Saturday, May 4, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวัน6 ตำรวจห้วยขวางคดีตั้งด่านตบทรัพย์นอนคุก หลังฝากขังศาลฯไม่ให้ประกัน

    6 ตำรวจห้วยขวางคดีตั้งด่านตบทรัพย์นอนคุก หลังฝากขังศาลฯไม่ให้ประกัน

     


    เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2666 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คณะพนักงานสอบสวน กองบังคับการ ตำรวจนครบาล 1 และ พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง นำเจ้าพนักงานตำรวจสถานตำรวจนครบาลห้วยขวาง 6 นาย ส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขอให้ศาลออกหมายขังและฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ตามคำร้องลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ระบุว่า

    วันที่ 5 มกราคม 2566 เวลา 00.01 น. เจ้าพนักงานตำรวจทั้งหกนายที่ถูกกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านอยู่บริเวณถนนรัชดาภิเษก หน้าสถานทูตจีนประจำประเทศไทย แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร

    กระทั่งเวลาประมาณ 02.27 น. มีนายเป จิง ซือ หรือ สกาย สัญชาติสิงคโปร์ กับพวกรวม 4 คนเป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน โดยสารรถยนต์ยี่ห้อมาสด้าสีแดง คันหมายเลขทะเบียน 4 กส 522กรุงเทพมหานคร มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ

    ผู้ต้องหากับพวกตั้งด่านอยู่ มีสิบตำรวจเอก ล. ผู้ต้องหาที่ 5 เป็นผู้คัดรถยนต์เข้ามาให้สิบตำรวจเอก ว. ผู้ต้องหาที่ 6 ตรวจค้นบุคคลในรถ ผู้ต้องหาทั้งหกเชิญนายเป จิง ซือ ลงจากรถเพื่อค้นตัว

    สิบตำรวจเอก น.ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้ค้นตัว ส่วนเพื่อนของนายเป จิง ซือ อีก 2 คน ถูกกลุ่มผู้ต้องหาค้นตัว การตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน สิบตำรวจเอก ..ผู้ต้องหาที่ 3 กับร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหาที่ 2 พูดคุยสอบถาม  ขอดูหนังสือเดินทางและวีซ่านายเป จิง ซือ กับพวก

    ขณะนั้นนายเป จิง ชื่อ กับพวก ไม่ได้พกหนังสือเดินทางติดตัวมาด้วย มีเพียงภาพถ่ายหนังสือเดินทางในโทรศัพท์มือถือ สิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 กับร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหาที่ 2 พยายามพูดจาข่มขู่ นายเป จิง ซือ กับพวก ว่ากระทำความผิดโดยครอบครองบุหรี่ไฟฟ้ากับไม่พกหนังสือเดินทางพร้อมวีซ่า อ้างว่าจะพาไปสถานีตำรวจทั้งที่ไม่มีเจตนาที่ จะพาไปจริงกลับข่มขู่ให้นายเป จิง ซือ กับพวก เกิดความกลัว

    จนกระทั่งสิบตำรวจเอก น.ผู้ต้องหาที่ 3 กับร้อยตำรวจเอก ป.ผู้ต้องหาที่ 2 ปรึกษาและตกลงกันเรียกเงินจากนายเป จิง ซือกับพวก เป็นเงิน 27,000. บาท แบ่งเป็นค่าที่พกบุหรี่ไฟฟ้าอันละ 8,000 บาท ทั้งหมด 3 อัน  ค่าไม่พกหนังสือเดินทางอีก 3,000 บาทรวมเป็นเงิน 27,000 บาท

    นายเป จิง ซือ ยืนยันว่า ตนกับพวกไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพราะบุหรี่ไฟฟ้าที่ตนกับพวกซื้อจากร้านที่วางขายของย่านห้วยขวางไม่ผิดกฎหมาย แต่ด้วยความกลัวและเกรงว่าจะเสียเวลานายเป จิง ซือ และนางสาวซาลีน หรือ อันยู่ซิง ชาวไต้หวันจะกลับต่างประเทศ ในคืนวันเกิดเหตุ จึงจำยอมจ่ายเงิน  27,000.บาท ให้กับสิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้รับเงินใส่
    ในกระเป๋าเสื้อนอก

    นายเป จิง ซื่อ กับพวก ถามสิบตำรวจเอก ป.ว่าตนกลับได้หรือไม่ สิบตำรวจเอก น.ผู้ต้องหาที่ 3 บอกว่า ต้องสอบถามร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหาที่ 2 ก่อน ผู้ต้องหาที่ 3 และผู้ต้องหาที่ 2 เดินมายังนายเป จิง ซือ กับพวก พร้อมยื่นบุหรี่ไฟฟ้าที่ยึดไว้ในตอนแรกให้นายเป จิง ซือ กับพวกถือไว้คนละอัน

    โดยร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นผู้สั่งให้สิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 ใช้ไฟฉายส่อง ขณะสิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 ถ่ายรูปเพื่อให้แสงสว่างในการถ่าย จากนั้นร้อยตำรวจเอก ป.ผู้ต้องหาที่ 2 ขออนุญาตให้นายเป จิง ซือ กับพวกกลับไปได้ ภายหลังสิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 นำเงิน 27,000. บาท ที่ได้รับจากนายเป จิง ซือ มอบให้กับร้อยตำรวจเอก ย. ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดที่นั่งในรถที่จอดไว้บริเวณที่เกิดเหตุรับเงินดังกล่าวแล้วนำไปแบ่งในกลุ่มผู้ต้องหาด้วยกัน

    ผู้ต้องหาทั้งหกเข้าพบคณะพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 คณะพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้งหก ซึ่งปรากฎต่อหน้าพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 139 ว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานร่วมปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมาย

     พนักงานสอบสวนขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งหก มีกำหนด 12,วัน ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ถึง วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 และขอคัดค้านการขอปล่อยชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราวเกรงว่า จะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีภายหลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิจารณาคำร้องขอฝากขังแล้ว อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งหกได้ มีกำหนด 12 วัน ส่วนที่ผู้ต้องหาทั้งหกยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว

    ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อภาพลักษณ์และกระบวนการยุติธรรมของประเทศโดยรวม อีกทั้งผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานตำรวจอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและกระบวนการในชั้นสอบสวน ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านจึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

    คำสั่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ระบุ”

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments