96.รวบแก๊งฆ่ากากีกลาย

ตำนานมือปราบพระกาฬ ชลอ เกิดเทศ โดยกิตติพงศ์ นโรปการณ์
                                           
             “คราวนี้มึงรู้จักกูแล้ว มึงมีอะไรจะบอกมั้ย เรื่องหมอเปี๊ยก….”

เสียงกังวานมีอำนาจของนายตำรวจผู้มียศใหญ่สุดในห้องซักจ่าสิบตำรวจต้องสงสัยเป็นคำแรก


ทำเอาตำรวจชั้นประทวนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าถึงกับเข่าอ่อน เหงื่อแตกซิก ทั้งๆที่อยู่ในห้องที่เย็นเฉียบด้วยแอร์คอนดิชั่น เมื่อรู้ว่าชายในชุดซาฟารีน้ำเงินเข้ม ที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ตรงหน้า คือนายตำรวจที่กล้าลุยรบกับมาเฟียแขกปาทาน และมากด้วยชื่อเสียงในการจับคนร้ายอย่างเด็ดขาด  

                             

   “ว่ามา พวกมึงมีใครบ้างที่ไปยิงหมอเปี๊ยก เล่ามาตรงๆอย่าให้กูโมโห…….”
                               

รองผู้บังคับการกองปราบฯเกทับซ้ำเสียงเข้มหลังเห็นพิรุธ

“คุณรู้เห็นอะไรเรื่องนี้ บอกท่านรองชลอไปซะ เผื่อท่านจะหาหนทางช่วยเหลือคุณได้…..”

                               

หัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ใช้น้ำเย็นเข้าลูบตามหลักการสอบสวนหาข่าว

คนหนึ่งขู่ อีกคนหนึ่งปลอบ….

เพื่อให้ผู้ต้องสงสัย หรือผู้ต้องหามีทางเลือก พร้อมหยิบเก้าอี้มาตั้งที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามพันตำรวจเอกชลอ ก่อนเรียกให้จ่าศักดิ์ ที่เปรียบเหมือนสมันน้อยในฝูงพยัคฆ์มานั่ง

ร่างผอมเกร็งของจ่าสิบตำรวจสมศักดิ์  ทำตามอย่างว่าง่าย พร้อมหันมองหน้าพันตำรวจเอกโสภณ ทำนองเหมือนขอคำปรึกษาด้วยสีหน้าใช้ความคิด

ขณะที่ชุดสืบสวนตามคำสั่งอธิบดีกรมตำรวจที่นำโดยพันตำรวจเอกชลอยังจับจ้องอากัปกริยาของนายตำรวจชั้นประทวนผู้ต้องสงสัยชนิดไม่วางตา
                               

“ครับๆๆ…ผมยอมแล้ว ผมจะเล่าทุกอย่างที่ผมรู้ แต่ท่านต้องช่วยผมนะ….”
             

จ่าตำรวจต้องสงสัยเริ่มคลายแต่ยังมีข้อแม้
                                 

สำหรับชลอ ตำรวจใกล้ชิดเขาต่างรู้กัน ถ้าผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหารายไหนให้ความร่วมมือ พูดความจริง เขามักจะหาวิธีช่วยเหลือเสมอ ยิ่งเป็นตำรวจด้วยกัน ถ้าให้ความร่วมมือหรือพูดความจริงก็ยิ่งช่วย เขามองว่าการสืบสวนคดีแต่ละคดี จริงแล้วเหมือนกับเกมกีฬา เมื่อแพ้แล้วก็ต้องยอม
                               

“เอ้า…มึงว่ามา เรื่องมันเป็นยังไง ….”
                               

“พวกผมรับงานมาจากเจ๊พรรณ กับเสี่ยอั๊น 2 ผัวเมียเจ้าของปั๊มน้ำมันในบางเลนครับ….”
                                 

“มีใครกันบ้าง……..”

ชลอถามเสียงห้วน
                              

  “ มีดาบสัง จ่าคอน จ่าดม อีกคนชื่อไมตรี เป็นคนขับรถสองแถวครับ….”
              

จ่าศักดิ์ก้มหน้าเปิดเผยรายละเอียด ขณะที่ผู้กองเบี้ยว ร้อยตำรวจเอกพิภพ เบี้ยวไข่มุก จดรายละเอียดลงในสมุดบันทึกตามถ้อยคำ
                               

“ตำรวจที่ไหนบ้างวะ เอาชื่อจริงกับสังกัดมาด้วย….”

ชลอซักต่อ

“ดาบสัง ชื่อดาบตำรวจสังวาล ศรีดวง อยู่กองสืบบก.ภ. 3 จ่าคอน ชื่อจริงจ่าสิบตำรวจนคร ประเสริฐธัญญะ อยู่โรงพักเมืองนครปฐม ส่วนจ่าดม ชื่อจริง จ่าสิบตำรวจอุดม เพชรโพธิสุข ตำรวจกองสืบ บก.ภ. 3 ที่เดียวกับดาบสังครับ…”

                               

“ ยิงเรื่องอะไรวะ…….”
             

นายตำรวจมือปราบถามจ่าศักดิ์ โดยมีพันตำรวจเอกโสภณ นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ
             เห็นนิ่งๆเนิบๆพูดจาเพราะ  แต่กับโจรนี่โหดเอาเรื่อง

ชลอได้ยินชื่อเสียงโสภณอยู่บ้าง เขาเอาอยู่หมด เพราะนอกจากที่จังหวัดนครปฐม มือปืนจะเยอะแล้ว ยังได้ชื่อเรื่องโจรลักรถบรรทุกด้วย

สำหรับที่เมืองพระปฐมแห่งนี้ ถ้ามีข่าวพบศพถูกยิงตายในพื้นที่ หากพนักงานสอบสวนท้องที่รู้ว่าคนตายมีประวัติในทางไม่ดี จะทำเรื่องระงับการสืบสวนต่อทันที นั่นเป็นนโยบายของหัวหน้าตำรวจจังหวัดนครปฐมคนนี้
                               

“2 ผัวเมียเขามีเรื่องขัดแย้งกับหมอเปี๊ยกครับ แต่ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไรครับ…..”

จ่าศักดิ์เริ่มเผย

“จริงๆแล้วเสี่ยอั๊นกับเจ๊พรรณ สองผัวเมียเขาก็สนิทสนมกับหมอเปี๊ยกอยู่ เคยได้ยินว่าทั้งคู่ร่วมหุ้นกันทำปั๊มน้ำมันที่บางเลน

แต่หุ้นอีท่าไหนไม่รู้ หมอเปี๊ยกแกฟ้องศาลเรื่องเจ๊พรรณเป็นหนี้ 3 ล้านบาทแล้วไม่ยอมใช้ เรื่องยังคาอยู่ชั้นศาล….”
                               

คราวนี้ พันตำรวจเอกโสภณให้รายละเอียดบ้าง
                               

ชลอนั่งฟัง หน้าตาเหมือนใช้ความคิดสักครู่เดียว หันไปสั่งรองแป๋ง รองผู้กำกับหนุ่มดีกรีเอฟบีไอ
                               

“แป๋ง เดี๋ยวมึงโทรศัพท์ไปเรียกกำลังเรามาเพิ่ม เอาไอ้คก ไอ้หนุ่ย ไอ้ป๊อก คุมกำลังมา ให้ออกเดินทางมาเลย ให้มาเจอที่นี่ตอนนี้ ส่วนโสภณ มึงช่วยให้ลูกน้องไปบล็อกลูกน้องมึงทั้ง 3 คนไว้ก่อน

รวมทั้ง 2 ผัวเมียคู่กรณีด้วย ถ้ามันยังไม่รู้ตัว ยังไม่ต้องเข้าไปจับ แต่ถ้ามันรู้ตัวเหมือนจะหนีก็ล๊อกตัวได้เลย…”

ชลอสั่งการเร็วปรื๋อ

      “แป๋ง มึงช่วยประสานตำรวจกอง 5  ใครที่ดูแลพื้นที่จังหวัดนครปฐมให้เดินทางมาด้วย อ้อ บอกความคืบหน้าเรื่องนี้ให้ณรงค์วิช รู้ด้วย ส่วนผู้การกุศล เดี๋ยวกูโทรรายงานเอง……”
       

คู่กรณีไบคานบอกนายตำรวจหนุ่มรุ่นน้อง ให้ประสานกอง 5  หรือกองกำกับการ 5 กองปราบปราม ที่มีเขตอำนาจสืบสวนสอบสวนในเขตจังหวัดนครปฐม ประตูสู่ภาคตะวันตกและภาคใต้ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ

ส่วนณรงค์วิช คือพันตำรวจเอกณรงค์วิช ไทยทอง ผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม หรือผู้กำกับประเทศไทย มีอำนาจสืบสวนสอบสวนคดีอาญาทั่วราชอาณาจักร และเป็น1 ในทีมงานที่เข้าไปรับคำสั่งภารกิจนี้ที่กรมตำรวจเมื่อช่วงสาย
       

จากนั้นชลอและโสภณ ร่วมกันซักสาเหตุยิงถล่มนายแพทย์นิยม หมอใจพระของคนบางเลนต่อจนได้ประเด็นความขัดแย้งที่เป็นชนวนตายหลายเรื่อง แต่ยังปฏิเสธไม่ได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ลงมือยิงถล่มหมอเปี๊ยก
       

จ่าศักดิ์เริ่มคายประเด็นสังหาร เริ่มจากหมอเปี๊ยกคนตาย ทำเรื่องร้องเรียนไปยังสรรพากรจังหวัดเรื่องที่เจ๊พรรณ ขายตึกแถว 13  ห้อง พร้อมที่ดิน โดยขายไปห้องละ 3 แสนบาท แต่แจ้งเสียภาษีว่าได้ขายที่ดินไป 13แปลงๆละ 1 หมื่นบาทเท่านั้น แต่ไม่ได้อ้างถึงการขายตึกแต่อย่างใด ทำให้สรรพากรขาดรายได้การเก็ยภาษีไปเป็นจำนวนมาก
       

ส่วนเรื่องที่ 2 จากปากคำจ่าศักดิ์ เป็นเรื่องที่หมอเปี๊ยก ไปยื่นฟ้องแพ่งเจ๊พรรณ เรื่องจ่ายเช็กเด้ง  

อีกเรื่องคือ 2 ผัวเมียคู่นี้ที่จ่าศักดิ์รับรู้ คือไปยืมเงินจากหมอผู้ตายหลายครั้งติดต่อกัน ยอดเงินสูงเกือบ 3 ล้านบาท จ่าศักดิ์บอกว่า หมอเปี๊ยกติดตามทวงขอเงินจำนวนที่ว่าคืน แต่ถูกเจ๊พรรณและเสี่ยอั๊นผัดผ่อนมาตลอด        

เพื่อนรักหักเหลี่ยมกันนี่หว่า ชลอคิดในใจ….
       —————————————————-
          เลยเที่ยงคืนมาเล็กน้อย กำลังตำรวจกองปราบปราม จากกรุงเทพฯ ที่ชลอเรียกมาเสริมเดินทางมาถึงสถานีตำรวจภูธรอำเภอนครไชยศรี

ไม่ว่าจะเป็นพันตำรวจโท ฐิติ ตะละภัฎ รองผู้กำกับการ 5 กองปราบปราม พันตำรวจโทสมพล ภมรจันทร์ สารวัตรแผนก 5 กองกำกับการ 5 กองปราบปราม ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ร้อยตำรวจเอกเจตนากร นภีตะภัฎ ร้อยตำรวจเอกวิชัย ไฝเนียม ร้อยตำรวจโทโรจนนะ สมุนไพร ร้อยตำรวจตรีอภินันท์ เกตุษเฐียร ร้อยตำรวจตรีไพรัช ทองเกิด
       

ส่วนตำรวจท้องที่นอกจากพันตำรวจเอกโสภณแล้ว ยังมีพันตำรวจโทประดิษฐ์ บุญพิทักษ์ รองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พันตำรวจโทธีรบูรณ์ สมบูรณ์ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครปฐมพันตำรวจโทประสาร วรกิจพินิจ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอบางเลน เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุคดีฆ่านายแพทย์นิยมมาร่วมด้วย
       

หลังตำรวจทั้ง 2 หน่วยพร้อมแล้ว ทั้งหมดถูกเรียกให้เข้าประชุมที่ลานจอดรถหน้าโรงพัก เพื่อรับทราบสถานการณ์ และภารกิจที่ต้องทำในการเข้าตรวจค้นบ้าน 2 ผัวเมียจอมบงการฆ่าหมอเปี๊ยก และบ้านผู้ต้องสงสัยสีกากีทั้ง 3 นายกับอีก 1 พลเรือน ที่จะเริ่มปฏิบัติพร้อมกันในช่วงฟ้าสาง

       โดยตำรวจทั้ง 2  หน่วยเกลี่ยกำลังออกเป็น 5 ชุด  แบ่งหน้าที่กันทำ  ตำรวจจังหวัดนครปฐม ทำหน้าที่ชี้บ้านเป้าหมาย ส่วนชุดสืบสวนกองปราบปราม ทำหน้าที่ตรวจค้นและจับกุม โดยบ้านของ 2 ผัวเมียเจ้าของปั๊มน้ำมัน มีพันตำรวจเอกชลอ และพันตำรวจเอกโสภณ เป็นผู้นำเข้าตรวจค้น
       

เมื่อทุกอย่างพร้อม ฟ้ายังไม่ทันสว่าง แก๊งฆ่าหมอเปี๊ยกอีก 4 คนที่เหลือถูกจับกุมได้คามุ้ง แต่ละคนถูกรวบชนิดคาที่นอนอย่างไม่ทันรู้ตัว

ดาบตำรวจสังวาลย์ ดวงศรี ถูกจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 190/1 ซอยราชดำริ3  ถนนราชดำเนิน อำเภอเมืองนครปฐม
     

 จ่าสิบตำรวจนคร ธัญญประเสริฐ ถูกรวบได้ที่บ้านเลขที่ 93/163 ภายในศูนย์การค้าคั้งเซียฮวด ถนนราชมรรคา อำเภอเมืองนครปฐม จุดนี้ชุดสืบสวนกองปราบปรามตรวจยึดปืนเอ็ม16 ไม่มีทะเบียน ได้ 2 กระบอก ปืน 11 มิลลิเมตรอีก 1 กระบอก
       

จุดที่ 3 จ่าสิบตำรวจอุดม สุขโพธิ์เพชร ถูกตะครุบได้ขณะกำลังล้างหน้าแปรงฟันที่บ้านพักเลขที่ 63/13 หมู่ 3 ตำบลท่าตำหนัก อำเภอเมืองนครปฐม

ส่วนนายไมตรี ปิ่นตบแต่ง คนขับรถสองแถวรับจ้าง ถูกจับได้ที่บ้านเลขที่ 95 หมู่ที่ 3 ตำบลศีรษะทอง อำเภอนครไชยศรี

จุดนี้ยึดรถกระบะ ทะเบียน 9ม-6104นครปฐม ที่เชื่อว่าเป็นพาหนะก่อเหตุ และพาแก๊งกากีกลายหลบหนีไว้เป็นหลักฐานประกอบคดี
       

ส่วนบ้านจ่าสิบตำรวจสมศักดิ์ ตัวเปิดเกม ชุดสืบสวนกองปราบปราม นำโดยพันตำรวจโทอัมรินทร์ คุมตัวไปค้นที่บ้านพัก หลังสถานีตำรวจภูธรอำเภอนครไชยศรี โดยยึดปืนรีวอลเวอร์.357 1 กระบอก ปืน 11 มิลลิเมตรอีก 2 กระบอก ปืนเอ็ม 16 อีก 2 กระบอก และปืนลูกโม่.38  1 กระบอก
       

หลังการจู่โจม ตำรวจทั้ง 4 นายพร้อมพลเรือนที่ถูกซัดทอดร่วมกันก่อคดีอุกอาจในอำเภอบางเลน ถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอนครไชยศรี ตามที่ชลอสั่งการไว้ เพื่อรอการสอบสวนปากคำเบื้องต้น

ชลอมีคำสั่งให้แยกกันควบคุมคนละห้อง ห้ามไม่ให้ผู้ต้องหาทั้งหมดได้พบหน้าเจอกันเด็ดขาด
       

พระอาทิตย์เคลื่อนตัวส่งแสงสว่างตามลำดับ ชุดสืบสวนของชลอ และโสภณ เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 29/1 หมู่ 2 ตำบลบางไทรปลา อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม บ้านของเสี่ยอั๊น หรือนายอั๊น ศิริเสถียร และเจ๊พรรณ-นางสุพรรณ ศิริเสถียร ที่ถูกจ่าศักดิ์ ซัดทอดว่าเป็นจอมบงการจ้างวานสังหารนายแพทย์
       

ต่อหน้านายพันตำรวจเอกแห่งกองปราบปราม 2 ผัวเมียเจ้าของปั๊มน้ำมัน และกิจการค้าโรงไม้ ปฏิเสธการอยู่เบื้องหลังสังหารโหดหมอพ่อพระ
     

 “จริงๆแล้วผมกับเมียสนิทสนมกับหมอเปี๊ยกมาก เป็นเพื่อนรักกันเลย สมัยเขาลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.นครปฐม เมื่อปี 2518 หมอเปี๊ยกยังมายืมเงินผมกับเมีย 6 แสนบาท อ้างเอาไปทำทุนหาเสียง

แถมยังมาเซ็นบิลน้ำมันในปั๊มเมียผมเพื่อใช้หาเสียง คิดเป็นเงินประมาณ 7 หมื่นบาท จริงๆแล้วหมอต้องใช้เงินคืนผมเป็นล้านนะครับ….”
       

เสี่ยอั๊นเปิดปากให้ชลอฟังหลังถูกกล่าวหาแต่เช้าว่าอยู่เบื้องหลังการตายของหมอคนดังเมืองนครปฐม
       

“ไม่ใช่แค่หมอนะคะท่าน เมียหมอยังนิสัยไม่ดีด้วย ชอบทำนามบัตรปลอมอ้างไปเรื่อยว่าเป็นหม่อมเป็นเจ้า ไปอ้างซื้อหาแลกเปลี่ยนเช็ก เคยถูกแจ้งจับหลังโกงเช็กตั้ง 10 ล้านบาท มีคดีอยู่ที่กรุเทพฯ ถ้าจำไม่ผิด ที่บางเขนกับพลับพลาไชย ท่านลองไปเช็กสิคะ……”
       

คราวนี้เจ๊พรรณ เจ้าของปั๊มนำมันศิริไพบูลยวัย 47 ปี เปิดปากเล่าให้ฟังบ้าง
       

“เอาอย่างนี้ เดี๋ยวค่อยว่ากัน คุณจะจ้างไม่จ้างมันเรื่องของคุณ รู้อยู่ในใจ เอาแค่ว่าจ่าศักดิ์ มันรับสารภาพหมดแล้ว…….”
     

 ชลอกล่าวกับ 2 ผัวเมียสั้นๆ แต่ทำให้ทั้งคู่ถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที
     

 หลังตรวจค้นภายในบ้าน บันทึกจับกุมเรียบร้อย ชลอและโสภณ ให้ตำรวจคุมตัว  2 ผัวเมียเข้าไปที่สถานีตำรวจภูธรอำนครไชยศรี   เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันจ้างวานใช้ให้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน
       

ขณะเดียวกัน ทั้งคู่แยกกันสอบปากคำนักฆ่าสีกากีทั้ง 4 คนที่ร่วมกับพลเรือนฆ่าหมอเปี๊ยกอีกครั้ง
       

นอกจาก จ่าศักดิ์แล้ว ผู้ต้องหาทั้งหมดซึ่งรวมถึง 2 ผัวเมียเจ้าของปั๊มน้ำมันและโรงไม้ ให้การปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง
       

เป็นไปตามที่ชลอคาดไว้ ของอย่างนี้ ถ้าจับไม่มั่นคั้นไม่ตาย ใครจะไปรับสารภาพ ยิ่งเป็นตำรวจที่ทำงานอยู่ในกองสืบสวนอย่าง “ดาบสัง”กับ “จ่าดม” ด้วยแล้ว ถ้าไม่มีพยานหลักฐานมัดแน่นหนา อย่าไปหวังว่าจะได้รับคำสารภาพออกจากปาก
       

ทั้งคู่ไม่ได้เป็นไก่อ่อนอย่าง “จ่าศักดิ์”ตัวเปิดเกมรับสารภาพที่ชลอตั้งใจว่าจะกันเป็นพยานภายหลัง