ตำรวจภูธรภาค 2 แถลงข่าว จับกุมตัวผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ร้านทอง ที่หนีไม่รอดตามไปจับกุมได้ในประเทศเกาหลีใต้
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 20 กันยายน 2566 พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 ร่วมกันแถลงแถลงข่าวการจับกุม นายสุนทร ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่าสาขาพัทยาใต้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2565 เวลาประมาณ 20.00 น.
จากการสอบถามพนักงานในร้านให้การว่า คนร้ายเป็นชายไทยเข้ามาในร้านขอดูสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท เดินไปมาประมาณ 3–4 รอบ ต่อมาได้ควักปืนออกมาข่มขู่พนักงาน แล้วเดินมารวบถาดทองไป 2 ถาด รวมหนัก 34 บาท มูลค่า 1,074,060 บาท แล้วถือวิ่งออกไป
ผู้ต้องหาวางแผนมาอย่างดี เตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิด โดยเฉพาะปืนบีบีกัน ที่นำมาใช้ข่มขู่ให้พนักงานประจำร้านทองหวาดกลัว พร้อมวางแผนเส้นทางหลบหนี ใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบกล้องวงจรปิดกว่า 2 สัปดาห์
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพบจุดที่คนร้ายนำเสื้อผ้าเเละอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุไปทิ้ง ได้ใช้วิธีการสืบสวนภาคพื้นดิน พิสูจน์ทราบแหล่งที่มาของสิ่งของที่คนร้ายใช้ก่อเหตุในทุกมิติของการสืบสวน ทราบว่าได้หนีไปเป็นช่างซ่อมบ้านอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ ตามไปจับกุมได้ดังกล่าว
ในการจับกุมครั้งนี้ เป็นการประสานความร่วมมือขององค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศหรือ “ตำรวจสากล” (INTERPOL)มีภาคีเครือข่ายทั้งหมด 194 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยและประเทศเกาหลีใต้ มีหน้าที่สำคัญ คือเป็นตัวกลางในการประสานความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศต้นทางกับประเทศปลายทาง ในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือการแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างประเทศ
โดยประเทศต้นทางจะต้องประมวลเรื่องเสนอให้ INTERPPOL ในการขออนุมัติการออกหมายแดง (RED NOTICE) ซึ่งเป็นคำร้องให้ประเทศในภาคีเครือข่ายสามารถจับกุมคนร้ายตามหมายแดงได้ โดยจะต้องเป็นคดีที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ เชื้อชาติ ศาสนา การเมือง และต้องไม่มีลักษณะที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากลด้วย
ตำรวจภูธรภาค 2 ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติสาธารณรัฐเกาหลี และ องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (INTERPOL) จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาคดีสำคัญในครั้งนี้