Saturday, April 20, 2024
More

    20.วีรบุรุษตาพะพู

    ตำนานมือปราบพระกาฬ “ชลอ เกิดเทศ”      โดย…กิตติพงศ์ นโรปการณ์
                    
            
    บ่ายวันหนึ่งต้นพุทธศักราช 2519
            
    สถานการณ์การสู้รบระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เป็นไปอย่างดุเดือด โดยเฉพาะพื้นที่การสู้รบในตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
            
    เช่นเดียวกับที่ฐานตำรวจตระเวณชายแดน บ้านตาพะพู หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงริมชายแดนไทย-พม่า ช่วงรอยต่อระหว่างอำเภออุ้มผาง และอำเภอแม่สอด ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายชาวม้งล้อมกรอบอยู่ 2-3 วันแล้ว
            
    แต่เลือดนักรบตำรวจไทยยากนักที่จะให้ใครมาหยามหมิ่น…..
            
    ไอ้พวกม้งเหล่านั้นพยายามบุกฝ่าโจมตีฐานตำรวจตระเวณชายแดน หวังจะละลายไปทั้งฐาน แต่ทุกครั้งที่เข้าโจมตี มีอันต้องลากเพื่อนที่ถูกตำรวจป่ายิงเลือดสาดกลับเข้าแนวไม้รกชัฎไปทุกครั้ง
            
    แต่พวกมันยังคงล้อมฐานตำรวจตระเวณชายแดนไม่ให้ออกมาหาเสบียง
            
    ที่สำคัญคือน้ำ
            
    เวลาเดียวกัน ร้อยตำรวจเอกอวยชัย โดดดารา นักบินคู่ใจพันตำรวจเอกชลอ เกิดเทศ หัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดตาก โยกคันบังคับยกขาสกี ฮิวอี้  UH-1H ขึ้นจากลานจอดเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว สถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่จัน เพื่อกลับเข้าตัวเมืองตาก ระหว่างบินมาส่งเสบียง และให้ขวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชาตามปกติ
            
    “เฮียลอ เฮียลอ อยู่ในม้าขาวหรือเปล่า……”
            
    เสียงวิทยุในเฮลิคอปเตอร์ที่เพิ่งพ้นยอดไม้เหนือสถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่จัน ได้ไม่นาน ดังขึ้น
            
    “เฮียลอ เฮียลอหรือเปล่า……”
            
    หัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดตาก หยิบสปีกเกอร์วิทยุตอบกลับ เพราะคุ้นๆในน้ำเสียงที่ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง
            
    “เออ..มึงไอ้แจวใช่ไหม…..”
            
    “ฮ่าฮ่าฮ่า…เฮียลอจริงๆ ผมแจว-ธารา ปุณศรี ครับเฮีย ตอนนี้จะตายอยู่แล้ว…..”
            
    “จะตายแล้วยังหัวเราะอีกมึงนี่….”
            
    “เฮีย…ผมโดนล้อมมา 3 วันแล้ว ข้าวปลาไม่เป็นไร อดได้ แต่ไม่มีน้ำ ลงไปเอาน้ำไม่ได้
    เฮียช่วยส่งน้ำให้หน่อย เพราะคงอีกวันสองวันพวกผมคงจะเดินเท้าฝ่ามาช่วย…..”
            
    โอเค…เอางี้มึงทนหน่อย พรุ่งนี้ กูจะมาแต่เช้า พอถึงแล้วมึงส่งสัญญาณมา กูจะโยนน้ำลงไปให้
            
    ชลอตอบนักเรียนนายร้อยรุ่นน้องนักรบต่างหน่วย แต่มาจากเบ้าหลอมเดียวกัน
            
    โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน…….
            ——————————————
            
    ทันทีที่สกีแตะถึงพื้น พันตำรวจเอกชลอ กึ่งวิ่งกึ่งเดินลงมาสั่งการให้ ร้อยตำรวจตรีวิสุทธิ์ ศรสาลี หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดตาก ให้มาพบที่ห้องทำงาน
            
    ไม่ถึง 10 นาที หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ร่างกายสูงใหญ่กำยำเดินเข้ามารายงานตัว
            
    วิสุทธิ์….เดี๋ยวมึงสั่งลูกน้องไปหาสายยางขนาดใหญ่ ใหญ่เท่าที่พวกมึงจะหาได้ สายยางดับเพลิงก็ได้ มาใส่น้ำแล้วตัดเป็นท่อนๆ ผูกหัวท้ายให้แน่น
    จุน้ำให้ได้ท่อนละประมาณ 1-2 ถังโพลาลิส เสร็จแล้ว เจ็ดโมงเช้า มึงยกมาเตรียมไว้ที่โรงเก็บเฮลิคอปเตอร์…”
            
    ชลอสั่งงานรวดเร็วขึงขัง ขณะที่หมวดวิสุทธิ์ ทำความเคารพก่อนวิ่งไปดำเนินการตามสั่ง
            
    “รอหน่อยโว้ยไอ้น้อง…เดี๋ยวพรุ่งนี้ เฮียบินเอาไปส่งให้…..”
            
    นายตำรวจหนุ่มพูดกับตัวเอง
            
    คืนนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว
            
    เจ็ดโมงเช้า ที่โรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ ชลอเห็นอวยชัย และช่างเครื่องตรวจความเรียบร้อยของเฮลิคอปเตอร์คู่ชีพ
    ขณะที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ 4-5 นาย กำลังง่วนอยู่กับการขนท่อนน้ำบรรจุในสายยางดับเพลิง 3 ท่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ พร้อมกับสัมภาระ และเสบียงกรังของแห้งให้กับโรงพักต่างๆ
            
    ส่วนพลปืนประจำเฮลิคอปเตอร์ ตรวจความเรียบร้อยของเขี้ยวเล็บประจำเครื่อง ปืนกลเอ็ม 60 กระสุนขนาด 7.62 มม. ที่ติดอยู่ 2 ฝั่งข้างห้องผู้โดยสารที่เอาประตูเครื่องออก
            
    ทันทีที่พร้อม ร้อยตำรวจเอกอวยชัย ทำความเคารพ แจ้งเส้นทางการบิน และสภาพภูมิอากาศ
            
    “ไม่ต้อง ไม่ต้อง…..”
            
    พันตำรวจเอกชลอพูด พร้อมก้าวเท้าฉับๆขึ้นเครื่อง โดยมี ร้อยตำรวจเอกอวยชัย นักบินที่ 1 และนักบินผู้ช่วย รวมทั้งพลปืนและช่างเครื่อง เดินขึ้นเครื่องตามไป
            
    จากนั้นไม่นาน เฮลิคอปเตอร์ ชนิด 2 เครื่องยนต์ 1800 แรงม้า ยกตัวลอยขึ้นมุ่งหน้าไปทางตะวันตก เทือกเขาถนนธงชัย
            
    ไม่ถึงชั่วโมง แมลงปอยักษ์บินเข้าเขตอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ผ่านบ้านปอผาโด้ บ้านเจดีย์โค๊ะ บ้านวะเหร่ แม่คองคีย์  
            
    สายตาของชลอมองเห็นน้ำตกทีลอซู หรือที่คนกะเหรี่ยงเรียก “น้ำตกดำ” น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเอเชียอาคเนย์ ที่ฝังตัวเองอยู่ในป่าดิบสมบูรณ์แห่งนี้
            
    หัวหน้าตำรวจจังหวัดตากรู้จากร้อยตำรวจเอกอวยชัยมาก่อนว่า น้ำตกแห่งนี้ พบเมื่อปีพุทธศักราช 2516 โดย พ.ต.อ.วินิจ รัญเสวะ ยอดนักบินกองบินตำรวจ ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีศักดิ์รามาธิบดี ถึง 2 ครั้ง ขณะบินผ่านภูเขาน้อยใหญ่ ส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัย แนวแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศ ไทย กับ พม่า  
            
    โป๊ง โป๊ง…..
            
    เสียงดังมาจากใต้ท้องเครื่อง เล่นเอาทุกคนบนเครื่องสะดุ้งเล็กน้อย เพราะรู้ว่าเป็นกระสุนที่ยิงมาจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่ซ่อนตัวอยู่ในแนวทึบของป่าที่ครึ้มเขียวอยู่ข้างล่าง
            
    “มันต้อนรับก่อนเลยนะ….”
            
    พันตำรวจเอกชลอรำพึงในใจ ก่อนหยิบไมค์วิทยุ เปลี่ยนช่องความถี่ให้ตรงกับช่องนัดหมายไว้กับหมวดแจว-ธารา ปุณสรี ที่ยังตกอยู่ในวงล้อมผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
            
    “แจว…นี่เฮีย ว.2 ได้ยินแล้วแจ้งตำแหน่งให้ด้วย…..”
            
    เสียงชลอเรียกผ่านวิทยุ โดยสายตาของคนทุกคนที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ต่างเพ่งมองไปในจุดที่คิดว่าจะเป็นฐานของหมวดแจว แต่ไม่สามารถมองทะลุความหนาทึบของต้นไม้นานาพรรณไปได้
            
    ร้อยตำรวจเอกอวยชัย บินวนอีกรอบหนึ่ง คราวนี้ทุกคนเห็นควันสโมคสีขาวลอยออกมาจากแนวไม้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า ชลอสั่ง ทันที
            
    “อวยชัย โฉบลงไปเร็ว ช่างเครื่องเตรียมหย่อนน้ำลูกที่ 1 …..”
            
    นักบินประจำตัวชลอ บินโฉบลดระดับลงไปบริเวณควันสโมคทันที ขณะเดียวกัน พลปืนทั้งซ้ายขวาเตรียมพร้อมเต็มที่หากพบเป้าหมาย รวมถึงสอดสายตามองหาเป้าหมายที่เป็น แม้วแดง ที่แอบซ่อนอยู่ในดงไม้เพื่อหาโอกาสสอยแมงปอเหล็กลำนี้
            
    “หย่อนได้……”
            
    พันตำรวจเอกชลอสั่ง พร้อมกับสายยางขนาดใหญ่ที่บรรจุน้ำ ลอยละลิ่วลงไปเบื้องล่าง ท่ามกลางกระสุนปืนของพวกแม้วแดงที่ยิงสวนขึ้นมาเป็นห่าฝน
            
    สายยางบรรจุน้ำหายวับไปในแนวต้นไม้ แต่ความยากลำบากจากการบังคับเครื่องที่ต้องบินหลบห่ากระสุน ทำให้สายยางบรรจุน้ำตกห่างจากสัญญาณควันไปไกล
            
    พร้อมกับเสียงหมวดแจวดังล่ันผ่านลำโพงวิทยุ
            
    “เฮีย…ส่งน้ำให้พวกแม้วมันทำไม……”
            
    ขณะที่ชลอกดคีย์วิทยุสวนทันควัน
            
    “ไอ้ห่า…กูเห็นแล้ว มัวแต่หลบลูกปืนอยู่ เดี๋ยวหย่อนลงไปใหม่ ว่าแต่ ไอ้พวกแม้วมันเกาะฐานเอ็งใกล้ไกลแค่ไหนวะ…”
            
    “จากควันสโมก มันเกาะอยู่ด้านทิศเหนือห่างไปราว40-50 เมตรครับเฮีย เดี๋ยวผมจะยิงสร้างความรำคาญให้มันหน่อย…..”
            
    หมวดแจวทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจการส่วนหน้าแจ้งจุดศัตรูของชาติ
            
    ชลอสั่งการร้อยตำรวจเอกอวยชัยอีกครั้ง
            
    “ไอ้อวย…ได้ยินแล้วใช่ไหม บินวนให้ Gunner ยิงกดหัวมันด้วย ยิงให้ห่างจากสโมกควันที่ไอ้แจวมันบอก ไป ลงไปโฉบอีกรอบ……”
            
    นักบินหนุ่มบังคับเครื่องปีกหมุนออกไปตีวงก่อนบินเรี่ยยอดไม้ให้ Gunner ทำหน้าที่สนับสนุนในการโจมตีทางอากาศโดยใกล้ชิด หรือที่เรียกว่า Gunship เหนี่ยวไกปืนกล M-60 ขนาด 7.62 มิลลิเมตร ด้วยอัตรายิง 550 นัดต่อนาที
            
    ว่ากันว่า มดยังไม่รอดถ้าอยู่ในวีถีกระสุนของปืนชนิดนี้……
            
    ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
            
    อานุภาพของปืนกล  M-60 ส่งผลให้การระดมยิงของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่เกาะฐานของร้อยตำรวจตรีธาราเงียบเสียง
            
    “เฮีย….สงสัยคงโดนพวกมันจังๆ เงียบไปเลย……”
            
    หมวดแจววิทยุประสานบอกสถานการณ์ข้างล่าง
            
    “เออ….มึงดูดีๆแล้วกัน เดี๋ยวกูจะโฉบลงไปหย่อนน้ำอีกรอบ เหลืออีก 2 ท่อน…”
            
    พันตำรวจเอกหนุ่มกดคีย์วิทยุตอบกลับ ในขณะที่แมงปอเหล็ก บินวนควันสโมคสีขาวอีกรอบ พร้อมกับสายตาของพลปืนทั้ง 2 ข้างเพ่งมองลงไปในแนวป่าเบื้องล่างเพื่อดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม ก่อนที่ช่างเครื่องจะหย่อนน้ำลงไปกลางฐานหมวดแจวได้เป็นที่เรียบร้อยทั้ง 2 ท่อน
            
    “เฮีย…ขอบคุณครับ ได้แล้วเฮีย…..”
            
    เสียงหมวดแจวแสดงถึงความดีใจเมื่อได้น้ำ ปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพในป่า…
            
    “เออ…ไม่เป็นไร เอาไว้กินนะโว้ย ไม่ได้เอาไว้อาบ พอไม่พอ พรุ่งนี้แจ้งมาใหม่ กูจะเข้าไปดูลูกน้องที่แม่จันด้วย…..”
            
    ชลอตอบกลับก่อนบินกลับจังหวัด เพราะน้ำมันเหลือน้อยเต็มที
            
    ในขณะที่เสียงโรเตอร์ใบพัดตัดอากาศค่อยๆหายไปจากการได้ยินของร้อยตำรวจตรีธารา
            
    อีก 2 วันต่อมา กำลังทหารจากกองทัพภาค 3  ส่วนหน้า และตำรวจตระเวณชายแดนค่ายพระเจ้าตากสิน สนธิกำลังเข้าตีกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่ล้อมกรอบฐานของร้อยตำรวจตรีหนุ่มจนแตกกระเจิง และเพิ่มกำลังเข้าไปเพื่อป้องกันมวลชนไม่ให้ตกไปอยู่ในอิทธิพลของฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง
            
    ทั้งหมดนั้นคือ 1  ในการปฏิบัติงานอีกหลาย 10 ภารกิจ เหมือนกับชลอเป็นนักรบชายแดนคนหนึ่ง
        
                                        
                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                    
           
    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments