรงค์ รุ่นพี่นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 6 เป็นธุระ
ส่วนงานหลักของ ชลอ คือการขึ้นเฮลิคอปเตอร์ฮิวอี้ ของบริษัทเบลล์ แบบ UH-1H ติดกันชิบ บินออกตรวจเยี่ยมตำรวจในความรับผิดชอบของเขา ตามแนวชายแดนไทย-พม่า โดยเฉพาะอำเภออุ้มผาง อำเภอแม่สอด อำเภอท่าสองยาง อำเภอแม่ระมาด และกิ่งอำเภอพบพระ อยู่ทุกวัน
อาศัยนักบินหนุ่มโสดอย่าง ร้อยตำรวจเอกอวยชัย โดดดารา และเพื่อนนักบินมากินนอนอยู่กับเขาที่บ้านพักในกองกำกับ ทำให้ทุกอย่างคล่องตัวราบรื่นไปหมด
ไม่แต่นักบินเท่านั้น ตำรวจตระเวณชายแดน เขต 6 ค่ายพระเจ้าตากสิน โดยเฉพาะ พันตำรวจโทสุขเกษม ศรีวัฒนะ ผู้บังคับหน่วยก็เป็นแขกประจำ
แม้กระทั่งนายตำรวจหนุ่มเลือดนักรบอย่าง “ไอ้แจว”ร้อยตำรวจตรีธารา ปุณศรี นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 27 ที่เพิ่งจบหมาดๆมาเป็น ผบ.หมวดตำรวจตระเวณชายแดน บ้าน “ตาพะพู” ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง หากครบรอบเวลาพักเมื่อไหร่ก็ออกมาเฮฮาอยู่ที่บ้านนายตำรวจรุ่น 15 ผู้นี้
รวมทั้งสายลับจากสันติบาล ที่มาเดินท่อมๆหาข่าวตามแนวชายแดนไทยพม่า เมื่อออกเวรก็จะมารวมกันอยู่ที่บ้านพักของพันตำรวจเอกชลอ หัวหน้าตำรวจจังหวัดตากผู้มีใจกว้างขวาง
นับได้ว่าเป็นศูนย์รวมของตำรวจเลยก็ว่าได้
ไม่นั่งกินเหล้า ก็นั่งเล่นไพ่รัมมี่เป็นที่สนุกสนาน ทำให้ชลอ รู้จักคนเยอะ ดังคำที่ว่า “นกมีขน คนมีพวก” ไปโดยปริยาย
———————————————–
เป็นธรรมดาของการสู้รบ ผู้บังคับบัญชาต้องเป็นขวัญกำลังใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะสถานีตำรวจที่ตั้งอยู่กลางเขตอิทธิพลของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชาวม้ง
อย่าง สถานีตำรวจภูธรตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง
พื้นท่ีสีแดง ที่พันตำรวจเอกชลอ ต้องบินไปเยี่ยมอยู่บ่อยครั้ง เพื่อส่งเสบียงอาหาร และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
แม้ว่าจะมีฐานของตำรวจตระเวณชายแดน และฐานเคลื่อนที่เร็วของทหารจากกองทัพภาค 3 ส่วนหน้า รายล้อมอยู่
ชลอบินเข้าแนวทุกวัน ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ต้อนรับเป็นลูกตะกั่วเหล็กร้อนๆวันละปุสองปุ แถมบางครั้งอากาศแปรปรวนบ้าง อากาศปิดบ้าง ชวนให้หวิวๆว่าจะบินกลับหรือบินไปกันไม่ถึง
แต่พันตำรวจเอกชลอ และร้อยตำรวจเอกอวยชัย ยังคงปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตายอย่างนั้นอยู่ทุกวัน
“นาย…ถามจริงๆ กลัวไหม…..”
ร้อยตำรวจเอกอวยชัยพูดผ่านไมค์ที่ติดอยู่กับหมวกนักบิน ถามพันตำรวจเอกชลอ ที่นั่งอยู่ข้างหลัง
“ มึงยังไม่กลัว กูจะไปกลัวทำไม มึงขับตก ก็ตายด้วยกันทั้งลำก็เท่านั้น…
ชลอตอบกลับนักบินคู่ใจ พร้อมแย็ปกลับเพราะรู้ว่า อวยชัยกำลังมีความรักไปติดพันพยาบาลสาวสวยโรงพยาบาลประจำจังหวัดตากอยู่
ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของนักรบสีกากีทุกคนที่อยู่บนเครื่อง