Monday, September 9, 2024
More

    86.รวบทีมฆ่าคาฮันนี่

     

    ตำนานมือปราบพระกาฬ ชลอ เกิดเทศ โดยกิตติพงศ์ นโรปการณ์

                           
    หลังเดินทางกลับเข้าที่พัก โรงแรมใจกลางเมืองเชียงใหม่ ที่ พ่อเลี้ยงแคนนะ ผู้รับเหมาสัมปทานสร้างถนนเส้นทางยุทธศาสตร์ในภาคเหนือ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายรับรองด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัวก่อนหน้า ชลอให้ทุกคนเข้าห้องพักผ่อนอย่างเต็มที่

    ยกเว้น ผู้กองเบี้ยว และผู้กองคก 2 นายตำรวจคนสนิท ท่ีทำหน้าที่เป็นมันสมอง และชุดหัวหมู่ทะลวงฟัน ที่เขาให้มานั่งร่วมหารือ ระหว่างรอสัญญาณโทรศัพท์จากผู้จัดการฮันนี่ไนต์คลับคนสนิทของพ่อเลี้ยงอู๊ด
                            
    ขณะเดียวกัน จ่าอ๋อย ลูกน้องคนสนิท รู้ใจชลอ ด้วยการออกไปเรียกหมอนวดแผนโบราณ ที่คัดทั้งฝีมือและหน้าตา มาให้เจ้านายเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบรรเทาความเมื่อยล้า หลังจากเคร่งเครียดจากการประชุม และการหาข่าวมาตลอดทั้งวัน
                          
    ชลอ ให้ผู้กองคกใช้โทรศัพท์ภายในเรียก ไอ้เหน่ สายโจรที่เขาหอบหิ้วมาจากจากลพบุรี สมัยยังเป็นรองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดที่นั่น มาพบที่ห้องพักของเขา                 
                           
    ชั่วครู่ สายโจรตัวกลั่น เดินเข้ามาหาเขาในห้องด้วยความพินอบพิเทา
                          
    “ไหน…ไอ้เหน่ มึงวาดแผนที่ในฮันนี่ไนต์คลับให้กูดูหน่อย….”           
                           
    “ครับนาย….”
                           
    ไอ้เหน่หยิบกระดาษปากกา ที่ชลอวางลงบนโต๊ะอาหารกลางห้องสูทของเขาที่แยกออกมาจากห้องนอน แบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับแขกหรือลูกค้าวีไอพี มาวาดยึกยักยืกยืออยู่พักใหญ่  ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง มีด้วยกัน 2 แผ่น         
                           
    สายโจรจากลพบุรีที่เขาสั่งงานเป็นการเฉพาะก่อนหน้า ให้ไปทำทีเป็นลูกค้าเที่ยวกินเที่ยวเล่นในสถานที่ต้องสงสัยอย่าง ฮันนี่คลับ ของพ่อเลี้ยงอู๊ด คู่แข่งไนต์คลับเฮนเนสซี่ของเสี่ยปุ้ย หรือการหาข่าวในบ่อนการพนันในเมืองเชียงใหม่

    เพราะลักษณะรูปร่างอย่างไอ้เหน่ ไม่ได้เป็นที่สะดุดตาใคร ไม่มีลักษณะเหมือนกับตำรวจสายสืบนอกเครื่องแบบบางคน ยังติดบุคลิกการเดิน สลัดท่าทางเหมือนคนในเครื่องแบบไม่ได้ และมีอีกหลายคนที่เดินหน่วงๆเพราะหนักปืนที่พกอยู่ข้างเอวก็มี
                          
    “ไหน มึงอธิบายให้กู อะไรเป็นอะไรบ้างวะ….”
                           
    แผ่นแรก ไอ้เหน่ อธิบายรองผู้การกองปราบฯผู้เป็นนาย โดยมี 2 ร้อยตำรวจเอกหนุ่มจากกองปราบปรามยืนร่วมดูและฟังไปพร้อมกัน
                           

    “ อันนี้เป็นที่ตั้งของฮันนี่ไนต์คลับ ครับนาย อยู่ริมถนนซุปเปอร์ไฮเวย์สายเชียงใหม่-ลำปาง ตรงข้ามวัดเจ็ดยอด อยู่ในพื้นที่ ต.ช้างเผือก เป็นอาคาร 2 ชั้นๆบนเป็นไนต์คลับ ชั้นล่างทำเป็นที่จอดรถ มีทางขึ้นทางลง 2 ทาง

    ส่วนอันนี้เป็นแฟลตคุ้มทรัพย์ ที่อยู่หลังไนต์คลับแห่งนี้ ส่วนอันนี้เป็นจุดเกิดเหตุโรงแรมเมืองใหม่ ที่เสี่ยปุ้ยถูกยิงตาย ห่างจากฮันนี่ไนต์คลับ ประมาณไม่ถึง 1 กิโลเมตรครับ….”
                          
    ชลอยืนกอดอกเพ่งมองแผนที่ที่สายโจรของเขาวาดขึ้น และใช้นิ้วชี้อธิบายไปตามจุดสี่เหลี่ยมต่างๆบนกระดาษ ถึงจะลวกๆ แต่พอดูออก
                          
    เมื่อเห็นเจ้านาย และ 2 ผู้กองไม่มีท่าทีสงสัย ไอ้เหน่อธิบายแผนผังแผ่นที่ 2 ต่อ
                          
    “อันนี้เป็นสภาพภายในฮันนี่ครับนาย อันนี้เป็นโซนคอฟฟี่ช็อป ส่วนห้องไอ้ฟ้าคราม ผู้จัดการฮันนี่อยู่ตรงนี้ครับ…..”
                          
    “เยี่ยมมาก…มึงไปพักผ่อนให้เต็มที่ เดี๋ยวตอนเช้ากูมีงานให้ทำ…..”
                          
    ชลอเอ่ยปากชม พร้อมหยิบเงินจำนวนหนึ่งให้สายโจรตัวเอ้เป็นรางวัล ทั้งๆที่จริงแล้ว เขาก็ให้จ่าตั๋น จ่ายะ ขับรถพาเขาไปดูสถานที่เหล่านี้มาหนสองหนแล้วก่อนหน้า
                         
     หลังจาก ไอ้เหน่ ออกจากห้อง ชลอคิดอะไรในใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนให้ผู้กองคกโทรศัพท์ตาม จ๋อง ตาเดียว มือปืนหนุ่มเมืองเพชรบุรีที่มาเป็นผู้กว้างขวางในยุทธจักรนักเลงเมืองเหนือมาพบ
                          
    อีกประมาณ 5 นาทีต่อมา จ๋อง ตาเดียว มาปรากฏร่างที่ห้อง
                          
    “ ไอ้จ๋อง มึงพอหาที่หาทาง เงียบๆ ไกลๆผู้ไกลๆคนแถวนี้มีบ้างมั้ย หากได้ตัวไอ้พวกฆ่าเสี่ยปุ้ย  เพราะถ้ากูจะเอากลับฟาร์มที่ตาก มันไกลไป…..”
                          
    รองผู้การหนุ่มถามลูกน้องคนใหม่ของเขา ที่เคยถูกเสี่ยปุ้ยจ้างให้ไปยิงพ่อเลี้ยงอู๊ด
                          
    นักเลงเมืองเพชร นิ่งนึกอยู่ชั่วครู่ก่อนตอบกลับ
                          
    “มีครับพี่ลอ  อยู่ทางไปแม่ทา ลำพูน ใกล้ๆเชียงใหม่ เป็นของพี่เภา เศรษฐีใหญ่ปากน้ำ สมุทรปราการ แกเคยสนิทกับอธิบดีเผ่าด้วย เห็นว่าเคยค้าฝิ่นด้วยกัน ผมรู้จักตอนที่พี่เขาไปทำเหมืองแร่ตะกั่วที่เขาพะเนินทุ่ง แก่งกระจาน เพชรบุรี แกให้ผมมาดูแลเหมืองที่นั่นครับ….”
                          
    ชลอ ยิ้มอยู่ในใจ ไอ้หนุ่มเมืองเพชรคนนี้ มีของดีเยอะไม่เบา ขณะที่หนุ่มเมืองเพชรพูดให้ฟังต่อ
                          

    “ บ้านแกเนื้อที่ประมาณ 20 กว่าไร่ แกมาซื้อตอนมาหุ้นทำเหมืองที่ลำพูนกับคุณอุดม อภิจารี คือพี่เภา แกเป็นคนชอบซื้อที่ เวลาไปที่ไหน เจอที่สวยๆก็จะซื้อไว้ สร้างบ้านพักตากอากาศ ทำเป็นรีสอร์ตส่วนตัว อยู่ริมแม่น้ำแม่ทา

    บรรยากาศดีมากครับ เงียบด้วย ทางเข้าอยู่ก่อนถึงโรงพักแม่ทานิดเดียว…..”
                          
    สำหรับพี่เภาของ ไอ้จ๋อง ชลอพอรู้ประวัติ เป็นอดีตนักเรียนเทพศิรินทร์ เคยถูกพันตำรวจเอก อรรณพ พุกประยูร เพื่อนนักเรียนโรงเรียนเดียวกันที่กลายเป็นอัศวินแหวนเพชรของพลตำรวจเอกเผ่า จับในข้อหากบฏเมื่อปี 2495 แต่สุดท้ายพี่เภาของ ไอ้จ๋อง กลับมาสนิทสนมกันกับพลตำรวจเอกเผ่า ในช่วงปลายๆอำนาจซะอย่างนั้น
                          
    “มึงติดต่อได้มั้ย กูขอใช้สถานที่หน่อย บอกไม่ได้เอาไปฆ่าใคร แต่จะเอาไว้สอบสวนไอ้พวกยิงคดีเสี่ยปุ้ย…..”
                          
    นายตำรวจคู่กัดมาเฟียไบคานพูดตรงๆ
                          
    “ไม่ต้องบอก ก็ใช้ได้เลยครับพี่ เหมืองแร่พะเนินทุ่ง พี่เขายังให้ผมดูแล เรื่องใช้สถานที่แบบนี้ ไม่มีปัญหา เพราะพี่เขาให้ผมดูแลเหมือนกัน แล้วตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่ นอกจากกะเหรี่ยงชาวบ้านในพื้นที่ที่ผมใช้ให้ทำความสะอาด เวลาพี่เขาจะเข้าไปพักน่ะครับ…..”
                          
    “งั้น กูขอใช้เป็นเซฟชั่วคราว ไอ้คก พรุ่งนี้มึงตื่นไปดูสถานที่แต่เช้า แล้วกลับมาเจอที่โรงแรม…..”
                          
    รองผู้การกองปราบปราม สั่งการเป็นชุดรวดเร็วตามสไตล์ เป็นจังหวะเดียวกับมีเสียงกริ้งโทรศัพท์สนามหูหิ้วของชลอดังขึ้น
                          
    นายตำรวจหนุ่มรับสายโทรศัพท์ ขณะที่ลูกน้องเขาทั้งตำรวจทั้งสายโจร 3 คน ที่อยู่ในห้องมองเห็นรอยยิ้มมุมปากของชลอ จากสัญญาณที่ทุกคนรอคอย
                          
    ลูกชายพันโทแช่ม เกิดเทศ ที่ชีวิตราชการก้าวหน้าไปเกินพ่อคุยกับคู่สนทนาปลายสายอยู่สักพัก ก่อนวางหูกลับมาพูดคุยกับลูกน้องทั้ง 3 คนต่อ
                         
     “ไอ้ฟ้าคราม โทรมาแล้ว มันบอกนัดไอ้ติ๋ง ไอ้อ๊อด ไอ้เต่า กับชุดยิงเสี่ยปุ้ย มีทั้งหมด 3 คน ที่มาทำงานเป็นการ์ดรักษาความปลอดภัยให้กับไอ้พ่อเลี้ยง นัดให้มาเจอที่ห้องทำงานมันในฮันนี่มันตอนบ่ายสองโมงตรง เพราะไอ้พวกนี้มันเพิ่งตื่น….”
                          
    ไอ้เบี้ยว มึงเอารูปไอ้ 3 ตัวนี้ ให้กูดูหน่อย
                          
    นายตำรวจรุ่นน้องเลือกหยิบรูปของทั้ง 3 คน ออกจากแฟ้มที่ผู้กองคก รวบรวมรายชื่อและกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในแก๊งไอ้ป้อม คอนติ ที่เชื่อว่าเป็นคนรับงานฆ่าเสี่ยคนดังเมืองเชียงใหม่มาให้ผู้บังคับบัญชาหนุ่มดูอีกครั้ง
                          
    ชลอดูรูปภาพของ 3 เป้าหมายที่ยังกบดานอยู่ในเมืองเชียงใหม่ ในฐานะชุดรักษาความปลอดภัยของธุรกิจในเครือฮันนี่ไนต์คลับของพ่อเลี้ยงอู๊ด จอมอิทธิพลหนุ่มคนดังเมืองเหนือ  

    ทั้งหมดเคยถูกตำรวจเมืองเชียงใหม่บุกเข้าตรวจค้นที่แฟลตคุ้มทรัพย์ หลังเกิดเหตุยิงเสี่ยปุ้ยใหม่ๆ ถึงแม้จะเจอตัว เจอปืน แต่ก็เด้งออกมา เพราะมีบัตรอนุญาตพกปืนจากผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจคนหนึ่ง
                          
    ไอ้ติ๋ง -หรือนายสำเนาว์ คงคุ้ม ไอ้อ๊อด หรือนายสุทธิพร อินทรัตน์ และไอ้เต่า หรือนายสุรชาติ จิระขวัญฉาย
                          
    ชลอดูภาพทั้ง 3 คนทีละใบๆ ก่อนยื่นให้กับผู้กองคก ที่เขาวางตำแหน่งให้เป็นคนนำกำลังเข้าชาร์จจับกุมไอ้ 3 ตัวนี้ ก่อนสั่งให้ ผู้กองเบี้ยวเตรียมหาที่ถ่ายเอกสารในโรงแรมเพื่อนำมาประชุมในขั้นตอนสุดท้าย
                         
     “ไป…พวกมึงไปพักผ่อน พรุ่งนี้ 10 โมงเช้า กินข้าวเสร็จแล้วบอกทุกคนมาเจอกันที่ห้องกู…..”
                          
    ชลอสั่งลูกน้อง ส่วนเขาเดินกลับไปที่ห้องนอนด้านในด้วยความพึงพอใจ อะไรๆก็เข้าทางเขาไปเสียทุกอย่าง
                          
    เมื่อได้อยู่คนเดียว ชลอหยิบบุหรี่ 555 ยี่ห้อโปรด มานั่งอัดควันเข้าปากพอแค่นๆ พร้อมนั่งคิดในใจ ตอนแรกว่าจะโทรศัพท์ไปรายงานผลความคืบหน้ากับพลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ รองอธิบดีกรมตำรวจ ผู้เป็นเจ้านายโดยตรงที่สั่งงานเขา แต่ก็เปลี่ยนใจชะงัก รอให้เขาได้ไอ้ 3 ตัวนี้มาอยู่ในมือเสียก่อนจะดีกว่า
                          
    เขานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย คิดถึงลูกๆของเขา โดยเฉพาะ กุ้ง ชอบรบ ที่จากไปก่อนวัยอันควรด้วยน้ำมือของไอ้พวกมาเฟียไบคาน คิดถึงตุ๊กตา แม่ๆของลูกชายลูกสาวทั้ง 3 คน คิดถึงไมค์ -มิเชล ลูกสาวอาจารย์แหม่ม  ครูสอนภาษาชาวอเมริกัน สมัยที่เขายังเรียนอยู่ในรั้วสามพราน คิดถึง ใหญ่ สาวอยุธยา สาวน้อยร่างระหงวัยห่างจากเขา13-14 ปี ที่คอยดูแล ปู-ชนม์ยืน และปลา-กุมาริกา  2 ลูกชายลูกสาวของเขา รวมทั้งเขาด้วย
                          
    ห้วงความคิดหยุดชะงักเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชลอขยี้บุหรี่ในมือลงใส่ที่เขี่ยบุหรี่จานแก้ว ลุกขึ้นไปหยิบปืนโคลท์ 11 มิลลิเมตร คู่ใจตามปกตินิสัย ก่อนเดินไปดูที่ช่องตาแมว เห็นจ่าอ๋อย ยืนอยู่ข้างสาวน้อยคนหนึ่ง

    เขาจำได้ดีว่าเป็นหมอนวดสาวชาวอาข่า ที่เคยมาบีบนวดให้เขาจนไปถึงสวรรค์กันทั้งคู่ เมื่อช่วงแรกๆที่เขามาพักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ ช่วงแรกๆที่เขาตามล่าหาตัว จ๋อง ตาเดียว ผู้ต้องสงสัยยิงเสี่ยปุ้ย
                          
    นายตำรวจหนุ่มวัยฉกรรจ์เปิดประตูให้ แต่หมอนวดสาวอาข่าก้วเท้าเข้ามาเพียงคนเดียว ส่วนจ่าอ๋อย ขอตัวกลับไปที่ห้อง เขารู้ว่าคงมีหมอนวดสาวคู่ขารออยู่เหมือนกัน
                          
    เมื่ออยู่กัน 2 คน ชลอทักทายหมอนวดสาวที่ไม่ได้มีอาการเคอะเขิน เหมือนอย่างที่พบกันวันแรก และเหตุการณ์ต่อจากนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของธรรมชาติ


                          
    10 โมงเช้า ชลอเรียกประชุมลูกน้องของเขาที่ห้องพัก
                         
     หลังทุกคนพร้อมหน้า ชลอให้ผู้กองเบี้ยวบรีฟสถานการณ์ โดยให้ไอ้เหน่ และหมวดทองดำ คอยรายงานทางวิทยุสื่อสารว่าเป้าหมายทั้ง 3 คน ออกจากห้องพักที่แฟลตคุ้มทรัพย์มาที่ห้องทำงานของเจ้าฟ้าครามในฮันนี่ไนต์คลับในช่วงเวลาไหน
                         
     ส่วนการเข้าชาร์จจับกุม ชลอสั่งทุกคนให้รอสัญญาณจากหมวดทองดำ และไอ้เหน่ ที่ไปอยู่ในห้องที่แฟลตคุ้มทรัพย์ ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นห้องทำงานของเจ้าฟ้าครามได้อย่างชัดเจน ตามที่เขาสั่งให้สายแปรพักตร์ เปิดห้องพักรอไว้ตั้งแต่เมื่อคืน โดยผู้จัดการฮันนี่บอกว่า จะส่งสัญญาณให้ด้วยการเปิดม่านหน้าต่าง
                          
     ม่านเปิดเมื่อไหร่ หมวดทองดำจะแจ้งวิทยุส่งสัญญาณให้ทีมงานที่เหลือที่จอดรถแสตนบายอยู่โดยรอบ บุกเข้าจู่โจมจับกุมเป้าหมายทั้ง 3 คน ตามที่ผู้กองเบี้ยวนำรูปภาพมาแจกจ่ายให้ทุกคนดูหน้าทันที
                          
    นอกจากนี้ ชลอยังให้ผู้กองเบี้ยว นำรูปของ ป้อม คอนติ หรือนายเมธา วรรณศิลป์ ที่ต้องสงสัยเป็นคนรับงานฆ่าเสี่ยปุ้ย และ ตุ่ม ประตูน้ำ หรือชื่อจริง นายดำรง วิริยะบุตร ที่ต้องสงสัยเป็นมือปืนปลิดชีพเสี่ยปุ้ย ให้ทุกคนดู หากมีเป้าหมายเข้ามาเกินกว่า 3 คนที่วางไว้ครั้งแรก กันพลาด
                         
     ส่วนเจ้าฟ้าคราม ชลอให้ทุกคนไม่ต้องจับกุม อย่าไปแตะต้อง ให้ทำเป็นว่าเจ้าฟ้าคราม สามารถหลบหนีไปได้ พร้อมกันนั้นให้คนที่รับผิดชอบเตรียมรถ เตรียมคนอย่างน้อย 3 คนต่อ 1 เป้าหมาย นำตัวไปที่เซฟเฮ้าส์ที่แม่ทาทันที
                          
    แต่ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น ให้ทุกคนรอคำสั่งวิทยุจากชลอเพียงคนเดียวเท่านั้น
         
     ——————————————————————————-
                          
    ทุกอย่างเป็นไปตามแผน  ทันทีที่ม่านสีฟ้าในห้องทำงานของเจ้าฟ้าคราม ผู้จัดการฮันนี่ไนต์คลับ ถูกเปิดออก ไม่กี่อึดใจ กลุ่มชายฉกรรจ์หลายคน พร้อมอาวุธปืนครบมือก็กรูเข้าไปภายในห้อง เสียงขู่ตะคอกดังข่มขวัญ ประกอบกับปืนนานาชนิดที่จ่ออยู่บนหัว
                          
    “หยุดอย่าขยับ นี่ตำรวจ…..”
                         
     ไอ้ติ๋ง -หรือสำเนาว์ คงคุ้ม ไอ้อ๊อด หรือสุทธิพร อินทรัตน์ และไอ้เต่า หรือสุรขาติ จิระขวัญฉาย  รู้ทันทีว่าอิสรภาพของมันหมดสิ้นลงแล้ว
                           
    แต่ก่อนที่ ตาทั้งคู่ของไอ้ติ๋ง 1 จะถูกปิดด้วยผ้าปิดตาจากลุ่มชายฉกรรจ์ที่โผล่พรวดเข้ามาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว มันรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราว่าเคยเห็นที่ไหน
                          
    สุดท้ายมันนึกออก ช่วงที่ที่มันกลับกรุงเทพฯ เมื่อไม่กี่วันนี้ มันไปเที่ยวสถานบันเทิงห้าแยกปากเกร็ด   เจอกับจ่าประจักษ์ สห.

    ด้วยความเมาเผลอเข้าไปคุยอวดว่าเพิ่งไปขี่จักรยานยนต์ให้มือปืนคนหนึ่งไปยิงคนที่เชียงใหม่ โดยมีชายร่างใหญ่หนวดเคราดกรกรุงรังคนนี้นั่งอยู่ข้างๆ
                                                                                                
     

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments